ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 466 โม่หลีมีชื่อเสียงที่แย่
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 466 โม่หลีมีชื่อเสียงที่แย่
แต่คราวนี้ กู้โม่หานไม่ได้ตั้งใจจะมาอย่างเปิดเผย เขาล้มเหลวในการขับไล่ผู้คนออกไปเมื่อคราวก่อน ดังนั้นครั้งนี้ต้องทำอย่างลับๆ
กู้โม่หานยิ้มอย่างเย็นชา แสงสีดำส่องวาบในม่านตาที่มืดมนของเขา เขากลับไปที่ห้องและไปจัดการราชกิจ
วันต่อมา เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เด็กน้อยทั้งสองและท่านอาจารย์ของพวกเขาก็พักผ่อนเช่นเดียวกันรวมทั้งโม่หลีด้วย
หนานหว่านเยียนและเซียงเหลียนกำลังพาเด็กน้อยทั้งสองคนเล่นกับม้าไม้บินในสนาม
เมื่อวานนี้ หลังจากที่เด็กน้อยทั้งสองกลับมาและบอกว่ามีสิ่งของสีขาวสองอันโผล่ขึ้นมาข้างม้าไม้ ก็ทำให้หนานหว่านเยียนตกใจเป็นอย่างมาก
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนในยุคนี้จะทำถุงลมนิรภัยขึ้นมาได้จริง ๆ
“ท่านแม่ ท่านโม่ช่างน่าทึ่งจริง ๆ หลังจากที่ฟังคำแนะนำของท่านแม่แล้ว เพียงครู่เดียวเขาก็ทำและติดตั้งถุงๆลมๆอะไรนั้นได้สำเร็จ” ดวงตาของเกี๊ยวน้อยยังคงส่องประกาย เสียงเด็กของนางพูดกับหนานหว่านเยียนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
หนานหว่านเยียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ เจ้านะ วันวันคิดแต่เรื่องกิน สิ่งนั้นคือถุงลมนิรภัยไม่ใช่แป้งนาน และก็ไม่ใช่หม่านโถวด้วย”
ซาลาเปาน้อยยังพูดติดตลก “พี่สาวไม่ได้ตะกละนะ เพราะอาหารที่ท่านแม่ทำอร่อยมาก ข้าและพี่สาวทุกวันเลยกินอย่างเอร็ดอร่อย ดังนั้นเราจึงมักจะนึกถึงขึ้นมาโดยธรรมชาติ”
“โอ้ ปากช่างหวานเสียจริงเชียว” หนานหว่านเยียนอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของซาลาเปาน้อย
เซียงเหลียนมองไปยังแม่และลูกสาว ในดวงตาของนางมีประกายแห่งความสุข
ก่อนหน้านี้พระชายายุ่งมาโดยตลอด วันนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีเวลาเล่นสนุกสนานกับนายน้อย
ทันใดนั้น นางก็ได้เห็น กู้โม่หานเดินเข้ามาจากนอกตำหนัก เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ผมยาวสีดำของเขาถูกมัดด้วยมงกุฎสีทอง เขาไม่ดุร้ายเหมือนเมื่อก่อน และนุ่มนวลขึ้น ในมือเขายังถือ ชุดเสื้อผ้าแปลกใหม่ไว้มากมายอีกด้วย
ดวงตาของ เซียงเหลียนสั่นไหวเล็กน้อย และทำความเคารพต่อ กู้โม่หาน”คาราวะท่านอ๋อง”
กู้โม่หานมาที่นี่?
หนานหว่านเยียนและ เด็กน้อยทั้งสองหันหลังกลับไปมองในเวลาเดียวกัน และเลิกคิ้วเมื่อเห็น กู้โม่หาน
ความสัมพันธ์ระหว่างหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานได้ผ่อนคลายลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ทั้งสองคนมีเรื่องที่ต้องจัดการของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ใกล้ชิดกันมากนัก
“ท่านอ๋องมาที่นี่ทำไม มีอะไรหรือเปล่า?”
