ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 778 กอดจูบ
ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 778
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่ตำหนักหยูซินแล้ว เกี๊ยวน้อยได้ยินว่าหนานหว่านเยียนพาเฟิงยางไปหากู้โม่หานที่ห้องทรงพระอักษร
ดังนั้นนางจึงเกาะติดเซียงอวี้ อ้อนวอนให้เซียงอวี้พานางมาถึงห้องทรงพระอักษร
เกี๊ยวน้อยเพิ่งมาถึงประตู ยังไม่ทันได้ทักทายเฟิงยาง หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานก็เดินตามกันออกมาจากห้องทรงพระอักษร
เมื่อเห็นสีหน้าของหนานหว่านเยียนเป็นปกติ เกี๊ยวน้อยก็รู้สึกโล่งใจ พลางยิ้มหวานอ่อนโยนเป็นการทักทายทันที “ท่านแม่!”
“ท่านแม่มาหาเสด็จพ่อ ทำไมนางไม่เรียกข้าด้วย ข้าเบื่อกินข้าวคนเดียว!”
นางไม่อยากรับประทานอาหารกับเสด็จพ่อมากนัก แค่กลัวว่าเสด็จพ่อจะฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ ทำให้ท่านแม่ไม่พอใจ
โดยส่วนตัวแล้ว นางยังไม่อยากเห็นใบหน้าที่ไม่มีความสุขของพวกเขา
กู้โม่หานมองสาวน้อย หัวใจพลันอ่อนลง ตั้งแต่เกิดเรื่อง เขายังไม่ได้พูดคุยกับสาวน้อยจริงๆ จังๆ เลย
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “”ทำไมถึงไม่เรียกเสด็จพ่อล่ะ?”
เกี๊ยวน้อยทำแก้มป่อง “เสด็จพ่อ ข้าไม่ได้คุยกับท่านสักหน่อย”
จิตใจของสาวน้อยเอนเอียงไปทางหนานหว่านเยียน กู้โม่หานรับรู้และไม่โต้เถียงใดๆ ในขณะที่หนานหว่านเยียนก้มหน้ามองเกี๊ยวน้อยเสียงใส จากนั้นมองไปที่เซียงอวี้ที่กำลังประหม่า เข้าใจทันทีว่าลูกสาวต้องรบกวนเซียงอวี้ให้พามาแน่นอน
นางย่อตัวลง ลูบหัวของเกี๊ยวน้อยอย่างเอ็นดู “แม่มีธุระจะคุยกับเสด็จพ่อ ก็เลยไม่อยากรบกวนเวลานอนของเจ้า เจ้าโกรธแม่หรือ?”
“ข้าจะโกรธท่านแม่ได้ยังไง” เกี๊ยวน้อยส่ายหน้า จากนั้นนางก็จับมือหนานหว่านเยียนอย่างมีความสุข “ท่านแม่ พวกข้ากลับกันเถอะ ข้าอยากเล่นกับท่าน”
เมื่อเห็นว่าเกี๊ยวน้อยท่าทางกระตือรือร้น หนานหว่านเยียนก็พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ลูกรัก แม่ไม่สามารถกลับตำหนักกับเจ้าได้ในตอนนี้ ข้ากับเสด็จพ่อของเจ้ามีเรื่องสำคัญต้องออกจากวัง”
ทันทีที่นางได้ยินว่ากำลังจะออกจากวัง ดวงตาของเกี๊ยวน้อยก็สว่างขึ้นทันที “ท่านแม่พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?”
“นานๆ จะได้ออกไปสูดอากาศสักที อึดอัดมาก”
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าทุกคนจะไปทำอะไรนอกวัง แต่ก็สนุกกว่าอยู่ในวังแน่นอน บางทีนางอาจจะได้พบซาลาเปาน้อยอีกครั้ง!
หนานหว่านเยียนยังไม่ทันได้พูด กู้โม่หานก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“ข้ากับแม่ของเจ้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ก่อนที่พวกข้าจะกลับมา เจ้าต้องอยู่ในวังอย่างเชื่อฟัง อยู่กับเซียงอวี้”
ก่อนหน้านี้เขายินดีพาเกี๊ยวน้อยตัวเล็กๆ ออกจากจวนไปพร้อมกับหนานหว่านเยียนด้วย เพราะตอนแรกยังไม่พบตัวตนที่แท้จริงของไป๋จื่อ
ตอนนี้หนานหว่านเยียนได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้ว ถ้าเขาพาลูกออกไปอีก เขากลัวว่าหนานหว่านเยียนจะทำเรื่องแย่ขึ้นมาอีก สามแม่ลูกจะเล่นตุกติกอีกครั้ง ถึงตอนนั้นทั้งชายาและลูกสาวก็ไม่มีแล้วจริงๆ…
หนานหว่านเยียนนึกไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ แต่วันนี้นางมีเรื่องที่ต้องทำจริงๆ การพาเกี๊ยวน้อยมาด้วยมันไม่สะดวกเลย
เกี๊ยวน้อยตกตะลึง ดูเหมือนว่าวันนี้กู้โม่หานจะจริงจังมาก
แต่นางก็เห็นว่าหนานหว่านเยียนมีบางอย่างต้องทำจริงๆ มิฉะนั้นนางจะไม่ลังเลนานนัก นางก็ไม่ได้บังคับด้วย
แต่นางจงใจแสร้งทำเป็นไม่พอใจ พลางกอดอกหันกลับไป เตะก้อนหินเล็กๆ บนพื้นอย่างไม่ยินยอม “ฮึ่ม ไม่ไปก็ไม่ไป จะดุอะไรนักหนา”
นางทำแก้มป่อง เสียงใสสั่นเทา พูดอย่างดุดัน “เสด็จพ่อใจแคบจริงๆ เกลียดชะมัดเลย ข้าจะไม่สนใจเสด็จพ่ออีกแล้ว”
หนานหว่านเยียนมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า เกี๊ยวน้อยจงใจแสร้งทำเป็นโกรธ ดังนั้นจึงไม่ห้ามปราม อยากจะดูว่าสาวน้อยประหลาดคนนี้จะมาลูกไม้ไหน
ทางด้านข้าง เซียงอวี้กลับคิดว่าเกี๊ยวน้อยกำลังโกรธจริง ๆ รีบพูดว่า “อานผิงจวิ้นจู่อย่าโกรธไปเลย เอ่อ…ฮ่องเต้และเหนียงเหนียงไม่นานก็กลับแล้ว”
เกี๊ยวน้อยเห็นเซียงอวี้หลงกลแล้ว จึงพยายามแสดงมากขึ้น “ไปเถอะ ไปเถอะ ทุกคนไปแล้ว ข้าเป็นแค่ดอกหญ้าเล็กๆ ที่ไม่มีใครรัก น่าสมเพชชะมัด”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาสีดำขลับของกู้โม่หานก็หดลงทันที ซ่อนความโศกเศร้าเอาไว้
เขาขมวดคิ้ว พลางย่อตัวลงเพื่อปลอบใจสาวน้อย
“ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังจริงๆ พาเจ้าไปด้วยไม่สะดวก แต่ถ้าวันนี้เจ้ารออยู่ในวังอย่างเชื่อฟัง ตอนกลับมาข้าจะเอาถังหูหลูติดไม้ติดมือมาให้เจ้าเยอะๆ รับประกันเลยว่ากินอิ่มแน่ ว่าไงล่ะ?”
ถังหูหลู!
ดวงตาของเกี๊ยวน้อยเปล่งประกายอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนแรกยังคิดแกล้งทำเป็นขู่กู้โม่หาน ก็ถือได้ว่าเป็นการแก้แค้นสำหรับความคับข้องใจที่หนานหว่านเยียนได้รับในหลายวันมานี้
แต่เมื่อได้ยินคำว่าถังหูหลู นางก็ไม่สามารถต้านทานได้ มองไปที่กู้โม่หานทันที “จริงหรือ? ผู้ใหญ่พูดอะไรต้องรักษาคำพูดนะเพคะ!”
