ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1037 เชือดไก่ให้ลิงดู
ตอนที่ 1037 เชือดไก่ให้ลิงดู
……….
บอดี้การ์ดก็ปิดปากของเขาไปอย่างเชื่อฟังโดยธรรมชาติและไม่กล้าพูดอะไรใดๆเพราะเมื่อเผชิญหน้ากับม่อหลงแล้วเขาก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางชนะได้เพราะเจตนาฆ่าที่รุนแรงที่เล็ดลอดออกมาจากม่อหลงนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถมีได้ ซึ่งมันได้มาพร้อมกับประสบการณ์แห่งชีวิตและความตายและเขาก็รู้ดีว่าเป็นการดีที่สุดสำหรับเขาที่จะเชื่อฟังและไม่เคลื่อนไหวใดๆ
เย่เชียนก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วเดินไปที่ห้องด้านในและผลักประตูเข้าไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งอยู่บนเตียงและมีเพศสัมพันธ์กันอย่างดุเดือด เมื่อโจวหยวนได้ยินเสียงประตูถูกเปิดเขาก็ไม่คิดอะไรใดๆและตะโกนด่าทอออกไปว่า “ใครบอกให้แกเข้ามา?..ออกไปซะ!” เมื่อเขาหันกลับไปเขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่เข้ามาคือเย่เชียนและเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความตกใจและทันใดนั้นเขาก็แน่นิ่งไปทันที
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แสดงท่าทีเขินอายมากนักและเธอก็ยังคงขยิบตาให้เย่เชียนแต่เย่เชียนก็ตอกกลับไปว่า “ถ้าเธอยังกล้าที่จะขยิบตาอีกฉันจะควักลูกตาของเธอออกมา!”
หญิงสาวถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่อาฆาตของเย่เชียนแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านและไม่กล้าทำอะไรใดๆอีก ส่วนโจว หยวนก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “บอสครับทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?..ผมขอโทษจริงๆรับผมไม่รู้เลยว่าคุณจะมา..เอ่อ..บอสช่วยออกไปก่อนได้หรือเปล่าครับผมจะรีบแต่งตัวแล้วรีบตามไปทันที”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเพราะคำพูดของโจวหยวนดูเหมือนกลัวตัวเองเล็กน้อยแต่เขาก็รู้สึกชัดเจนว่าเขาไม่ได้แยกแยะระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเลย จากนั้นเย่เชียนก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้ายังไม่เสร็จก็รีบๆทำซะ..เดี๋ยวฉันจะไปรอนายข้างนอก”
เมื่อเย่เชียนพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป
“หัวหน้าฉันยังสนุกไม่พอเลย..มาทำกันต่อเถอะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดเมื่อเห็นเย่เชียนเดินออกไปและเธอก็มีความกล้ามากขึ้น
“ไปซะ..รีบไปให้พ้น!” โจวหยวนตะโกนออกมาด้วยความโกรธและหยิบเงินสามร้อยหยวนออกจากกระเป๋าของเขาแล้วโยนให้เธอ
ผู้หญิงคนนั้นกำหน้าบึ้งและพึมพำ “ผู้ชายไร้ประโยชน์”
ใบหน้าของโจวหยวนก็เปลี่ยนไปและตบหน้าเธอแล้วพูดว่า “ถ้าเธอยังกล้าพูดอีกครั้งฉันจะฆ่าเธอเชื่อหรือเปล่า?..ไสหัวไปซะ!..ถ้าเธอยังกล้ามาที่นี่อีกและถ้ามีอะไรผิดพลาดฉันคงไว้ชีวิตเธอไม่ได้”
ผู้หญิงคนนั้นก็จับแก้มของเธอและเธอจะกล้าพูดอะไรอีก ดังนั้นเธอจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นเดินออกไป ซึ่งใบหน้าของโจวหยวนในตอนนี้ดูบิดเบี้ยวมาก ซึ่งแววตาของเธอคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวแต่เธอก็รีบออกไป ในตอนนี้โจวหยวนก็รีบใส่เสื้อผ้าแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเดินออกไป
ต่อหน้าเย่เชียนแล้วโจวหยวนดูอ่อนน้อมถ่อมตนและพูดว่า “บอสครับ..คือ..บอสมาที่เมืองซีหนิงตั้งแต่เมื่อไหร่และทำไมบอสถึงไม่บอกผมล่ะผมจะได้ไปต้อนรับบอส!” จากนั้นเขาก็หันไปมองบอดี้การ์ดด้านข้างของเขาและพูดว่า “บอสครับคือเด็กๆพวกนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะงั้นถ้าเขาทำให้บอสขุ่นเคืองก็อย่าไปถือสาเขาเลย”
วิธีการที่ทรงพลังคือในการเอาชนะใจผู้คนและเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมโจวหยวนเพราะดูเหมือนว่าการฝึกของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปซะหมด แต่น่าเสียดายที่เด็กคนนี้เลือกเส้นทางที่ผิด จากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่านายอยู่ในเมืองซีหนิง..ถ้าฉันรู้ฉันคงจะติดต่อนายไปตั้งนานแล้ว..ฉันคิดว่านายอยู่ในเมืองเซินเจิ้นซะอีก” หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็พูดต่อ “โจวหยวนนี่คือบอดี้การ์ดของนายใช่มั้ย..ถ้าฉันทุบทำร้ายเขานายจะรังเกียจไหมหรือเปล่า”
“ไม่ครับบอส..ถ้าบอสต้องการลงโทษเขาก็ทำได้เลยเพราะทำผิด..แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะขอร้องบอสสักครั้งให้ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ” โจวหยวนพูดต่อ “เหตุผลที่ผมมาที่เมืองซีหนิงในครั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมของการลงทุนที่นี่เพราะผมคิดว่าโอกาสการลงทุนที่นี่มีแนวโน้มที่ดีดังนั้นผมจึงมาตรวจสอบด้วยตัวเอง”
“จริงเหรอแล้วแผนคืออะไรเล่าให้ฉันฟังที” เย่เชียนพูด
“เดิมทีผมต้องการตรวจสอบเหมืองถ่านหินและปริมาณการลงทุนก็ไม่มากนัก..ซึ่งผมต้องใช้เงินประมาณ 150 ล้านหยวนโครงการถึงจะสำเร็จและผลผลิตถ่านหินต่อปีก็ประมาณห้าล้านตันแต่น่าเสียดายที่เหมืองถ่านหินมีการเข้าซื้อกิจการไปแล้ว..และมันก็เป็นไปอย่างลึกลับ” โจวหยวนพูด “ถ้าผมรู้ว่าบอสอยู่ในเมืองซีหนิงผมก็จะไปปรึกษาบอสแล้ว..ผมเชื่อว่าบอสจะต้องมีทางออกอย่างแน่นอน”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเพราะเย่เชียนเชื่อว่าโจวหยวนเองก็รู้เกี่ยวกับความจริงที่ว่ามีเหมืองทองคำอยู่ใต้เหมืองถ่านหินนั้น อย่างไรก็ตามโจวหยวนจงใจไม่ได้พูดถึงมันอย่างชัดเจนเพราะเขามีความคิดเป็นของตัวเองแฝงอยู่ “ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นเพราะที่นี่เป็นถิ่นของมังกรที่ซ่อนเขี้ยวและเสือซ่อนเล็บเพราะงั้นเมืองซีหนิงไม่ใช่ที่ที่ฉันจะรับมือได้หรอก” เย่เชียนพูดเบาๆ “ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกว่าให้นายเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆในเซินเจิ้นและนายก็สามารถค่อยๆพัฒนาอิทธิพลของนายไปยังบริเวณโดยรอบได้แต่นี่มันห่างไกลเกินไป”
“บอส!..นี่คือธุรกิจที่รับประกันว่าจะทำกำไรได้โดยไม่ขาดทุน..ต่อให้เราไม่ทำคนอื่นก็จะทำอยู่ดีเพราะงั้นทำไมเราถึงไม่กอบโกยกำไรล่ะ” โจวหยวนพูด “นอกจากนี้การพัฒนาของตลาดเสิ่นเจิ้นยังถึงจึดอิ่มตัวเพราะงั้นผมจึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่ดังนั้นผมจึงอยากจะมาดูธุรกิจของที่นี่”
“แล้วผลลัพธ์ล่ะ?..ท้ายที่สุดนายก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม?” เย่เชียนพูดอย่างเย้ยหยันว่า “นายยังไม่ได้ตั้งใจที่จะแกไข้มันเลยแต่นายแค่อยากจะพัฒนาภายนอกและถ้าไม่มีใครบอกว่านายอยู่ที่นี่ล่ะก็ฉันคงไม่สามารถรู้ได้เลย..ฉันอยากจะรู้ว่าแจ็ครู้เรื่องนี้หรือเปล่านายได้บอกเขาบ้างมั้ย?”