ดวงตาเรียวงามของกู้โม่หานจ้องมองสองสาวพี่น้องที่กำลังขี่ม้าไม้อยู่อย่างมีความสุขที่ และเดินเข้าไปมอบเสื้อผ้าให้หนานหว่านเยียน “อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ข้าเห็นว่าเสื้อผ้าของเด็กน้อยทั้งสอง เก่าลงอีกแล้ว ดังนั้นข้าจึงให้มู่ฮวนรีบตัดเย็บขึ้นมาใหม่ และตัดเย็บให้เจ้าสองสามชุดด้วย”
เซียงเหลียนมองไปยังเสื้อผ้าใหม่ของ หนานหว่านเยียนและเด็กน้อยทั้งสอง แล้วก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ
เสื้อผ้าที่ท่านอ๋องซื้อให้พระชายาและนายน้อยครั้งก่อนนั้นยังเปลี่ยนทุกวันก็ยังมีเหลืออยู่อีกมาก เสื้อผ้าใหม่ๆ จำเป็นต้องซื้อเพิ่มที่ไหนกัน…
เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องกำลังมองหาเหตุผลที่จะมาหาพระชายาและเจ้าหญิง
หนานหว่านเยียนไม่เคยเข้าไปยุ่งกับคลังในตำหนัก ดังนั้นนางจึงพูดอย่างลังเล “ขอบพระทัยมาก”
เซียงเหลียนเอาเสื้อผ้าไปเก็บในห้อง
กู้โม่หานนั่งลงบนโต๊ะหินโดยตรง “เมื่อสักครู่พวกเจ้าพูดอะไรกัน?”
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยสบตากัน อย่างน้อยเมื่อคืนวาน กู้โม่หานก็ได้ช่วยชีวิตพวกนางสองพี่น้องไว้ และเห็นว่าท่านแม่ก็ไม่ได้ต่อต้านเขามากนัก เกี๊ยวน้อยจึงเอ่ย “เรากำลังพูดถึงท่านโม่ ที่ได้ประกอบเสริมความแข็งแกร่งให้กับม้าน้อยหมายเลขหนึ่งของพวกเราเมื่อวานนี้ และเขายังได้ถุงลมนิรภัยให้ดียิ่งขึ้น เขาน่าทึ่งมากจริง”
โม่หลีอีกแล้ว!
ดวงตาของ กู้โม่หานเย็นชาลง แต่เมื่อเขามองไปที่เด็กน้อยทั้งสอง เขาก็พูดอย่างอ่อนโยน “อืม นั่นช่างน่าทึ่งจริงๆ”
กู้โม่หานพูดยกย่องคนจริง ๆ นะเหรอ?
และที่พูดยกย่องยังเป็นโม่หลีอีกด้วย? ! เมื่อวานเขายังมีปัญหากับโม่หลีไม่ใช่เหรอ?
เหลือเชื่ออย่างยิ่ง แม่และลูกสาวต่างตกตะลึง
หนานหว่านเยียนมองกู้โม่หานด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสบายดีรึปล่าว? ได้รับอะไรสะเทือนใจหรือไม่ หรือว่ามีที่ไหนเป็นอะไรหรือไม่?
ทำไมนิสัยของเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้? เป็นเพราะมีคนเอาตำแหน่งไท่จื่อไปแล้วรึเปล่า?
กู้โม่หานสำลักอย่างอธิบายไม่ได้ และเกือบจะถูกเปิดเผยจากการพูดโต้เถียงของหนานหว่านเยียน แต่เมื่อนึกถึงแผนการของวันนี้ ที่เพื่อจะขับไล่โม่หลีให้สำเร็จ เขาจำเป็นต้องอดทน
นิ้วเรียวยาววางบนคางของเขา และมองไปที่หนานหว่านเยียนด้วยสายตาที่มีคำถาม “ทำไมพระชายาถึงพูดเช่นนั้นกับข้า?”
“ข้าหวงแหนพรสวรรค์อยู่เสมอ ในเมื่อโม่หลีมีความสามารถเช่นนี้ หมายความว่าเขาเป็นคนที่มีศักยภาพ ข้าพูดความจริงชื่นชมยกย่องเขาไม่ได้เหรอ?”