กู้โม่หานเผลอยิ้ม บีบหน้าเกี๊ยวน้อยอย่างอดไม่ได้ “ข้าเคยผิดสัญญากับเจ้าเมื่อไหร่?
เกี๊ยวน้อยชำเลืองมองหนานหว่านเยียน ค่อยมีความสุขขึ้นหน่อย “งั้นก็ตกลง พวกท่านรีบไปรีบกลับนะ อย่าให้ข้ารอนาน”
พูดจบ นางก็โบกมือให้กู้โม่หาน แล้วหันไปยิ้มสดใสให้นานหว่านเยียน “ท่านแม่เดินทางดีๆ นะ! ถ้าเสด็จพ่อรังแกก็บอกข้า ข้าจะแก้แค้นให้เอง!”
พูดจบ นางยังแสดงให้กู้โม่หานเห็นว่าแขนของตนแข็งแกร่งเพียงใด เขาจะมาหาเรื่องไม่ได้
“จะไม่ให้โอกาสท่านอีกแล้ว” กู้โม่หานหน้าบึ้ง บอกให้เซียงอวี้พานางไป
เขาจะรังแกหนานหว่านเยียนได้อย่างไร สาวน้อยไม่ใส่ใจเลย ไม่รู้จักพูดจาให้พ่อแม่คืนดีกัน อย่างเช่นกอดจูบ รู้จักแต่จะคอยทำลาย
เมื่อกลับมา จึงให้ถังหูหลูนางเพียงสองไม้ ถือเป็นการสั่งสอนบทเรียนให้นาง
…
กู้โม่หานและหนานหว่านเยียนเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง พาองครักษ์หลายคนและเฟิงยางออกจากวังไป
ในไม่ช้า รถม้าก็หยุดตรงทางเข้าจวนแม่ทัพ
หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานเข้าไปในจวนแม่ทัพ คนรับใช้โค้งคำนับให้ทันที จากนั้นก็ตะเกียกตะกายวิ่งเข้าไปตะโกนเรียกคน
แม่ทัพใหญ่และหยุนเหิงวิ่งออกมา นึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้และฮองเฮาเหนียงเหนียงจะมาเยี่ยมจริงๆ สีหน้าตกตะลึง
“ข้าน้อย คารวะฝ่าบาท คารวะฮองเฮาเหนียงเหนียง!” แม่ทัพใหญ่เป็นคนแรกที่ตอบสนองและกำลังจะคุกเข่าลงให้หนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน
กู้โม่หานโบกมือ “ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะ”
หยุนเหิงไม่เคยคิดว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงจะมาด้วยตนเอง หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน ก็รีบวิ่งเข้ามาเตรียมจะคำนับ เฟิงยางคว้าคอเสื้อไว้แล้วดึงขึ้นมา “ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมากพิธี”
หยุนเหิงยังคงตกตะลึง หันไปมองเฟิงยาง “อ้อ อ้อ”
เฟิงยางเห็นเขามีท่าทีขวัญหนีฝ่อแบบนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา
ส่วนหนานหว่านเยียนกลับพบว่าหยุนเหิงผอมลงมาก ใบหน้าซีดเซียว รอยคล้ำใต้ดวงตาเข้มมาก เหมือนไม่เคยได้พักผ่อนเลย
แม้แต่แม่ทัพใหญ่ก็เหมือนกัน ปล่อยปละเนื้อตัวและใจลอย
จู่ๆ หนานหว่านเยียนก็รู้สึกอึดอัด เลิกคิ้วขึ้น พลางถามน้ำเสียงเย็นชา “ฮูหยินท่านแม่ทัพเป็นยังไงบ้าง อาการเป็นยังไงบ้างแล้ว ให้หมอหลวงตรวจแล้วหรือยัง?”