ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1010 หมดความอดทน
ตอนที่ 1010 หมดความอดทน
……………………………………………………………………..
ลัทธิม่อจื๊อนั้นดำรงอยู่ในประเทศจีนมานับพันปีและมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์นับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าสงครามระหว่างหมิงม่อกับอันม่อจะเกิดขึ้นในอดีตแต่ก็ยังมีมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่ในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนืออันห่างไกลนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าละเลยพลังอันทรงพลังของสำนักมือจื๊อได้เลย
ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือนั้นมีกองกำลังหลักอยู่ 3 กองกำลังเช่น สำนักม่อจื๊อ,สำนักเฟยหยุนและตระกูลโอ่วหยาง ซึ่งไม่มีใครกล้าที่จะท้าทายพวกเขาแต่ทว่าหยานซื่อฉุยก็ไม่ได้คาดหวังว่าในเมืองซีหนิงแห่งนี้จะมีคนกล้าท้าทายเธอและถึงกับต้องการจะฆ่าเธออย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
เมื่อเดินไปที่หน้าต่างหยานซื่อฉุยก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาและตะโกนว่า “พวกแกเป็นใคร?..พวกแกไม่รู้เหรอว่าใครอยู่ที่นี่?”
“เรามาที่นี่ตามคำสั่งของหัวหน้าหวังหว่านยู่ราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือให้มาฆ่าคุณเพราะคุณกล้าที่จะท้าทายราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเราเพราะงั้นเราจะปล่อยคุณไปได้ยังไง” เสียงของหวังฉิงเซิงดังขึ้นจากด้านนอก
ตู้ฟู่เหว่ยก็ถอนหายใจอย่างเย็นชาเพราะหวังหว่านยู่หาเรื่องตายจริงๆ เมื่อเห็นแบบนั้นหยานซื่อฉุยก็พูดว่า “อาจารย์ดูเหมือนว่าหวังหว่านยู่รนหาที่ตายจริงๆ..เราถอยกันเถอะเพราะเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตกับคนไร้ค่าแบบนี้”
แน่นอนว่าในเวลาแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้จริงๆที่จะต่อสู้กับหวังหว่านยู่และมันก็ไม่คุ้มค่าเลย ซึ่งเมื่อไหร่ที่เขาออกไปจากที่นี่ได้เขาก็จะโทรหาตระกูลโอ่วหยางและทุกอย่างจะจบสิ้น จากนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ไอ้สุนัขตัวนี้มันไม่ได้เกรงกลัวตระกูลโอ่วหยางเลยสินะ” หลังจากพูดจบแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนและมองไปที่ลูกศิษย์ทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ปกป้องเธอซะ..อย่าปล่อยให้เธอบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยยกเว้นพวกแกจะตายไปซะก่อนเข้าใจมั้ย?”
ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นใครถึงยังไงคุณก็ต้องทำในสิ่งที่สมควรทำต่อให้ไม่เต็มใจก็ตาม ซึ่งจือเหวินก็ไม่ได้มีความคับข้องใจหรือเป็นศัตรูกับเขาแต่อย่างใด “เชิญครับคุณจือ” เขามาที่นี่เพื่อพบม่อหลงดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำร้ายเธอและแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการที่จะขัดแย้งกับเย่เชียนเพราะจือเหวิน ซึ่งต่อให้เขาจะเป็นสำนักม่อจื๊อก็ตามแต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ตระกูลเย่กับตระกูลหม่าโกรธเกรี้ยวเพราะทั้งสองเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นถ้าหากแม่ม่ายดำจือเหวินตายด้วยมือของเขาล่ะก็เย่เชียนจะโกรธแค้นและถึงแม้ว่าตู้ฟู่เหว่ยจะไม่กลัวก็ตามแต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำสงครามโดยไร้ประโยชน์
“ครับท่านอาจารย์!” ลูกศิษย์ทั้งสองตอบและเดินไปที่ด้านข้างของจือเหวินเพื่อปกป้องเธอ จากนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็ลุกขึ้นและออกไปทางประตูด้านหลังพร้อมกับหยานซื่อฉุยเพราะหวังฉิงเซิงตั้งใจจะปล่อยพวกเขาไปอยู่แล้วดังนั้นพวกเขาจึงสามารถออกไปอย่างง่ายดาย
ในตอนนี้หวังฉิงเซิงเห็นทุกคนในบ้านเดินออกมาอย่างเงียบๆและจากระยะไกลเขาก็เห็นตู้ฟู่เหว่ยเดินเข้ามาและรอยยิ้มก็โผล่ออกมาจากมุมปากของเขาทันที ซึ่งในชั่วพริบตาหวังฉิงเซิงก็แสดงให้เห็นการแสดงออกที่ประจบประแจงในทันที
หยานซื่อฉุยก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและหยุดอยู่ตรงหน้าเขาจากนั้นก็มองไปที่หวังฉิงเซิงแต่ไม่ได้พูดอะไรและมีเพียงเขาคนเดียวที่นี่ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าตัวเองแต่หยานซื่อฉุยก็ยังคงระมัดระวังตัวอยู่มากเพราะตู้ฟู่เหว่ยก็อยู่ที่นี่ด้วยเพราะงั้นเธอไม่สามารถประมาทได้เลย “แกเป็นใคร?” หยานซื่อฉุยถามหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“หวังฉิงเซิงลูกน้องของหัวหน้าหวังหว่านยู่ครับราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ” หวังฉิงเซิงพูด
หยานซื่อฉุยก็ขมวดคิ้วและระเบิดเจตนาฆ่าออกมาทันที “คุณหยานอย่าเพิ่งเข้าใจผิด..คราวนี้ฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย..ที่ฉันกับลูกน้องมาที่นี่ก็เพราะคำสั่งของหวังหว่านยู่ที่โกรธแค้นเพราะคุณไปทำร้ายเขา..แต่ฉันกับลูกน้องไม่ได้อยากทำแบบนั้นก็เลยเปิดช่องทางให้พวกคุณหนีไปและเราจะจัดฉากถล่มที่นี่ให้สมจริง!”
“อะไรกัน..นี่แกคิดว่าพวกเราจะหนีไปไม่ได้ถ้าหากพวกแกไม่ทำแบบนี้งั้นเหรอ?” ตู้ฟู่เหว่ยพูดอย่างเย็นชา
“ไม่ครับ..ผมไม่ได้คิดแบบนั้น..เพียงแต่ว่าถ้าหากผมไม่จัดฉากให้สมจริงล่ะก็หวังหว่านยู่จะต้องฆ่าพวกเราแน่ถ้าพวกเรากลับไป” หวังฉิงเซิงพูดอย่างเร่งรีบ “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครหรอครับ?” หวังฉิงเซิงไม่ได้โง่เพราะเมื่อมองแค่แวบแรกแล้วเขาก็รู้ว่าชายชราที่อยู่ข้างหน้าเขาคือคนที่มีอำนาจและอิทธิพลและหยานซื่อฉุยแค่คนที่ออกมารับหน้าแทนเฉยๆ
“ท่านเป็นอาจารย์ของฉัน!” หยานซื่อฉุยพูดต่อ “แล้วถ้าแกปล่อยให้พวกเรารอดไปแบบนี้แกไม่กลัวหวังหว่านยู่จับได้เหรอ?”
“แน่นอนว่าฉันกลัวแต่ฉันรู้ดีกว่าคุณหยานกับอาจารย์ไม่ใช่คนธรรมดาๆอย่างแน่นอนและถ้าหากพวกเราฆ่าคุณไปจริงๆหวังหว่านยู่จะไม่ปกป้องพวกเราในเวลานั้นและฉันก็จะต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้แน่นอน” หวังฉิงเซิงพูด
“แกฉลาดมาก..แกรอเราอยู่ที่นี่โดยเจตนาเพราะงั้นแกมีแผนอะไรกันแน่?” หยานซื่อฉุยพูดต่อ “ไม่ว่าแกจะปกป้องตัวเองหรือไม่ก็ตามแต่ก็ถือได้ว่าแกเป็นคนฉลาดมาก”
“ฉันหวังว่าคุณหยายจะไม่โกรธเคืองฉัน” หวังฉิงเซิงพูด
“แกคิดว่าเราจะจัดการกับหวังหว่านยู่งั้นเหรอ?” หยานซื่อฉุยหัวเราะและพูดว่า “เขาไม่มีค่าควรแก่ความสนใจของเราเลย..เขาเป็นแค่นักเลงกระจอกๆแต่แกเป็นคนฉลาดเพราะงั้นฉันจะไปบอกตระกูลโอ่วหยางว่าหวังหว่านยู่ทำอะไรลงไปบ้าง”
แน่นอนว่าหวังฉิงเซิงนั้นช่างเป็นคนที่ฉลาดจริงๆไม่เช่นนั้นหยานซื่อฉุยกับตู้ฟู่เหว่ยคงไม่ชื่นชมเขา ซึ่งหยานซื่อฉุยจะไม่รู้ว่าหวังฉิงเซิงกำลังคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร?แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้สนใจการล้างแค้นอะไรแต่สิ่งที่หวังหว่านยู่ทำนั้นมันมากเกินไปและแน่นอนว่าเธอปล่อยผ่านไม่ได้อย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นอนาคตของสำนักม่อจื๊อจะเป็นยังไง?สำหรับหวังฉิงเซิงนั้นเขาจะคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ได้หรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับเขาและยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเธอสามารถใช้ความฉลาดของหวังฉิงเซิงได้เขาอาจจะกลายเป็นกองกำลังที่ดีให้กับสำนักม่อจื๊อในอนาคตได้และนั่นจะทำให้พลังของตระกูลโอ่วหยางอ่อนแอลงอีกด้วย
หวังฉิงเซิงมาที่นี่เพื่อผลลัพธ์แบบนี้ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของหยานซื่อฉุยแล้วเขาก็ดีใจและขอบคุณเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากหยุดไปชั่วขณะหยานซื่อฉุยก็ถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าเย่เชียนมาที่เมืองซีหนิงแล้วเพราะงั้นแกมีข่าวของเขาบ้างมั้ย?”
“ใช่ๆ..เย่เชียนเพิ่งจะไปหาหวังหว่านยู่เมื่อเช้านี้และทำให้หวังหว่านยู่เสียหน้าเสียศักดิ์ศรีอย่างมากจนทั้งสองเกือบจะมีปัญหากัน” หวังฉิงเซิงพูดต่อ “คุณหยานรู้จักเย่เชียนด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินข่าวของเย่เชียนแล้วแม่ม่ายดำจือเหวินก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะเย่เชียนไปหาหวังหว่านยู่เพราะเรื่องของเธอเอง “แล้วเย่เชียนล่ะ?..เย่เชียนเป็นอะไรหรือเปล่า” จือเหวินถามด้วยความกังวล
“นี่เธอไม่รู้จักเย่เชียนเลยงั้นเหรอ?..นักเลงกระจอกๆอย่างหวังหว่านยู่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เชียนได้ยังไง?” หยานซื่อฉุยพูด หลังจากหยุดไปชั่วขณะเธอก็พูดต่อ “มีกี่คนที่ติดตามเย่เชียนมา?..พวกนั้นเป็นใคร?”