“ไม่ครับ” โจวหยวนพูด “ผมจำได้ว่าบอสเคยบอกผมว่าการพัฒนาที่เซินเจิ้นขึ้นอยู่กับผมทั้งหมดเพราะงั้นผมก็เลยไม่ได้บอกแจ็ค..แบบนี้ถ้าบอสจะตำหนิผมในเรื่องนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว”
“ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด” เย่เชียนพูด “คราวนี้ฉันไม่อยากจะพูดอะไรมากเพราะฉันเป็นคนส่งเสริมและสนับสนุนนายและฉันก็ให้ความสำคัญกับนายมาก..ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องการให้นายโลภในสิ่งที่นายมองไม่เห็นเข้าใจไหม?” หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็พูดต่อ “นายไม่จำเป็นต้องคิดถึงเหมืองถ่านหินและสิ่งต่างๆในภาคตะวันตกเฉียงเหนือหรอกเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่นายจะก้าวเข้าไปได้..ใช่แล้วสิทธิ์ในการขุดเจาะเหมืองถ่านหินได้รับการผูกขาดโดยบริษัทชิงหยุนกรุ๊ปและพวกเขาก็เจ้าถิ่นเพราะงั้นนายไม่สามารถไปแข่งขันกับเขาได้หรอก..นอกจากนี้ยังมีเหมืองทองคำซ่อนอยู่ใต้เหมืองถ่านหินแห่งนี้อีกด้วยดังนั้นการทำเหมืองทองส่วนตัวนายก็ควรรู้เอาไว้ด้วยว่าผลที่ตามมาคืออะไร”
เมื่อได้ยินแบบนั้นโจวหยวนก็แน่นิ่งไปและคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเพราะดูเหมือนว่าเย่เชียนจะรู้เรื่องของตัวเขาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเมื่อฟังจากน้ำเสียงของเย่เชียนแล้วดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะบังคับและควบคุมตัวเองดังนั้นโจวหยวนจึงพอใจอย่างมากและดูเหมือนว่าเย่เชียนเป็นห่วงเขา ซึ่งนี่เหมือนกับจักรพรรดิที่ต้องเผชิญกับองครักษ์ที่มีอำนาจมากเกินไปและเขาก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพใช่ไหม? ซึ่งตอนนี้เขาได้กลายเป็นองครักษ์ที่ทรงพลังแล้วงั้นเหรอ?
“นายก็น่าจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร?” เย่เชียนพูด “นายดูแลสิ่งต่างๆในเซินเจิ้นไปเถอะส่วนเรื่องอื่นๆเลิกคิดเกี่ยวกับมันซะเข้าใจไหม?..พรุ่งนี้นายจะต้องออกไปจากเมืองซีหนิงให้เร็วที่สุดและฉันไม่อยากเห็นนายในเมืองซีหนิงอีก!”
