ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 434 ท่านอ๋องพักอยู่ในห้องพระชายา
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 434 ท่านอ๋องพักอยู่ในห้องพระชายา
“ถึงอย่างไรข้าก็พรากสิทธิ์ในการเลือกบิดาของพวกเจ้าไป เป็นข้าที่ไม่ดี ข้าขอโทษพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะให้อภัย”
สองคนพี่น้องกะพริบตาสีดำสนิท ฟังหนานหว่านเยียนพูดสาธยายอย่างตั้งใจ อดจะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยไม่ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างคนเลวกับท่านแม่ไม่ค่อยดีนัก และพวกนางก็รู้มาตลอด
ในวังก่อนหน้านี้ ตอนเสด็จย่าทวดให้พวกนางเป็นตัวกลางเชื่อมพ่อแม่ พวกนางยังนึกว่าจะมีโอกาสทำให้พ่อแม่คืนดีกันได้ ท้ายที่สุดก็มีชีวิตของครอบครัวสี่คนที่มีความสุขจริงๆ
พวกนางยังอยากฟังคนเลวดีดฉินให้ท่านแม่ อยากดูหิ่งห้อยเต็มท้องฟ้าด้วยกันกับท่านแม่และเขาด้วย
แต่ไม่คาดคิดว่า ต่อมาจะเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกนางก็จะยืนหยัดเคียงข้างท่านแม่โดยไม่ยอมหวนกลับ!
เกี๊ยวน้อยลอบบีบมือซาลาเปาน้อยแล้วมองหนานหว่านเยียนด้วยรอยยิ้มอย่างตั้งใจ
“ท่านแม่ทำอะไรก็ถูกทั้งนั้น ข้ากับซาลาเปาน้อยนี่ มีอะไรต้องให้อภัยท่านแม่กัน อีกอย่างท่านแม่ไม่ต้องบอกพวกข้า คนที่ไม่รักท่านแม่ พวกข้าก็ไม่มีทางชอบเขา”
“อย่าพูดเรื่องไม่มีความสุขนี่เลย ท่านแม่ๆ นอกจากล่ากับปู๋ล่าที่ไล่จับกระจอกตัวน้อยแล้ว เมื่อวานข้ากับซาลาเปาน้อยยังมีเรื่องสำคัญมาก ที่ยังไม่ทันได้บอกท่านเลย!”
พูดจบ นางก็ขยิบตาให้ซาลาเปาน้อยอย่างรวดเร็ว
สองคนพี่น้องเข้าใจตรงกัน ซาลาเปาน้อยเข้าใจในทันที พยักหน้ารัวๆ
“ใช่! วันนี้ข้ากับพี่สาวมีความสุขที่ได้เล่นกับท่านแม่มาก จึงลืมบอกไป”
“หืม?” หนานหว่านเยียนมองเสื้อบุนวมตัวเล็กทั้งสองตัว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก ยิ้มละมุนสดใส “เรื่องอะไรกันนะ ที่ทำให้เหล่าลูกรักของข้าตื่นเต้นขนาดนี้”
เกี๊ยวน้อยจูงมือหนานหว่านเยียน กะพริบดวงตาสดใส “หลังท่านแม่ออกไปเมื่อวาน ก็มีอาจารย์สอนหนังสือคนใหม่มาที่เรือน บอกว่าอาจารย์หลินก่อนหน้านี้ตอนนี้กลับชนบทไปแล้ว ไม่มาแล้ว”
ซาลาเปาน้อยเอ่ยเสริมอย่างกระตือรือร้น “อาจารย์ที่มาใหม่ชื่อโม่หลี หน้าตาสะอาดสะอ้านสุภาพเรียบร้อย ได้ยินท่านปู่หมิงบอกว่า เขาเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ทั้งสิบแปด มีความอดทนกับพวกข้า และอ่อนโยนมากๆ!”
เกี๊ยวน้อยเหมือนกับเปิดหีบเสียงคนที่ชอบพูดออกมาอย่างนั้น ดวงตาส่องประกาย
“ไม่ใช่แค่สะอาดสะอ้าน นั้นแทบจะเป็นคนที่เดินออกมาจากภาพวาดแล้ว! เป็นครั้งแรกที่ข้า เจอคนที่หน้าตาเหมือนท่านแม่ และดูดีขนาดนั้น!”