ยิ่งเขาพูดอย่างนั้น หนานหว่านเยียนก็ยิ่งรู้สึกว่ากู้โม่หานถูกครอบงำด้วยบางสิ่ง
เขาหวงแหนพรสวรรค์ แต่เขาปฏิบัติต่อผู้ชายที่อยู่รอบตัวนางอย่างเย่อหยิ่ง และอย่างอุกอาจ
ท่านน้าของนางก็เก่งกาจมาก ไม่เคยเห็นเขามีสีที่หน้าที่ดี
เด็กน้อย ทั้งสองเป็นคนเรียบง่าย ไม่คิดมาก พวกเขายังคิดว่า กู้โม่หานรู้แจ้ง แล้ว
เกี๊ยวน้อยรีบปิดตาลงจากม้าไม้ และช่วยประคองซาลาเปาน้อยลงมาด้วย สองพี่น้องเดินจับมือกันและมานั่งข้าง กู้โม่หาน และมองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เจ้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยต่อท่านโม่แล้วจริง ๆ เหรอ?”
ในเวลานี้ เซียงเหลียนที่ซึ่งได้เก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วได้ นำน้ำชาและของว่างมา และรินชาให้ทุกคน “ท่านอ๋อง พระชายา นายน้อยทั้งสอง เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”
กู้โม่หานหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ ดวงตาเรียวของเขาซ่อนความหมายที่ลึกซึ้ง “ก็แค่ท่านอาจารย์คนนึง มีอะไรให้ข้าคิดเล็กคิดน้อย ”
เซียงเหลียนตกตะลึงในทันใด เมื่อมองไปที่ เซียงเหลียนที่เป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
ท่านอ๋องไม่สนใจท่านโม่แล้วเหรอ? ท่านโม่ถูกมองว่าเป็นศัตรูความรักของท่านอ๋อง ทำไมเลิกสนใจเร็วขนาดนี้?
หนานหว่านเยียนก็สงสัยเช่นกันและไม่เข้าใจว่า กู้โม่หานกำลังคิดอะไรอยู่ เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยเมื่อเห็นว่ากู้โม่หานไม่ได้เป็นศัตรูกับโม่หลีแล้วในใจก็รู้สึกมีความสุข
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ พ่อตัวแสบยังเอาเสื้อผ้าใหม่มาให้ด้วย และรู้การทำให้ท่านแม่พอใจแล้ว! หึ นับว่าเขายังมีจิตสำนึกอยู่
ขณะที่เกี๊ยวน้อยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเสียงขุ่นเคืองของอวี๋เฟิงและเซียงอวี้ก็ดังมาจากประตูตำหนัก——
“เป็นไปได้อย่างไร? เขาดูเป็นคนดีมาก แต่ก็ยังกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้!”
“แล้วไม่เหรอ? ข้าได้ยินก็ยังรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล ถ้าท่านอ๋องรู้ ทำไมจะไม่-”
อวี๋เฟิงพูดไปได้เพียงครึ่ง เมื่อเห็นกู้โม่หานที่นั่งเงียบ ๆ อยู่หน้าโต๊ะหินราวกับกล้วยไม้และต้นหยก
นางกลืนคืนที่จะพูดต่อกลับไป และดึง เซียงอวี้เข้ามาทำความเคารพอย่างรวดเร็ว ” ท่านอ๋อง”
เซียงอวี้ก็ปิดปากด้วยความตกใจ “ บ่าว คารวะท่านอ๋อง”
ดวงตาของ กู้โม่หานกะพริบ แต่ใบหน้าของเขาเย็นชาและจริงจังมาก “พวกเจ้ากำลังพูดถึงอะไรกัน? ”
หนานหว่านเยียนและเด็กน้อยทั้งสองรู้สึกสงสัยเล็กน้อยและจากนั้นรีบชูหูขึ้นมาทันที
เซียงอวี้มองไปที่ หนานหว่านเยียน จากนั้นมองไปที่ กู้โม่หาน ลังเลอยู่พักหนึ่งและเอ่ย “กราบทูลท่านอ๋อง บ่าวและองค์รักษ์อวี๋ได้ยินข่าวลือบางอย่างที่ซึ่งทำให้คนโกรธได้ … ”