ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 486 ข้าชอบเจ้า
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 486 ข้าชอบเจ้า
แต่กู้โม่หานเคยสั่งไว้ว่า ไม่อนุญาตให้นางเข้าไปในเรือนซีเฟิง ถ้านางผลีผลามเข้าไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ คงได้เจอตออันมโหฬารเข้าแน่ ๆ….
จู่ ๆ หยุนอี่ว์โหรวก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ ถ้าไปขอความช่วยเหลือจากนาง เรื่องนี้ต้องราบรื่นแน่ มุมปากของนางพลันยกโค้งขึ้น แววตาฉายแววอึมครึมอันตราย…..
แต่นางไม่มีทางรู้เลยว่า กู้โม่หานที่เดิมทีแช่น้ำแข็งเย็นเฉียบอยู่ในเรือน กลับเดินตัวเปียกโชกแบบกึ่ง ๆ ไร้สติออกจากเรือนไปแล้ว เวลานี้กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนเซียงหลิน…..
ในเวลานี้ หนานหว่านเยียนอยู่ในเรือน กำลังหารือกับพวกเซียงอวี้เรื่องที่นางกับกู้โม่หานจะไปทะเลสาบเนี่ยในวันพรุ่งนี้ รวมถึงเรื่องอาหารและการจัดเตรียมบางอย่างสำหรับยัยหนูทั้งสอง
ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นกู้โม่หานที่แผ่รัศมีกดดันผู้คน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าดำคล้ำทะมึน
หนานหว่านเยียนตกใจจนผงะไปครู่หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นว่าเขาเปียกโชกไปทั้งตัว นางถึงกับขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว อากาศหนาวขนาดนี้แท้ ๆ กู้โม่หานกลับใส่เสื้อผ้าเปียก ๆ แบบนี้ ไม่รู้สึกหนาวบ้างเลยรึ?
“ทำไมเจ้า…..”
แต่หนานหว่านเยียนยังพูดไม่ทันจบ กู้โม่หานก็เข้ามาดึงข้อมือของนางชนิดไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วลากออกไปข้างนอก
พวกเซียงอวี้ต่างหันมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เพราะจะว่าไปแล้วสีหน้าของกู้โม่หานก็ดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องเลวร้ายอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่แล้ว
หนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานลากออกไป ทำยังไงก็สลัดไม่พ้น ” กู้โม่หาน นี่เจ้าทำอะไรของเจ้า? มีอะไรจะพูดก็พูดมาดี ๆ ปล่อยมือข้าก่อนได้ไหม”
ทันใดนั้น กู้โม่หานก็หยุดฝีเท้า หันมาจ้องนางด้วยสายตาที่ร้อนแรงดั่งเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แทบจะมีคำว่าฝืนอดทนกับดิ้นรนต่อสู้เขียนแปะไว้เต็มใบหน้าอยู่แล้ว
หนานหว่านเยียนยังรับรู้ผ่านฝ่ามือของเขาได้ว่า ร่างกายของเขาร้อนมากจนผิดปกติ นางรีบตรวจชีพจรให้เขาทันที
ทันใดนั้น นางก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาคู่งามพลันฉายแววหนักอึ้งจมดิ่ง “นี่เจ้าถูกคนเล่นงานหนัก ๆ เข้าให้แล้วสินะ?”
คงเป็นฝีมือขององค์หญิงน้อยนั่นแน่ ๆ ตอนที่สิ้นสุดงานเลี้ยง กู้โม่หานอยู่กับองค์หญิงน้อยนั่นตามลำพัง อีกทั้งยาตัวนี้ออกฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรง ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากยาทั่วไป นางตรวจสอบอย่างละเอียด จึงพบว่ายาชนิดนี้เหมือนจะถูกผสมกับกู่พิษด้วย
ชั่วขณะนั้น หัวใจของหนานหว่านเยียนถึงกับเต้นกระหน่ำ พิษนี้ดูจะแก้ได้ยากทีเดียว!
แต่แล้วจู่ ๆ กู้โม่หานก็คว้ามือของนางไว้จนแน่น
“หนานหว่านเยียน ยาพิษชนิดแก้ได้ง่าย แต่ก็แก้ไม่ง่าย…..”
เขาจ้องนางตาเขม็ง ในสมองเริ่มจะสับสนมึนงงขึ้นเรื่อย ๆ “เจ้าเต็มใจหรือไม่?”
“อะไร” เต็มใจอะไร? คงจะไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิดใช่ไหมเนี่ย? หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าดูท่าชักจะไม่ดีแล้ว ลิ้นก็เริ่มจะพันกันอุตลุด “ตอนนี้เจ้าเริ่มมีอาการพูดเพ้อแล้ว เลยพูดแต่อะไรที่มันไร้สาระ แล้วก็อะไรนะ…. คือตอนนี้ข้ามีธุระด่วนนิดหน่อย… ข้า……”
แต่ทันใดนั้น กู้โม่หานก็พุ่งตัวเข้ามาประชิดนางอย่างรุนแรงดุดัน
ระยะห่างนั้นถูกย่นเข้ามาจนใกล้ ลมหายใจของเขาร้อนผ่าวราวไฟที่กำลังโหมไหม้ หนานหว่านเยียนตกใจจนอกสั่นขวัญหาย รีบสะบัดตัวถอยหลังวิ่งหนี “ข้ายังมีธุระที่ต้องไปจัดการจริง ๆ เจ้า… เจ้าไปหาคนอื่นเถอะนะ ข้าไปก่อนล่ะ!”