จากนั้น สองคนพี่น้องก็สบตากัน ด้วยสายตาสงสัย “แต่ว่า ไม่รู้ว่าเพราะสายตาหรือไม่ ข้ากับซาลาเปาน้อยเจอโม่หลีครั้งแรก ก็รู้สึกสนิทใจมาก มากกว่าตอนที่เห็นท่านปู่หมิงอีก”
พูดตามตรง ตอนพวกนางเจอท่านปู่หมิงครั้งแรก ไม่ได้รู้สึกสนิทใจเลยสักนิด ยังเข้าใจผิดว่าเขาจะกลายเป็นคนที่อาจเป็นพ่อเลี้ยงด้วย
แต่อาจารย์สอนหนังสือไม่เหมือนกัน นั้นเป็นความรู้สึกใกล้ชิดที่พิเศษจริงๆ
อีกทั้ง ท่านปู่หมิงเหมือนจะชอบอาจารย์สอนหนังสือคนนี้มากเช่นกัน ชอบคุยในห้องด้วยกันบ่อยๆ เรื่องการฟื้นฟูก็ไม่สนใจแล้ว
ไม่คาดคิดว่าโม่หลีอาจารย์สอนหนังสือคนใหม่ จะทำให้เด็กทั้งสองคนชอบขนาดนี้
ทันใดนั้น ความสนใจของหนานหว่านเยียนก็ถูกหันเหไป คิดสงสัยถึงตัวตนและรูปลักษณ์ของโม่หลีผู้นี้
นางกำลังจะถามอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบดังเข้ามา “พระชายา พระชายาท่านหลับหรือยังเพคะ เปลือกตาหยีเฟยเหนียงเหนียงขยับตลอดเลย ท่านรีบไปดูเถอะเพคะ!”
หยีเฟยมีปฏิกิริยาแล้ว?
ดวงตาหนานหว่านเยียนเปลี่ยนไปทันที
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
นางมองเสื้อผ้ารุ่งริ่งบนร่างตนเอง ก็หันไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหาชุดสุ่มมาใส่
เด็กสองคนมองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไร
หนานหว่านเยียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เหลือบมองกู้โม่หานที่กำลังหลับลึก แล้วเอ่ยกับเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยว่า
“พวกเจ้าไม่ต้องกลัว อีกเดี๋ยวแม่จะให้พี่เซียงอวี้มาอยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า หากจู่ๆ เขาตื่นมารังแกพวกเจ้า พวกเจ้าก็ร้องตะโกนช่วยด้วยดังๆ”
“อืมๆ! พวกข้าจะปกป้องตัวเองให้ดี ท่านแม่รีบไปเถอะ!” เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยต่างพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
การช่วยชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ พวกนางจะทำให้ท่านแม่เสียเวลาไม่ได้
หนานหว่านเยียนมองเด็กทั้งสองคนอย่างชื่นใจ จูบใบหน้าทั้งสองคน แล้วเดินออกจากห้องไป
เมื่อหวางหมัวมัวเห็นนาง ก็ราวกับเห็นความหวังสุดท้าย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
“พระชายา เป็นความผิดของบ่าวที่รบกวนท่านกลางดึก แต่บ่าวก็ไม่รู้ว่า ทำไมเหนียงเหนียงถึงเป็นเช่นนี้ ไปหาท่านอ๋องแล้วก็ไม่เจอ ด้วยความคับขัน จึงได้มาตามท่านเพคะ”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว คิดถึงชายหนุ่มในห้อง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาเมามากจนเป็นเช่นนั้นแล้ว ตื่นมาก็รังแต่จะวุ่นวาย
นางยื่นมือไปปลอบหลังหวางหมัวมัวครู่หนึ่ง “หวางหมัวมัวเจ้าอย่ากังวลไปเลย ตอนนี้ตามท่านอ๋องมาก็ไม่มีประโยชน์ มีข้าก็พอแล้ว ตามอาการที่เจ้าเล่า เสด็จแม่น่าจะใกล้ฟื้นแล้ว ท่านรอข้าครู่หนึ่ง ข้าจะให้เซียงอวี้มาดูเด็กทั้งสองคนก่อน”
นี่เป็นสัญญาณว่าหยีเฟยเหนียงเหนียงใกล้ฟื้นแล้วรึ
คนที่นอนเป็นตายสิบกว่าปี กำลังจะฟื้นขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด นี่มันจริงหรือ!
