ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1000 เยือนเมืองซีหนิง
ตอนที่ 1000 เยือนเมืองซีหนิง
……………………………………………………………………..
เมืองซีหนิงเป็นเมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือและมีแหล่งแร่ธาตุมากมาย
ตั้งแต่ออกนโยบายการพัฒนาภูมิภาคตะวันตกก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและถึงแม้ว่าจะไม่เร็วเท่าการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆ ได้ก็ตามแต่ก็ค่อนข้างน่าประทับใจ ซึ่งหวังหว่านยู่นั้นอาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นเจ้าของเมืองซีหนิงและบางคนอาจไม่รู้จักนายกเทศมนตรีเมืองซีหนิงแต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าหวังหว่านยู่ราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือนั้นเป็นใคร เขาเปรียบได้ดั่งดอกไม้วิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งความรุ่งเรืองของภาคตะวันตกเฉียงเหนือนั้นก็เป็นเพราะหวังหว่านยู่คนนี้นี่เอง
การกระทำทั้งหมดของแม่ม่ายดำจือเหวินดูเหมือนจะเป็นไปตามสิ่งที่หวังหว่านยู่คาดการณ์เอาไว้ ในความคาดหวังของ เพราะขี้เถ้าและอัฐิของหยางเทียนนั้นไม่ได้ถูกฝังในหลุมฝังศพที่โดดเดี่ยวในดินแดนรกร้างแต่ทั้งหมดนี้คือเรื่องหลอกลวงและฉากบังหน้า นั่นก็เพราะว่าเขารู้ว่าสักวันหนึ่งคนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมาเยือนภาคตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อนำอัฐิของหยางเทียนกลับไปยังดินแดนของพวกเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตามหวังหว่านยู่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจือเหวินจะถูกคนอื่นนำตัวไปเพราะหลังจากได้ยินรายงานของลูกน้องแล้วหวังหว่านยู่ก็ขมวดคิ้วแน่นและโบกมือให้ลูกน้องของเขาถอยออกไปและเขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิดต่างๆนาๆ
การที่เมืองซีหนิงมีบุคคลแบบนี้นั้นค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับหวังฉิงเซิงราชาตะวันตกเฉียงเหนือคนนี้อย่างมาก หวังฉิงเซิงถามอย่างระมัดระวังว่า “หัวหน้าครับผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน..เธอคิดที่จะท้าทายหัวหน้าหรือเปล่าครับ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” หวังหว่านยู่พูด “แต่จากที่ลูกน้องของฉันรายงานมาผู้หญิงคนนั้นไม่ได้คอยปกป้องจือเหวินเพราะงั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร”
“ทำไมเราไม่ส่งคนไปตรวจสอบเธอล่ะ?” หวังฉิงเซิงถาม “ยังมีคนที่กล้าท้าทายหัวหน้าหวังอยู่อีกเหรอในถิ่นของเรา..เราต้องหาคำตอบให้ได้ว่าพวกนั้นเป็นใคร!”
หวังหว่านยู่ก็ฉีกยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นใครถึงยังไงแม่ม่ายดำจือเหวินจะต้องเป็นของฉันอยู่ดี..จะไม่มีใครต้องการพรากเธอไปจากฉันได้!..ฉันจะค่อยๆ เล่นกับร่างกายของเธอแล้วปล่อยเธอไป..เธอต้องคุกเข่าลงต่อหน้าฉันและอ้อนวอนฉัน..ทุกคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะได้รู้ว่าแม่ม่ายดำจือเหวินผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกมันกำลังสยบแทบเท้าของฉัน!”
“แล้ว..พวกเราจะทำยังไงกันต่อครับ” หวังฉิงเซิงถาม
“ส่งคนไปสืบที่อยู่ของพวกนั้น..หึ..พวกมันกล้าเข้าถ้ำเสือเพราะงั้นฉันก็ไม่สนหรอกว่าพวกมันเป็นใคร..ฉันต้องสั่งสอนบทเรียนให้พวกมันหลาบจำ” หวังหว่านยู่พูดอย่างมั่นใจ
“หัวหน้าครับว่าแต่เราต้องการรายงานเรื่องนี้ให้คุณโอ่วหยางหรือเปล่าครับ? ..ผมเดาว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายอาจไม่ธรรมดาอย่างที่พวกเราคิดเพราะงั้นเราควรจะระมัดระวังให้มาก” หวังฉิงเซิงพูด
“หวังฉิงเซิง..รู้มั้ยว่าทำไมแกถึงได้เป็นสุนัขรับใช้อยู่ตลอดและไม่สามารถยืนอยู่บนจุดเดียวกับฉันได้” หวังหว่านยู่แห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือพูดอย่างภาคภูมิใจ “นั่นเป็นเพราะแกไม่มีความกล้าหาญที่คนประสบความสำเร็จควรมีและแกก็ไม่มีความกล้าที่จะเสี่ยง..อีกอย่างฉันขอเตือนว่าอย่ามาลับหลังฉันเพราะแกไม่ได้รู้จักตระกูลโอ่วหยางเท่าฉัน..ถ้าฉันจับได้ว่าแกลับหลังฉันล่ะก็แกน่าจะรู้ผลที่ตามมาสินะ”
หวังฉิงเซิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายขายหน้าเพราะเขาเป็นถึงราชาแห่งเมืองซีจิงแต่กลับถูกเยาะเย้ยและเหยียดหยามอย่างมากจนเขาเกิดความแค้นในใจ ซึ่งเขาก็แอบมองไปที่หวังหว่านยู่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรงและในชั่วพริบตาก็กลับเป็นปกติ ในตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ยอมไม่เช่นนั้นเขาจะต้องทุกข์ทรมานอย่างมากและในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหวังฉิงเซิงก็ได้เรียนรู้คำว่าความอดทนมานานและยินดีที่จะเป็นสุนัขรับใช้ของเฉินฉิงหนิว ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนอีกครั้งเพื่อรอโอกาสในอนาคต
“แล้วกิจการเหมืองกราไฟต์เป็นยังไงบ้าง?” หลังจากหยุดไปชั่วขณะหวังหว่านยู่แห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือก็เปลี่ยนเรื่องและพูดขึ้น
“รายการสั่งซื้ออุปกรณ์สำเร็จแล้วและอุปกรณ์ทุกชนิดก็พร้อมทำการขุดเจาะได้ทุกเมื่อ..ตอนนี้รอแค่ทางรัฐบาลอนุมัติเท่านั้น” หวางฉิงเซิงพูด
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังหว่านยู่ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หวังฉิงเซิง..ฉันจะบอกให้นะว่าความสามารถของแกนั้นต่ำเกินไป..ทำไมแกถึงไม่ขุดมันซะก่อนล่ะ? ..กว่ารัฐบาลจะอนุมัติมันจะไม่ล่าช้าเหรอ? ..ฉันได้ยินมาว่ายังมีบ้านเรือนที่ยังไม่ถูกรื้อถอนอีกหลายหลังใช่มั้ย?”
“ไม่ต้องกังวลไปครับหัวหน้า..ชาวบ้านพวกนั้นจะย้ายออกไปในไม่ช้านี้” หวังฉิงเซิงพูด
“ฉันแทบรอไม่ไหวแล้ว..แกรู้ไหมว่าฉันต้องเสียค่าใช้จ่ายและงบประมาณไปเท่าไหร่..แบบนี้เมื่อไหร่จะทำกำไรได้? ..ส่งคนของเราไปซะและถ้าใครพูดไม่รู้เรื่องหรือไม่ยอมย้ายออกไปล่ะก็ให้คนของเราไปสอนบทเรียนพวกนั้นซะ..ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกชาวบ้านจะไม่กลัวตายจริง” หวังหว่านยู่พูดอย่างเกรี้ยวกราด
“มันจะไม่แย่เอาเหรอครับ?” หวังฉิงเซิงพูด “ครัวเรือนเหล่านั้นเป็นชาวทิเบตทั้งหมดเพราะงั้นถ้าหากพวกเขาถูกคุกคามล่ะก็มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน..คุณเองก็น่าจะรู้ดีด้วยว่าชนกลุ่มน้อยมักอ่อนไหวมากในประเทศจีนเพราะงั้นถ้าผิดพลาดอะไรเราจะซวยกันหมด”
“ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำซะ..แกเป็นแค่สุนัขรับใช้ของฉันเพราะงั้นแกก็แค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ..แกไม่ต้องออกความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น..เชื่อฟังฉันแล้วแกจะสบาย” หวังหว่านยู่พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “แกไม่กล้าฆ่าใครงั้นเหรอ? ..ที่นี่คือดินแดนภาคตะวันตกเฉียงเหนือของและฉันคือราชาของที่นี่..เพราะงั้นใครมันจะกล้าท้าทายฉัน?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังฉิงเซิงก็ได้แต่ทำตามที่หวังหว่านยู่สั่งและจำใจก้มหัวให้เขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหวังหวานยู่ทั้งหมด
“กลับไปซะ..ฉันอยากพักผ่อน” หวังหวานยู่โบกมือไล่และพูดอย่างหมดความอดทน
“งั้นผมขอตัวกลับก่อน..เชิญคุณพักผ่อนได้เลยครับ” หวังฉิงเซิงค่อยๆ ก้าวถอยหลังและเดินออกไป เมื่อเขาไปถึงประตูเขาก็หันหลังกลับและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง ซึ่งในทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเย่เชียนโดยไม่มีเหตุผลเพราะถึงแม้ว่าเย่เชียนจะหยิ่งผยองมากก็ตามแต่อย่างน้อยๆ เย่เชียนก็ปฏิบัติต่อเขาดีกว่าหวังหว่านยู่มาก
บางทีมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเขาที่จะทำงานร่วมกับเย่เชียน ไม่ก็รอใช้ประโยชน์และโอกาสจากสงครามของทั้งสองและไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะหรือใครจะเป็นฝ่ายแพ้ก็ไม่เป็นอันตรายต่อเขา ในการต่อสู้ระหว่างเสือสองตัวสุดท้ายแล้วเสือทั้งสองก็จะบอบช้ำกันทั้งคู่ หวังฉิงเซิงคิดอย่างลับๆ และดวงตาของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ภาคภูมิใจอย่างลึกซึ้ง
ประตูเมืองทางทิศเหนือของเมืองซีหนิงเป็นอาคารสไตล์กำแพงเมืองโบราณและด้านบนประตูก็เป็นบังเกอร์ขนาดเล็ก ถึงแม้มันจะเคยผ่านสงครามมาแล้วแต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ที่นั่นมีชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมมาก
“บอส!..เมืองนี้มันรกร้างเกินไปเหมือนเมืองร้างเลย..เมืองซีหนิงเป็นถึงศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของมณฑลหนิงไห่ไม่ใช่เหรอและยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดด้วย” หลี่เหว่ยทำหน้ามุ่ยและพูด
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เงินทุนหมุนเวียนของรัฐถูกย้ายไปวางงบประมาณให้กับเมืองใหญ่บนชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงใต้และนอกจากนี้สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่นี่ก็ค่อนข้างห่างไกลและไม่น่าแปลกใจที่เศรษฐกิจจะไม่พัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น..ยังไงก็เถอะอย่าเพิ่งประมาทสถานที่นี้เพราะถ้าหากทรัพยากรที่นี่ถูกใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องมันจะเป็นกำไรอย่างน่าอัศจรรย์มาก” ม่อหลงพูด “เมื่อสองสามปีก่อนประเทศจีนได้อนุมัติโครงการพัฒนาและฟื้นฟูเมืองนี้แล้ว..ซึ่งตามความคิดของฉันถ้าหากเราสามารถตั้งหลักปักฐานที่นี่ได้ล่ะก็เศรษฐกิจของเราจะเติบโตแบบทวีคูณอย่างแน่นอน”
เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ใช่!..ที่นี่มีแหล่งทรัพยากรแร่และอัญมณีมากมายมหาศาลและแม้แต่เหมืองทองคำหรือเหมืองทองแดงก็มี..แน่นอนว่าพวกโลหะหายากต่างๆ ก็มีนับไม่ถ้วน..ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้หวังหว่านยู่ราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือกล้าที่จะหยิ่งผยองเพราะทรัพยากรทางการเงินจำนวนมากของเขาโดยอาศัยการทำธุรกิจแร่เหล่านี้..ซึ่งในทุกๆ ปีผลกำไรที่เขาได้นั้นเป็นตัวเลขที่มหาศาลอย่างมาก”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “แต่หวังหว่านยู่นั่นโง่เง่าเกินกว่าจะเป็นผู้น้ำได้เพราะเขาได้รับผลกำไรมหาศาลในทุกๆ ปีแต่ไม่ได้ใช้เงินส่วนนั้นในการส่งเสริมเศรษฐกิจเลย..แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อรัฐบาลและประชาชน..ดังนั้นฉันคิดว่าต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังหวังหว่านยู่อีกทีอย่างแน่นอน..ไม่อย่างนั้นท่ามกลางดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่โหดร้ายเขาคงจะพังทลายไปนานแล้ว..ที่นี่เป็นเมืองที่ดีทั้งสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมต่างๆ ก็ไม่ธรรมดา..อย่างเช่นตึกที่สูงที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือก็อยู่ที่เมืองนี้..ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะทำให้ทุกคนในเมืองนี้รู้จักชื่อของเย่เชียน!”
“มันง่ายมากเลยบอส!” ชิงเฟิงพูด “มันเป็นเพียงแค่ความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตัวเองมากเกินไปของหวังหว่านยู่ที่อ้างตนว่าเป็นราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ..ผมเชื่อว่าถ้าเราต้องการทำจริงๆ เราก็กำจัดเขาได้ง่ายมาก!”
“อย่าประมาทเกินไป..เพราะหวังหว่านยู่คนนี้ที่สามารถเป็นราชาแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือได้นั่นก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ ..นอกจากนี้เรายังไม่รู้เลยว่าใครที่อยู่เบื้องหลังของเขา..ดังนั้นเราต้องระวังให้มาก..อย่าทำอะไรผิดพลาดเด็ดขาดไม่งั้นสิ่งต่างๆ จะเลวร้ายอย่างมาก”
“ว่าแต่บอส..ถ้าบอสอยู่ที่นี่แล้วมีอะไรผิดปกติในเมืองซีจิงล่ะ? ..หรือถ้ามีใครไปคุกคามน้องสะใภ้หรือพี่น้องของเราขึ้นมาแล้วเราจะทำยังไงกันดี? ..เราควรส่งคนไปปกป้องพวกเขาหรือเปล่า?” ม่อหลงพูด
“ครั้งที่แล้วCIAสูญเสียคนไปมากเพราะงั้นผมคิดว่าพวกนั้นไม่น่าจะเคลื่อนไหวอีกครั้งในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน..นอกจากนี้พวกนั้นก็น่าจะรู้ว่าทางสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจีนรู้เรื่องทั้งหมดแล้วและพวกเขาก็ต้องระมัดระวังมากกว่าเดิม..แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอะไรอีกเราก็ควรจะส่งคนของเราไปประจำการที่เมืองซีจิง” เย่เชียนพูด
.
.
.