ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 506 ไสหัวไป
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 506 ไสหัวไป
แต่เมื่อเขาคิดว่าหนานหว่านเยียนเป็นของเขา และเป็นของเขามาโดยตลอด เขาก็รู้สึกดีใจและพึงพอใจ มีความสุขอย่างบ้าคลั่งเป็นที่สุด
แต่สิ่งที่เขารู้สึกแปลกก็คือ หนานหว่านเยียนผู้นั้นที่ตงเสวี่ยบรรยาย พูดคำพูดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน กล้าเตะและต่อยเขา มีพฤติกรรมหยิ่งผยอง ก็เหมือนกับหนานหว่านเยียนในห้าปีหลัง และก็คือเหมือนกับในตอนนี้ทุกประการ
เพียงแต่ทำไม ตอนนั้นหลังจากที่มีอะไรกับเขาแล้ว หนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนกลับมาเป็นท่าทีแบบเดิม ซึ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจอีก?
แล้วตอนนั้นหนานหว่านเยียนทำอะไรบ้าง เขาก็กลับไม่มีภาพจำเลยสักนิด……
กู้โม่หานรู้สึกสับสน หนานหว่านเยียนก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจเป็นที่สุด
คิดไม่ถึงว่าตงเสวี่ยจะเอ่ยถึงที่เจ้าของร่างเดิมพูดว่าตำรวจ ทั้งยังมีส่งเข้าคุกอีก?
นี่ไม่ใช่คำพูดที่เจ้าของร่างเดิมจะพูดออกมาได้อย่างแน่นอน!
เป็นไปได้ไหมว่าร่างกายนี้ของเจ้าของร่างเดิม ไม่ได้มีเพียงแค่นางที่ข้ามเวลามา แต่ยังมีคนอื่นด้วย?
ชั่วพริบตานั้น ความคิดของหนานหว่านเยียนก็สับสนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว……
หยุนอี่ว์โหรวยิ่งฟังก็ยิ่งไม่ยอม ที่นางมาก็เพื่อจะดูเรื่องน่าขันของหนานหว่านเยียน ทำไมถึงกลายเป็นว่าผู้ชายในคืนนั้นเป็นกู้โม่หานซะได้? !
นางกัดริมฝีปาก พยายามข่มความโกรธและความริษยาในใจตัวเองอย่างสุดกำลัง กล่าวตำหนิด้วยความโกรธว่า: “เช่นนั้นในเมื่อเจ้ารู้ความจริง แล้วทำไมอยู่ตั้งนานถึงไม่พูด ปล่อยให้ท่านอ๋องและพระชายาเสียเวลาเข้าใจผิดกันหลายปีขนาดนี้! เจ้าควรรับโทษสถานใด!”
ตงเสวี่ยส่งเสียงร้องไห้ออกมา เหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมอันใหญ่หลวงเช่นนั้น
นางหันไปโขกศีรษะต่อหนานหว่านเยียน หนึ่งครั้งต่อด้วยอีกหนึ่งครั้ง “ขออภัยพระชายา เพราะบ่าวรักตัวกลัวตาย เรื่องที่ท่านเสียตัวครั้งแรก ไม่รู้ว่าทำไมจึงถูกฮูหยินเฉิงเซี่ยงรู้เข้าได้ นางให้บ่าวปิดเป็นความลับมาตลอด ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นก็จะสังหารทั้งครอบครัวของบ่าว!”