หวางหมัวมัวพลันยืนอยู่กับที่ด้วยความตกใจพยักหน้าอย่างรีบร้อน “ได้เพคะ ล้วนฟังท่านว่า”
หนานหว่านเยียนเรียกเซียงอวี้มาดูเด็กทั้งสองคนให้ดี แล้วลอบบอกกับอวี๋เฟิงให้โยนกู้โม่หานกลับไปที่เรือนของเขา จากนั้นก็รีบตามไปที่เรือนจิ้งฉานด้วยกันกับหวางหมัวมัว
ทว่าหนานหว่านเยียนไม่รู้ว่า มีคนดูแลเด็ก แต่กู้โม่หาน…
ท่านอ๋องนอนอยู่ในห้องพระชายา แล้วใครจะกล้าย้ายเขา
อวี๋เฟิงไม่กล้า แม้ว่าเขาจะได้รับความกล้าอีกร้อยครั้ง เขาก็ไม่กล้าเช่นกัน
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง หนานหว่านเยียนกับหวางหมัวมัวเดินเข้าไปในห้องของเรือนจิ้งฉานทีละคน
บนเตียง หยีเฟยยังคงนอนนิ่งๆ เหมือนปกติ แต่เปลือกตากลับกำลังขยับเล็กน้อย
หนานหว่านเยียนก้าวไปแตะชีพจรทันที
หวางหมัวมัวรออยู่ด้านข้างอย่างกระวนกระวายใจ รอคอยผลลัพธ์จากหนานหว่านเยียน
ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนมองหวางหมัวมัวด้วยสายตาแต้มรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นเล็กน้อย
“หวางหมัวมัวไม่ต้องกังวล ปฏิกิริยานี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ตอนนี้ข้าจะวินิจฉัยให้เสด็จแม่ขอให้เจ้าออกไปรอก่อน ก่อนที่ข้าจะออกไป อย่าให้ใครมารบกวนข้า”
“เพคะ บ่าวจะช่วยท่านเฝ้าดู ไม่มีทางใครมารบกวนได้!” หวางหมัวมัวแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น
นางรู้ว่าตอนหนานหว่านเยียนทำการรักษาไม่ชอบให้มีคนมารบกวน ดังนั้นจึงถอยกลับโดยไม่รอช้า พร้อมปิดประตู แล้วพนมมือภาวนาอยู่ข้างนอก
ขอพระเจ้าคุ้มครองด้วย หยีเฟยเหนียงเหนียงจะต้องฟื้นขึ้นอย่างปลอดภัย
หยีเฟยเหนียงเหนียงได้รับความทุกข์ทรมานสิบกว่าปี ท่านอ๋องก็ทนทุกข์สิบกว่าปี อย่าให้พวกเขาแม่ลูกต้องทุกข์ทรมานอีกเลย ขอแค่ให้นางฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาเถอะ…
หลังประตูปิดลง หนานหว่านเยียนก็ล็อกจากด้านใน เผื่อเอาไว้
จากนั้น นางก็ส่งหยีเฟยเข้าห้วงเวลาตรวจสอบปฏิกิริยาของรูม่านตาก่อนครู่หนึ่ง ต่อมาก็เสียบเส้นเข้าไปในสมองหยีเฟยทันที เพื่อทำการฟื้นฟูระบบประสาท
ผลปรากฏว่า ทุกเซลล์ประสาทของหยีเฟยทำงานมากขึ้นถึงสิบเท่า กระทั่งสมรรถนะทางกายภาพ ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา
ดวงตาหนานหว่านเยียนเป็นประกายทันที มองสตรีหน้าซีดเซียวรูปร่างผอมแห้ง บนเตียงผู้ป่วยย่างประหลาดใจมาก
“เหนียงเหนียง ในที่สุดท่านก็กำลังจะฟื้นแล้ว!”
เมื่อหยีเฟยฟื้นขึ้นมา นั้นก็หมายความว่า นางจะมีเบี้ยเพิ่มในมืออีกตัวหนึ่ง ก็จะเข้าใกล้การหย่าร้างเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง…