ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 777 จะไม่ให้โอกาสนางหนีอีก
ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 777
แต่เมื่อเขาตระหนักถึงพฤติกรรมใกล้ชิดโดยจิตใต้สำนึกของเขาที่มีต่อหนานหว่านเยียนเมื่อครู่ นิ้วขาวเรียวของชายหนุ่มก็แข็งทื่อ
เขามองไปทางหนานหว่านเยียนทันที
หนานหว่านเยียนนึกไม่ถึงว่า กู้โม่หานจะช่วยนางเช็ดคราบซุปที่มุมปาก กิริยาแนบชิดและเป็นธรรมชาติราวกับว่านางเป็นสามีภรรยากัน นางขมวดคิ้วทันที แล้วเบี่ยงหน้าหลบ “ไม่ต้อง ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง”
นางดูไม่พอใจนัก เขาก็ไม่กล้าทำอะไรเพิ่มเติม
เขาหันไปคีบอาหารมาให้หนานหว่านเยียน จงใจเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “หว่านเยียน วันเกิดของสาวน้อยทั้งสองกำลังจะมาถึงแล้ว เจ้ามีความคิดดีๆ ไหม?”
ครั้งก่อนเขาจงใจลองหยั่งเชิงนางในคราบไป๋จื่อ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ
แต่ในใจของเขา วันเกิดของสาวน้อยทั้งสองมีความสำคัญสูงสุด เขารอคอยมาเป็นเวลานานแล้ว
สายตาของหนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนไปด้วย แต่กลับพูดอย่างเย็นชา
“ข้าไม่มีความเห็นใดๆ”
นางจะไม่บอกกู้โม่หานเด็ดขาดว่า เกี๊ยวน้อยอยากกลับมาอยู่กับซาลาเปาน้อย และไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อพูดคุยเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดของสองสาวน้อยกับกู้โม่หาน
กู้โม่หานมองนางด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่านางจะโอนอ่อนผ่อนตาม ไม่เยาะเย้ยเขา หรือบอกว่าเขาเข้าไปยุ่งเรื่องของลูกมากเกินไป และไม่สะบัดหน้าหนีด้วย
หรือว่านาง…จะเต็มใจให้เขาเข้ามาแทรกแซงแล้วหรือ?
แสงแวบวาบผ่านดวงตาคมกริบของชายหนุ่ม เขาจับตามองนางอย่างใกล้ชิด พลางกระซิบเบาๆ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้กรมพิธีการไปเตรียมการ เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนในเมืองหลวงจะรู้เรื่องงานฉลองวันเกิดของอานผิงและอานเล่อ ข้ายังได้ตั้งตลาดที่คึกคักทุกที่ของเมืองหลวง หากสาวน้อยทั้งสองอยากออกไปเที่ยวเล่น จะได้รับมือได้ทุกเมื่อ”
หนานหว่านเยียนพยักหน้าอย่างไม่แยแส พลางกล่าวอย่างฉุนเฉียว “โอ๊ย ท่านคอยดูไว้ก็พอแล้ว”
นางดูไม่คิดอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้พูดประชดประชันเหมือนเดิม จิตใจของกู้โม่หานมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงกับเกิดความคาดหวังขึ้นมาในใจอย่างไม่รู้ตัว
ในเมื่อนางไม่ขัดข้องเลย บางทีวันเกิดของสองสาวน้อยอาจเป็นพิธีสถาปนายศของนางก็ได้
ดวงตาเล็กเรียวของยาวของชายหนุ่มจ้องมองที่หนานหว่านเยียนชั่วครู่ สีหน้าร้อนแรงเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะครอบครอง เกิดความคาดหวังที่มีต่องานเลี้ยงวันเกิดแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องรับซาลาเปาน้อยเข้าวังก่อนหรือเปล่า? เด็กน้อยโตเร็ว นางต้องวัดตัวตัดเสื้อผ้าแล้ว อีกสิบวันถึงจะได้สวมเสื้อผ้าใหม่ ฉลองวันเกิดอย่างมีความสุข”
หนานหว่านเยียนชำเลืองมองเขา วันเกิดของลูกสาวทั้งสองเหลือเวลาอีกสิบวัน ก่อนจะถึงวันนั้น ผู้คนทั้งหมดที่แคว้นต้าเซี่ยส่งมาน่าจะมาถึงแล้ว
ในเวลานั้นทั้งสามแม่ลูกจะจากไป ไม่มีทางที่จะรองานเลี้ยงวันเกิดที่กู้โม่หานเตรียมไว้สำหรับสองสาวน้อยได้
นางจึงทำเพื่อเอาตัวรอดไปก่อน แต่ตอนนี้เขาจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องซาลาเปาน้อยกลับวัง นางจึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้อีกต่อไป ท้ายที่สุด ถ้าพาเด็กกลับมาที่วังอีกครั้ง ความเสี่ยงจะมากเกินไป นางไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืด
“ให้นางอยู่นอกวังเถอะ เด็กผู้หญิงอายุสี่ห้าขวบ แค่สองเดือนนางไม่โตขึ้นเท่าไหร่หรอก”
ความหมายของนางชัดเจน ก็คือไม่ต้องการพาเด็กเข้าวัง รอยยิ้มของกู้โม่หานหุบลงเล็กน้อย คิ้วรูปดาบลู่ลงเงียบๆ เฝ้ามองนาง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
“ตกลง ก่อนงานเลี้ยงวันเกิดสองวัน ค่อยไปรับกลับวัง”
หนานหว่านเยียนไม่ตอบ เขาจึงถือว่ารับทราบแล้ว อารมณ์ไม่แปรปรวนเหมือนรถไฟเหาะ
อย่างไรก็ตาม นางยอมพูดคุยกับเขาดีๆ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หนานหว่านเยียนหรี่ตามองกู้โม่หาน “วันนี้ที่มาหาท่าน นอกจากจะขอให้ท่านปล่อยหมอหลวงเจียงแล้ว ยังมีอีกอย่างที่อยากจะบอกท่าน”
กู้โม่หานมองไปที่นาง “อะไรเหรอ?”
หนานหว่านเยียนไม่ได้อ้อมค้อมเช่นกัน พูดตรงเข้าประเด็นทันที “วันนี้ข้าจะออกจากวัง”
นางกำลังจะออกจากวัง?
การเคลื่อนไหวของกู้โม่หานหยุดชะงักชั่วครู่ ความกระสับกระส่ายบีบหัวใจเขาทันที ดวงตาอันทรงเสน่ห์ของเขาหรี่ลงครึ่งหนึ่งพร้อมกับจับจ้องไปที่นาง การตรวจสอบและความสับสนผ่านไปอย่างรวดเร็ว “เจ้าจะออกไปทำอะไรนอกวัง?”
เรื่องมาถึงป่านนี้แล้ว นางยังคิดจะหลบหนีอีกหรือ
หนานหว่านเยียนมองเข้าไปในดวงตาของเขา ไม่ตอบแต่ย้อนถามว่า “ท่านแค่พูดว่า ตกลงหรือไม่ตกลง?”
ดวงตาสีดำขลับของกู้โม่หานจับจ้องที่หนานหว่านเยียน นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ แต่กลับไม่ได้ปฏิเสธนาง
“เจ้าจะออกจากวังก็ได้ แต่ข้าต้องอยู่เคียงข้างเจ้า”
ไม่ว่าหนานหว่านเยียนคิดจะทำอะไร เขาจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตาอีก
เขาจะไม่ให้โอกาสนางหนีอีกเป็นครั้งที่สอง
สีหน้าของหนานหว่านเยียนชะงักงันชั่วคราว “ท่านคือฮ่องเต้ จะออกไปนอกวังทั้งๆ ที่ไม่กิจอันใดคงไม่ดีล่ะมั้ง?”
เขาจ้องหน้านาง “ไม่มีอะไรไม่ดี เจ้าอยู่ไหน? ข้าก็อยู่ที่นั่น”
จู่ๆ คิ้วของหนานหว่านเยียนก็ขมวดขึ้น นางไม่รู้ว่าตอนนี้กู้โม่หานเป็นคนตอแยถึงขนาดนี้ ต้องการที่จะผูกติดกับนางเสมอ เหมือนยากอเอี๊ยะที่แกะไม่ออก
แต่ถ้านางไม่เห็นด้วยกับคำขอของกู้โม่หาน ให้เฟิงยางออกจากวังโดยตรง ก็มีแนวโน้มที่จะตกเป็นเป้าหมายของกู้โม่หานได้ง่าย
ถึงตอนนั้น ซาลาเปาน้อยกับคุณลุงก็จะถูกเปิดเผยทันที ดังนั้นในมือกู้โม่หานจึงมีจุดอ่อนอีกอันที่สามารถควบคุมนางได้
อีกอย่างหากแคว้นต้าเซี่ยต้องการให้ใครมาเพราะเรื่องนี้ นางก็จำเป็นต้องแจ้งลุงด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ซาลาเปาน้อยไม่ได้พบนางและเกี๊ยวน้อยมาหลายวันแล้ว ต้องคิดถึงและเป็นห่วงมากแน่ๆ นางต้องไปเจอสาวน้อยเสียหน่อย
หนานหว่านเยียนหลุบตาลงชั่วขณะเพื่อครุ่นคิด พยักหน้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจ “ถ้าฝ่าบาทมีเวลาว่างมาก อยากตามก็ตามมาเถอะ”
ทว่า การออกนอกวังครั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเยี่ยมชมจวนแม่ทัพ
“จวนแม่ทัพ?” คิ้วและดวงตาของกู้โม่หานขรึมลงทันที นางไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้คนในจวนแม่ทัพเลย นอกจากหยุนเหิงแล้ว…
“ไปทำอะไรที่นั่น?”
หนานหว่านเยียนจิบน้ำบ๊วย คิดว่าฮูหยินท่านแม่ทัพในเวลานี้จะเป็นตายร้ายดียังไม่รู้ “หยุนเหิงบอกว่าฮูหยินท่านแม่ทัพป่วย ข้าจึงอยากไปเยี่ยมไข้ฮูหยินท่านแม่ทัพหน่อย”
ดังนั้นท่านจะตามมา ข้าก็ไม่ขัดข้อง ตราบใดที่ไม่มารบกวนการเยี่ยมไข้ของข้า
พูดจบนางก็ลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมที่จะออกไป
แน่นอนว่าทำไปเพื่อหยุนเหิง ขนตาสีดำหนาของกู้โม่หานขยับเล็กน้อย ริมฝีปากบางกดเป็นเส้นตรง “ตกลง”
ในน้ำเสียงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ในหัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
ท่าท่างที่นางพูดถึงหยุนเหิงอย่างห่วงใยและอ่อนโยน แต่กับเขากลับจืดชืดเย็นชา ไปจนถึงขั้นไม่มีความสุข