ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 783 อย่ามากำเริบ
ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 783
เมื่อหลีเต๋อได้ยินคำพูดของหยุนเหิง แววตาพลันประกายสีเข้มและชอบใจโดยไม่รู้ตัว
เฟิงยางกลับอดรู้สึกร้อนรนไม่ได้ จ้องมองหยุนเหิงอย่างดุร้าย
นางเป็นเพียงบ่าวหญิง ไม่มีสิทธิ์สอดปาก เพียงแค่ เจี้ยนโส่วชิงอันหนึ่ง ก็สามารถยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือแคว้นต้าเซี่ยได้แล้วรึ มักง่ายกันเกินไปหน่อยกระมัง!
กู้โม่หานกวาดตามองหยุนเหิงที่เต็มไปด้วยความแค้นเคือง แล้วเหลือบมองหลีเต๋อ เรียวนิ้วยาวถูเข้าหากัน เขากำลังจะเอ่ยปากพูด สตรีด้านข้างก็นั่งไม่ติดก่อน เอ่ยเสียงเย็นว่า “ท่านแม่ทัพน้อยอย่าฟังเสียงลมก็เชื่อว่าฝนตก1 เดาสุ่มมั่วซั่ว คนๆนี้มิใช่คนของแคว้นต้าเซี่ย แต่เป็นคนของแคว้นเทียนเซิ่ง!”
อะไรนะ?!
คนของแคว้นเทียนเซิ่ง?
ทุกคนพลันตกตะลึงทันที
กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียนข้างกาย ดวงตาลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย แม่ทัพใหญ่ก็อดส่งเสียงถามออกไปไม่ได้ “ฮองเฮาเหนียงเหนียง พระองค์ตรัสอันใด องครักษ์ผู้นี้มิใช่ชาวต้าเซี่ยแต่เป็นชาวเทียนเซิ่งรึ!”
หยุนเหิงก็ทึ่มทื่อไปหมด “ฮองเฮาเหนียงเหนียง พระองค์แน่ใจรึพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อครู่ที่หลีเต๋อพูดเดือดดาลขนาดนั้น ความเกลียดชังที่มีต่อแคว้นซีเหย่ไม่เหมือนของปลอม จะเป็นชาวเทียนเซิ่งไปได้อย่างไร
แคว้นเทียนเซิ่งไม่ได้มีความแค้นฝังลึกอะไรกับแคว้นซีเหย่สักหน่อย!
หลีเต๋อกำหมัดแน่น จ้องทางหนานหว่านเยียนอย่างดุร้าย แววตาไร้ซึ่งความกลัว “ฮองเฮา ข้าเกิดเป็นคนของแคว้นต้าเซี่ย ตายก็เป็นผีของแคว้นต้าเซี่ย ข้าไม่ใช่ปีศาจแคว้นเทียนเซิ่งพวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้นชาวเทียนเซิ่งรูปร่างสูงใหญ่ ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ท่านอยากจะพูดเพ้อเจ้อก็ต้องมีหลักฐานมาอ้างด้วยสิ!”
หน้าตากู้โม่หานพลันเย็นชา สายตาจับจ้องไปที่ร่างของดุจคมมีด เฟิงยางเตะเข้าไป เอ่ยเสียงเย็นชา “หมอนี่ อย่ามากำเริบ!”
เฟิงยางใช้แรงเยอะมาก หลีเต๋อรู้สึกเจ็บจนเหงื่อเย็นแตกพลั่กทันที หนานหว่านเยียนประคองท้อง ยิ้มเยาะ
“อาศัยแค่ เจี้ยนโส่วชิงอย่างเดียว ก็ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเจ้ามาจากที่ใดแต่แรกแล้ว ขอเพียงเก็บรักษาอย่างเหมาะสม ข้าก็สามารถขนส่งของท้องถิ่นจากแคว้นเทียนเซิ่งมายังแคว้นซีเหย่ได้ งั้นข้าก็เป็นชาวเทียนเซิ่งด้วยเช่นกันรึ อีกทั้งรูปร่างสูงใหญ่ก็ไม่ได้ยืนยันอะไรได้ แคว้นเทียนเซิ่งก็ไม่ได้เกิดมาสูงใหญ่ทุกคน เพียงแต่ส่วนใหญ่เกิดมาสูงใหญ่เท่านั้น ปากเจ้าพูดจามีวาทศิลป์ แต่ก็ปิดบังคนเป็นหมอไม่ได้หรอกนะ โดยเฉพาะคนที่คลุกคลีอยู่กับสมุนไพรตลอดทั้งวัน”
“ตอนพวกเจ้ามาเยือนแคว้นเทียนเซิ่งในตอนแรก ข้าก็คบค้าสมาคมกับคนของพวกเจ้าไม่น้อย ชาวเทียนเซิ่งอย่างพวกเจ้าชอบใช้ตะไคร้อาบน้ำสระผม ไม่ว่าจะไปที่ใด ล้วนจะพกถุงหอมที่บรรจุตะไคร้ติดกาย”
สีหน้าหลีเต๋อพลันเปลี่ยนไป สีหน้าของหนานหว่านเยียนเย็นชาขึ้นมาเรื่อยๆ “ข้าเดาว่า เป็นเพราะสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมของแคว้นเทียนเซิ่งของพวกเจ้าชอบทำสงคราม นิสัยหุนหันพลันแล่น เมื่อไม่ใคร่พอใจกันจะได้ตีรันฟันแทง”
“ซึ่งตะไคร้สามารถลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต มักเตรียมไว้ติดกาย เมื่อบาดเจ็บก็บดแล้วนำมาใช้รักษายามฉุกเฉินได้”
“แม้กลิ่นตะไคร้ บนตัวเจ้าจะอ่อนมาก แต่ก็ยังไม่จางหายไปโดยสิ้นเชิง ดูท่า ช่วงที่เจ้าอยู่ที่แคว้นซีเหย่ น่าจะเลิกนิสัยนี้ไม่ได้กระมัง”
เมื่อได้ยิน สีหน้าทุกคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หยุนเหิงกับแม่ทัพใหญ่ต่างคาดไม่ถึง ว่าหนานหว่านเยียนจะละเอียดอ่อนขนาดนี้!
และเมื่อคิดโดยละเอียดแล้ว ก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น!
ชาวเทียนเซิ่ง มีนิสัยชอบใช้ตะไคร้จริงๆ!
เฟิงยางมองหนานหว่านเยียนอย่างอดเลื่อมใสไม่ได้ หากนางลงมือ คงจะอดใจไม่ไหวยุให้รําตําให้รั่ว ฆ่าไอ้สารเลวที่ใส่ร้ายแคว้นต้าเซี่ย มันมักง่ายไป กลับต้องเอาไว้ให้มีจุดประณามยิ่งกว่าเดิม
แต่จวิ้นจู่ไม่เหมือนกัน จวิ้นจู่ฉลาดตั้งขนาดนั้น พูดห้วนๆ ก็ชะล้างข้อกล่าวหาของแคว้นต้าเซี่ยเกือบหมด ไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อย!
กู้โม่หานมองทางหนานหว่านเยียน ดวงตาดำสนิทมีประกายชื่นชม มุมปากโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขากลับมองไม่ออกว่าคนผู้นี้มีเชื้อสายจากที่ใด แต่เขารู้ดีว่าละครในวันนี้ไม่ธรรมดา เริ่มตั้งแต่ เจี้ยนโส่วชิง จนคนคนนี้กล่าวอ้างว่ามาจากแคว้นต้าเซี่ยแน่นอน เขาก็รู้ว่า จุดประสงค์ของหมากตานี้ เพื่อยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นต้าเซี่ยกับแคว้นซีเหย่!
และเมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหนานหว่านเยียน สีหน้าเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีดยิ่งกว่าเดิม แต่กลับยืนกรานว่า “ข้าไม่รู้ว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงกำลังพูดอะไร ตะไคร้อะไร ข้าไม่เคยใช้ อีกทั้งชาวต้าเซี่ยเช่นพวกข้า ไม่มีทางร่วมมือกันกระทำความชั่วกับแคว้นเทียนเซิ่งและแคว้นซีเหย่แน่นอน!”
คำก็แคว้นต้าเซี่ยสองคำก็แคว้นต้าเซี่ย แทบอยากจะป้ายความผิดให้แคว้นต้าเซี่ยจนดิ้นไม่หลุดไม่ไหวแล้ว!
หนานหว่านเยียนสบตากับหลีเต๋อที่ปั้นน้ำเป็นตัว รู้สึกโกรธจัด
“อย่ามาดื้อด้านปากแข็ง! แผนการแคว้นเทียนเซิ่งทั้งหมดของพวกเจ้า ล้วนวางแผนมาเรียบร้อยแล้ว แต่ทูตที่อยู่เบื้องหลังคงไม่ได้บอกเจ้ากระมัง ว่าแคว้นต้าเซี่ยกำลังมาเยือน พวกทูตอยู่ระหว่างการเดินทางแล้ว พวกเขาจะสร้างปัญหาในเวลานี้ได้อย่างไร หรือเหวี่ยงแหกับดักไม่สำเร็จงั้นรึ!”
คณะทูตของแคว้นต้าเซี่ยกำลังมา?!
เมื่อได้ยิน ทุกคนมองหน้าตกตะลึง หลีเต๋อนิ่งอึ้ง ส่วนหยุนเหิงกับแม่ทัพใหญ่ต่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่ แคว้นต้าเซี่ยกำลังส่งทูตมา มันตั้งแต่เมื่อใดกัน
สีหน้าเฟิงยางเปลี่ยนไป อยากจะเตือนจวิ้นจู่ เรื่องนี้เกรงว่าไม่อาจพูดออกมาในที่สาธารณะได้ แต่จวิ้นจู่พูดไปแล้ว งั้นก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็สามารถบอกปัดไปได้ ถึงอย่างไรไท่เฟยก็เป็นคนแคว้นต้าเซี่ยของพวกเขา!
นัยน์ตากู้โม่หานพลันหดเกร็ง ขมวดคิ้วมองหนานหว่านเยียน
เรื่องที่แคว้นต้าเซี่ยกำลังมาเยือนนี้ เขาไม่เคยเปิดเผยให้หว่านเยียนรู้เรื่องได้อย่างไร
อีกทั้ง นางเหมือนจะโกรธเล็กน้อย เพียงเพราะคนๆนี้สาดน้ำสกปรกใส่แคว้นต้าเซี่ยรึ
นางไม่ใช่ชาวต้าเซี่ยซะหน่อย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
กู้โม่หานดึงแขนนางอย่างปลอบประโลม นัยน์ตาสีเข้มกวาดตามองหลีเต๋อที่ลุกลี้ลุกลน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแกมบังคับ
“ใครเป็นคนวางแผนส่งเจ้ามา กู้โม่หลิง หรือฉินอี้หราน”
ราวกับถูกทิ่มแทง ดวงตาหลีเต๋อเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที ความเกลียดชังบนใบหน้าเหมือนจะกลืนกินทุกคน ตะโกนเสียงแหบแห้งว่า “ข้าเป็นชาวต้าเซี่ยต่างหาก! ที่แคว้นต้าเซี่ยส่งคนมาครั้งนี้ ก็เพื่อแก้แค้นพวกเจ้า!”
“แคว้นซีเหย่กับแคว้นเทียนเซิ่งของพวกเจ้าชอบคิดจะรุกราน สมควรตายให้หมด! ทุกคนล้วนสมควรตาย ฮ่าๆๆ…”
วินาทีต่อมา หลีเต๋อพลันหยุดค้าง เลือดขุ่นสีดำไหลออกมาจากมุมปากของเขา จ้องมองกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนอย่างตายตาไม่หลับ
(1) ฟังเสียงลมก็เชื่อว่าฝนตก หมายถึง ได้ยินอะไรมาเล็กน้อยก็เชื่อโดยง่าย