“บ่าวก็ถูกบีบคั้นจนทำอะไรไม่ได้ ไม่กล้าพูดมาก และไม่กล้าบอกท่านและท่านอ๋อง…..ต่อจากนั้นท่านก็ใกล้จะแต่งงานออกไปแล้ว ฮูหยินเฉิงเซี่ยงก็จงใจขายบ่าวออกไป บ่าวจึงไม่รู้สถานการณ์ของท่านอีก และยิ่งไม่รู้ว่าทำไมถึงได้พัวพันถึงชายชู้อะไรออกมาได้ ล้วนเป็นความผิดของบ่าว ทำให้พระชายาได้รับความขุ่นข้องหมองใจแล้วเพคะ”
คราวนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึงแล้ว
ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่า ท่ามกลางเรื่องนี้จะมีเรื่องของฮูหยินเฉิงเซี่ยงด้วยอีกเรื่องหนึ่ง
และทุกด้านของเรื่องนี้ก็ถูกสาวไส้เปิดโปงออกมาต่อหน้าสาธารณชน ทุกคนล้วนรู้สึกสับสนเป็นที่สุด
พ่อบ้านกาวแอบพุ่งความสนใจไปยังสีหน้าการแสดงออกของทุกคน สีหน้านิ่งสงบไม่ตกตะลึง
แต่เซียงอวี้กลับตื่นเต้นเป็นที่สุด แทบอยากจะวิ่งออกไปประกาศบอกทั้งโลกว่า ก่อนหน้านี้คำพูดใส่ร้ายหนานหว่านเยียนเหล่านั้นล้วนเป็นข่าวโคมลอย!
พระชายาเป็นพระชายาที่ดีที่สุด! คราวนี้ ท่านอ๋องน่าจะรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ได้ทำร้ายพระชายาแล้วสินะ?
รีบขอโทษเร็วๆหน่อยสิเพคะ จะสามารถได้ดึงหัวใจของพระชายากลับมาได้!
ทันใดนั้นบรรยากาศในเรือนเซียงหลินก็แปลกไป
หยุนอี่ว์โหรวยืนไม่ติดเล็กน้อยแล้ว นางหน้าเขียวไปทั้งใบหน้าด้วยความโกรธ ชี้ตงเสวี่ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เปิดปากด้วยความสั่นเทา ความคิดสับสนเล็กน้อย “เจ้า เจ้าเป็นบ่าวข้างกายของพระชายา เป็นธรรมดาที่ต้องเข้าข้างพระชายา อาศัยแค่คำพูดของเจ้าฝ่ายเดียว เชื่อถือไม่ได้”
ตงเสวี่ยมองไปยังหยุนอี่ว์โหรว และรีบพูดว่า: “ไม่ ทุกสิ่งที่บ่าวพูดเป็นความจริงทุกคำ บ่าวเอาลูกของบ่าวมาเป็นคำบานเพคะ!”
แต่หยุนอี่ว์โหรวกลับไม่ฟัง แสร้งทำเป็นดึงแขนเสื้อของกู้โม่หานด้วยความฉอเลาะอ่อนแอ “ท่านอ๋องเพคะ ท่านต้องระวังอย่าให้โดนหลอกนะเพคะ บางทีพระชายาอาจจะไม่อยากให้ท่านโกรธ จึงตั้งใจซื้อคนรับใช้ผู้นี้ ให้นาง…….”
สายตาของกู้โม่หานเหมือนดั่งใบมีด เพ่งมองบนใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรวตาเขม็ง น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยคำเตือน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร?”
สาวใช้ผู้นี้ไม่ได้ผิดเป็นแน่ ตอนนั้นเขาส่งพ่อบ้านกาวไปตรวจสอบสาวใช้ผู้นี้ และแอบจัดเตรียมกำลังคนใหม่อีกครั้ง ทำการตรวจสอบสาวใช้ผู้นี้อย่างลับๆและคอยจับตาดูพ่อบ้านกาว หากว่าพ่อบ้านกาวมีความผิดปกติใดๆ คนของเขาก็จะกักตัวพ่อบ้านกาวไว้ทันที
แต่พวกเขาไม่ได้กักตัวพ่อบ้านกาวไว้ ก็อธิบายได้ว่าสาวใช้ผู้นี้ พ่อบ้านกาวไม่ได้เล่นตุกติกอะไรอย่างแน่นอน!
หยุนอี่ว์โหรวโดนสายตาอันเฉียบคมของเขาเข้า ตกใจจนหดมือกลับไปทันที
“โหรวเอ๋อร์พลั้งปากไปแล้วเพคะ……”
เวลานี้ ตงเสวี่ยนึกอะไรขึ้นได้อย่างฉับพลัน “หากว่าไม่เชื่อ ที่บ่าวยังมีหลักฐานอยู่เพคะ”
ขณะที่พูด นางรีบล้วงสิ่งที่ใช้ผ้าห่อไว้ออกมาจากหน้าอกอันหนึ่ง คลี่ออกอย่างระมัดระวัง แล้วยื่นไปเบื้องหน้าของกู้โม่หาน
“นี่คือของที่พระชายายัดไว้ให้บ่าวก่อนที่จะสลบไปในคืนนั้นที่เกิดเรื่องเพคะ บอกว่าเป็นสิ่งของยืนยันที่…….ผู้ชายคนนั้นให้นางไว้ มีของสิ่งนี้ แล้วค่อยไปหาเขา เขาจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน บ่าวกลัวว่าหลักฐานเพียงสิ่งเดียวนี้จะถูกฮูหยินเฉิงเซี่ยงพบเข้า จึงแอบเก็บซ่อนไว้มาโดยตลอดเพคะ!”
หนานหว่านเยียนชำเลืองมองแวบหนึ่ง ไม่มีภาพจำใดๆเกี่ยวกับหลักฐานชิ้นนั้นเลย
พ่อบ้านกาวรีบก้าวไปข้างหน้าทันที เมื่อเห็นพู่ระย้าห้อยดาบที่ทำขึ้นด้วยฝีมือประณีตนั่น สีหน้ากลับเปลี่ยนไปแล้วเปลี่ยนไปอีก
“นี่……นี่ไม่ใช่พู่ระย้าห้อยดาบหลิวหยุนที่หยีเฟยเหนียงเหนียงทำให้ท่านอ๋องด้วยมือของพระองค์เองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“คิดไม่ถึงว่าหายไปนานหลายปีเพียงนี้ จะไปอยู่ในมือของสาวใช้ของพระชายาได้!”
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังกู้โม่หานอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง ท่านดูสิพ่ะย่ะค่ะ…….”
เมื่อกู้โม่หานเห็นสิ่งของที่อยู่ในห่อผ้า ดวงตาอันคมงามก็หดลงทันที ความรู้สึกหวั่นไหวเป็นอย่างมาก
พู่ระย้าห้อยดาบหลิวหยุนที่เสด็จแม่ทำ โดยปกติแล้วจะแฝงด้วยความคุ้นชินของตัวนางเอง
นี่เป็นสิ่งที่เสด็จแม่ทำให้เขาด้วยมือของตัวเองก่อนที่จะเกิดเรื่อง เป็นสิ่งของแทนตัวที่ระลึกที่เขาพกติดตัวมาโดยตลอด แต่ได้หายไปเมื่อห้าปีก่อน
เขายังคิดว่าทำหายไปแล้วซะอีก คิดไม่ถึง……ว่าจะเป็นเพราะมอบออกไปแล้ว
หยุนอี่ว์โหรวยังไม่ตายใจ นางจะมองดูโอกาสที่หนานหว่านเยียนจะพ่ายแพ้เสียชื่อเสียงให้หายวับไปต่อหน้าตัวเองอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร
นางร้องไห้จนเหมือนดอกสาลี่ที่ชโลมฝนเช่นนั้น ทรวงอกก็ดี ท้องน้อยก็ช่าง เจ็บปวดจนเกิดความกลัวภายในใจ “ท่านอ๋อง หากว่า หากว่านี่เป็นการปลอมแปลง…….”
“หุบปาก!” ดวงตาคมงามของกู้โม่หานเหมือนดั่งหมึกที่ไม่ละลาย ฉาบย้อมด้วยความดุร้ายชั้นหนึ่ง ตะคอกเสียงดังใส่หยุนอี่ว์โหรว
“ไสหัวออกไป —“