“ใช่แล้วคุณเย่ทำให้หวังหว่านยู่ถึงกับกลัวจนตัวสั่นและออกไปจากคฤหาสน์ของหวังหว่านยู่ไปอย่างปลอดภัย” หวังฉิงเซิงพูดต่อ “ในตอนนี้มีคนติดตามเย่เชียนมาแค่คนเดียวแต่ฉันเคยไปหาเขาและพบว่าเขาอยู่กับชายหนุ่มอีกสามคนแต่ฉันไม่รู้ชื่อของพวกเขา..คนหนึ่งค่อนข้างสูงหล่อและอีกคนก็ดูร่าเริงดีส่วนอีกคนค่อนข้างที่จะสุขุมและสงบเยือกเย็นและดวงตาของเขาคมราวกับมีดเมื่อมองคนแปลกหน้าอย่างฉัน”
หยานซื่อฉุยขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังค้นหาข้อมูลและลักษณะนิสัยของคนสามคนที่หวังฉิงเซิงอธิบายในใจแล้วกระซิบที่ข้างๆหูของตู้ฟู่เหว่ย หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของตู้ฟู่เหว่ยก็เปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าจนหวังฉิงเซิงซึ่งอยู่ไม่ไกลมากรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บอย่างอธิบายไม่ได้และอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่า ‘เขาเป็นคนที่ดูมีพลังมาก..ดูเหมือนว่าเส้นทางที่ฉันเลือกจะถูกต้องจริงๆ..ไม่งั้นฉันต้องตายแน่ๆ’ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งสำหรับการตัดสินใจของเขา
หยานซื่อฉุยก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เขาอยู่ในเมืองซีหนิงแล้วสินะ” จากนั้นเธอก็หันไปมองที่หวังฉิงเซิงแล้วพูดว่า “มีอะไรอีกมั้ย?”
“ไม่มีแล้ว” หวังฉิงเซิงก็รีบก้าวถอยออกไปและพูดว่า “เชิญครับ!”
“ก่อนอื่นแกต้องคิดดูว่าแกจะอธิบายกับหวังหว่านยู่ยังไงเมื่อแกกลับไป..ถ้าหากแกยังมีชีวิตอยู่บางทีแกอาจจะได้เป็นราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือคนต่อไปก็ได้” หยานซื่อฉุยพูดด้วยรอยยิ้มจางๆแล้วเดินจากไป
เมื่อได้ยินคำพูดของหยานซื่อฉุยแล้วหวังฉิงเซิงก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆและคิดกับตัวเองว่าหยานซื่อฉุยกำลังบอกเป็นนัยๆถึงบางสิ่งโดยการพูดแบบนี้หรือเปล่า?เธอต้องการที่จะบอกตัวเองว่าเธอจะช่วยเขาครองตำแหน่งแทนหวังหวังหว่านยู่?เมื่อคิดแบบนั้นหวังฉิงเซิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและมีเจตนาฆ่าที่รุนแรงในดวงตาของเขา หลังจากเป็นสุนัขรับใช้มานานหลายปีในที่สุดเขาก็มีโอกาสกำจัดหวังหว่านยู่สักที ซึ่งเขาก็คิดว่าหากเขาได้เป็นราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือคนต่อไปในเวลานั้นเขาควรจะยังกลัวเย่เชียนอยู่หรือไม่?เพราะลูกชายของเขายังคงเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงดังนั้นเขาจะให้อภัยเย่เชียนได้อย่างไร?
เมื่อมองดูหยานซื่อฉุยและคนอื่นๆค่อยๆหายไปในความมืดแล้วหวังฉิงเซิงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วหันหลังเดินกลับ ซึ่งในตอนนี้เขาไม่กลัวแล้วว่าหวังหว่านยู่จะโกรธเกรี้ยวแค่ไหนเพราะอย่างมากที่สุดมันก็เป็นแค่การตำหนิและด่าทอเท่านั้น ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเขาถูกเหยียดหยามมากี่ครั้งแล้วและเขาจะกลัวเรื่องแค่นี้ได้อย่างไร?การอดทนต่อสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้คือสิ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นั่นเอง
สิ่งต่างๆดำเนินไปอย่างราบรื่นและเขาก็กระตุ้นความขัดแย้งระหว่างเย่เชียนกับหวังหว่านยู่ได้สำเร็จและยังทำให้หยานซื่อฉุยโกรธเกรี้ยวหวังหว่านยู่อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้หวังฉิงเซิงมีความสุขมากและตราบใดที่เขาวางแผนทุกย่างก้าวอย่างระมัดระวังเขาก็เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานที่เขาจะได้ครองบัลลังก์แทนหวังหว่านยู่และนั่งเป็นราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือแทนเขา
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการติดต่อคนในตระกูลโอ่วหยางเพราะด้วยการสนับสนุนของตระกูลโอ่วหยางเท่านั้นที่เขาจะประสบความสำเร็จในการแย่งชิงตำแหน่งราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือได้
.
.
.
.