แต่นางยังไม่ทันได้หนีไปไหน กู้โม่หานก็จี้สกัดจุดของนาง ก่อนจะโอบเอวบอบบางนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของนางไว้โดยที่เจ้าตัวแทบไม่ต้องออกแรงใด ๆ เลย
สีหน้าของหนานหว่านเยียนเปลี่ยนไปในทันที ในหัวใจสั่นสะท้านไปหมด “กู้โม่หาน! เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
ถ้าตอนนี้เกิดเคลื่อนไหวไม่ได้ขึ้นมา แล้วถ้ากู้โม่หานคิดจะ…. นางจะทำยังไงดีล่ะ?
กู้โม่หานจ้องเข้าไปในดวงตาของนาง แววตาของเขาลึกล้ำ มืดทะมึน ทั้งมีความหดหู่เศร้าหมองเจืออยู่เล็กน้อย ถึงขั้นแฝงความโกรธเคืองด้วยอีกหลายส่วน “หนานหว่านเยียน การอยู่ร่วมกับข้า มันทำให้เจ้าคับแค้นใจถึงขนาดนี้เลยจริง ๆ รึ?”
แววตาของหนานหว่านเยียนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางฝืนยิ้มแล้วเกลี้ยกล่อมเขาว่า
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าก็แค่คิดว่าคนที่เจ้าต้องการตอนนี้ไม่ใช่ข้า หรือไม่อย่างนั้นเจ้าก็ให้ข้าตรวจสอบดูอีกหน่อย ข้าจะได้วินิจฉัยหาวิธีจัดการกับพิษชนิดนี้ ถ้าไม่ได้จริง ๆ เจ้าก็ยังมีผู้หญิงในจวนอีกตั้งมากมาย เจ้าชอบคนไหนก็ไปหาคนนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของกู้โม่หานก็พลันน่าเกลียดขึ้นมาทันที เขาแค่นเสียงเย็นชา จี้สกัดจุดของหนานหว่านเยียนซ้ำอีกครั้ง คำพูดที่ออกมาจากปากของนางแต่ละคำ มันทำให้เขาโกรธแทบตายแล้วจริง ๆ
“ข้าต้องการเพียงเจ้าคนเดียว”
พูดจบ เขาก็อุ้มหนานหว่านเยียนขึ้นพาดบ่า พากลับไปที่เรือน เงื้อเท้าเตะเปิดประตูอย่างแรง
หนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานโยนลงบนเตียงอย่างไม่ออมแรงเลย นางอยากขัดขืน แต่กลับขยับไม่ได้ กระทั่งจะพูดก็ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
หนานหว่านเยียนถูกเขาโอบกอดอย่างเชื่อฟังว่าง่าย กู้โม่หานไร้สติยั้งคิดไปแล้ว จึงลืมไปนานแล้วว่าเขาจี้สกัดจุดของนางอยู่ นางถึงได้เชื่อฟังว่าง่ายแบบนี้ ในความสับสนมึนงงนั้น กลับให้ความรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในความฝัน
ในความฝันนั้น เขากับหนานหว่านเยียนได้อยู่ด้วยกันแล้วจริง ๆ…..
เขาจ้องเข้าไปในดวงตาอันงดงามของหนานหว่านเยียน ในเวลานี้ อารมณ์ที่ฝืนระงับไว้ของเขาพลันไหลบ่าออกมา เหมือนม้าป่าหิวกระหายที่หลุดจากเชือก ไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งให้ต้องพะวงอีกต่อไป
“หว่านเยียน เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าแต่โดยดีเถอะนะ ได้หรือไม่?”
“แต่ก่อนข้าเคยทำเรื่องผิดพลาดมามากมายหลายสิ่ง ทั้งยังไม่รู้จักธาตุแท้ของคนอย่างกระจ่างแจ้ง แต่ในอนาคต หัวใจดวงนี้ของข้าจะขอรักเดียวใจเดียวต่อเจ้าตลอดไป ข้าจะดีต่อเจ้าให้มาก จะดีให้มากที่สุดในชีวิตของข้าเลย ”
“ข้า…. ชอบเจ้า”
คำบอกรักหวานฉ่ำ ทำเอาหนานหว่านเยียนตกใจจนผงะ นางจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่ากู้โม่หานจะชอบนางจริง ๆ!
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เขายังบอกกับไทเฮาอยู่เลยว่านางเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง ซึ่งมีค่าพอที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้
แต่… แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะ…..
ไม่! นี่มันเป็นไปไม่ได้!
กู่พิษแบบไหนกันแน่ที่เขาโดนเข้าไป ถึงกับมีฤทธิ์ทำให้จิตใจและประสาทส่วนคิดวิเคราะห์เกิดการสับสน จนผิดพลาดไปได้ขนาดนี้?
แต่เพียงไม่นาน หนานหว่านเยียนก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้อีกต่อไป
นางเจ็บแทบตายแล้ว!
กู้โม่หานยังคงคิดว่าตัวเองอยู่ในความฝัน เป็นฝันที่สุดท้ายเขาก็ได้ในสิ่งที่ต้องการมาครอบครอง เป็นสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอด…..