“ครับผมจะรีบกลับตั้งแต่เช้าตรู่” ดวงตาของโจวหยวนเป็นประกายด้วยความหวาดกลัวเพราะเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเย่ เชียน ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจึงจะไม่กล้าลังเลเพราะถ้าหากเขาโต้แย้งใดๆล่ะก็เย่เชียนจะต้องการฆ่าเขาอย่างแน่นอนและตอนนี้เขาก็ไม่มีอำนาจใดๆที่จะต่อสู้กับเย่เชียนเลย ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนไปสักพักเพราะเมื่อเขากลับไปที่เซินเจิ้นนั่นก็จะเป็นโลกของเขา
เย่เชียนก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆและเหลือบมองไปที่บอดี้การ์ดแล้วถามว่า “แกรู้จักฉันหรือเปล่า?”
บอดี้การ์ดก็ส่ายหัวอย่างว่างเปล่าด้วยความกลัว เมื่อเห็นแบบนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ถ้างั้นฉันจะบอกแกให้ว่าฉันคือบอสใหญ่ของหัวหน้าของแก!” เมื่อเสียงนั้นจบลงเย่เชียนก็กระทืบเท้าของเขาลงไปที่น่องขาของบอดี้การ์ดและทันใดนั้นก็มีเสียงกระดูกหักและบอดี้การ์ดก็กรีดร้องและเป็นลมสลบไป
“ฉันคือบอสใหญ่ของแกเข้าใจมั้ย?” เย่เชียนพูดมองดูบอดี้การ์ดที่หมดสติไป อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูและโจวหยวนจะไม่เข้าใจได้ยังไง ซึ่งปฏิกิริยาและการแสดงออกของเขาในตอนนี้ก็ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนมาก
เย่เชียนหันไปมองโจวหยวนแล้วพูดว่า “ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนละกัน..นายเองก็ยังสนุกไม่พอใช่ไหมถ้างั้นไปหาผู้หญิงมาเพิ่มอีกสักสองสามคนเดี๋ยวฉันจะจ่ายให้เอง”
โจวหยวนก็ยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า “ไม่เป็นไรครับบอส..พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางกลับตั้งแต่เช้า”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วตบไหล่โจวหยวนแล้วพูดว่า “ทำสิ่งต่างๆให้ดี” หลังจากพูดจบม่อหลงก็ดึงมัดของเขากลับมาจากนั้นก็จ้องมองไปที่โจวหยวนแล้วเดินออกไป ส่วนจินเหว่ยห่าวก็ยิ้มอย่างเฉยเมยราวกับว่าเขาไม่สนใจอะไรเลย
เมื่อมองดูพวกเขาจากไปหมอกที่ซ่อนอยู่ในใจของโจวหยวนก็เผยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบและเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้แกยืนอยู่ตรงหน้าฉันเหมือนที่แกทำกับฉันในวันนี้..แกต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน!” เมื่อเสียงนั้นจบลงโจวหยวนก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรไปหาเหล่าบอดี้การ์ดของเขาและสั่งให้คนเหล่านั้นรีบกลับทันที
หลังจากออกจากโรงแรมไปเย่เชียนกับม่อหลงและจินเหว่ยห่าวก็ขึ้นรถและขับรถกลับ จากนั้นไม่นานจินเหว่ยห่าวก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าวิสัยทัศน์ของคุณเย่จะผิดพลาดในบางครั้ง..ถ้าผมจำไม่ผิดเขาคนนี้น่าจะเป็นคนที่ตามคุณเย่ไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือใช่ไหม?”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่..ผมคิดว่าเขานี้มีพื้นฐานที่ดีและจิตใจที่เข้มแข็งมาก..ดังนั้นผมจึงตัดสินใจสนับสนุนเขาแต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าความโลภของผู้คนจะกัดกินจิตใจถึงขนาดนี้..เขาลืมบุญคุณที่ผมสร้างให้กับเขาไปอย่างสิ้นเชิ้ง”
จินเห่วยห่าวก็พูดว่า “คุณเย่เขาเป็นคนที่คุณโปรดปรานไม่ใช่เหรอ?..สมัยนี้ไม่มีความจริงใจและมันมีแต่การทรยศหักหลังทั้งนั้นเพราะงั้นเมื่อต้องเผชิญกับผลประโยชน์แล้วบางครั้งทุกอย่างก็ไร้เหตุผลได้เสมอ”
.
.
.
.