ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 430 พระชายาต้องการหย่า
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 430 พระชายาต้องการหย่า
แผ่นหลังหนานหว่านเยียนชนกับกำแพง เย็นมาก
กลิ่นสุราฉุนเต็มจมูก และไม่รู้ว่าเขาดื่มไปมากเท่าไร นางก็โมโหขึ้นมา จ้องมองกู้โม่หาน
“กู้โม่หานเจ้าเมาเลยพูดเพ้อ หรือกำลังตั้งใจต่อกรกับข้า รีบปล่อย…อื้อ!”
แต่กู้โม่หานไม่ฟังนางพูดให้จบเลยสักนิด บีบคางนางไว้อย่างรุนแรง แล้วประกบริมฝีปากนาง
ลมหายใจร้อนระอุพลันประสานรวมกัน หนานหว่านเยียนถูกเขาจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตานางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ หางคิ้วแต่งแต้มด้วยความตื่นตระหนกระคนโมโห
นางคิดจะผลักเขาออกไป แต่สองมือก็ถูกเขาจับไว้อย่างแน่นหนา กดร่างนางชิดผนัง
หนานหว่านเยียนดิ้นรนอย่างหนัก แต่กลับไม่ขยับเลยสักนิด ความเหลื่อมล้ำทางพลังกำลังระหว่างชายหญิงต่างกันเกินไปแล้ว
ที่จริงนางไม่รู้ว่า กู้โม่หานใกล้จะเป็นบ้าแล้ว
ความรู้สึกทั้งอึดอัด ทั้งร้อนรุ่ม จนตัวเขาเอง ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเสียการควบคุมเช่นนี้…
ทันใดนั้น ริมฝีปากกู้โม่หานก็เจ็บแปลบ เหมือนจะได้สติครู่หนึ่ง มองสตรีที่โกรธจัดในอ้อมแขน รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
“หนานหว่านเยียนเจ้าเป็นหมารึไง เอะอะอะไรก็กัดข้าห้ะ”
“กัดเจ้าแล้วจะทำไม ตอนนี้ข้ายังคิดจะตีเจ้าให้ตายด้วยซ้ำ!” หนานหว่านเยียนฉวยโอกาสหลุดการควบคุมของเขา เช็ดริมฝีปากอย่างแรง แล้วจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “กู้โม่หานพวกเรามีข้อตกลงกันสามข้อชัดเจน เวลาส่วนตัวเจ้าไม่อาจแตะต้องข้าได้แม้แต่น้อย เจ้าอาศัยอะไรมาจูบข้ากัน!”
การจูบเป็นสิ่งที่คู่รักกันทำกันเท่านั้น
ระหว่างพวกเขาไม่มีเสี้ยวความรักเลยแม้แต่น้อย กู้โม่หานแตะต้องนาง ไร้ยางอายเป็นที่สุด!
กู้โม่หานเห็นนางเช็ดริมฝีปากอย่างรังเกียจ นัยน์ตาหงส์คมกริบน่าเกรงขามขึ้นหลายส่วน
“ข้ากับเจ้าเป็นสามีภรรยากันโดยชอบธรรม จะทำอันใดกับเจ้า ล้วนไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล อย่าลืมว่า เจ้าคือสตรีของข้า!”
หนานหว่านเยียนแค่นเสียงเย็น ความโกรธในดวงตาฉายชัดขึ้นเรื่อยๆ
“แต่ข้าไม่ใช่สตรีของเจ้า สตรีของเจ้าคือหยุนอี่ว์โหรวอยู่ที่เรือนจู๋หลานข้างๆ หากเจ้ารู้สึกเหงาขาดสตรีก็ไปหานาง นางยินยอมพร้อมใจที่จะทำกับเจ้า อย่ามายุ่งกับข้า! ไสหัวไปเลยนะ!”
คำพูดของหนานหว่านเยียน ดังไม่เข้าหูกู้โม่หานที่เมามายแม้แต่คำเดียว
ระหว่างความงุนงง เขาจับใจความได้เพียงชื่อหยุนอี่ว์โหรว
จะว่าไปแล้ว ที่เขากับหนานหว่านเยียนทำสงครามเย็นเช่นตอนนี้ และความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น ล้วนเป็นเพราะหยุนอี่ว์โหรว
ทันใดนั้น คิ้วเรียวกู้โม่หานยิ่งขมวดแน่นขึ้น จู่ๆ ก็ดันหนานหว่านเยียนชิดกำแพงอีกครั้ง เขามือข้างหนึ่งค้ำข้างหูนาง สายตาจดจ้องนางไม่วางตา ความดุร้ายสั่นไหวในดวงตา
“หนานหว่านเยียน ข้าให้เจ้าช่วยหยุนอี่ว์โหรวก็เป็นเพราะคืนนั้นนางขวางดาบแทนข้า”
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าไม่อาจให้นางตายอยู่ที่จวนอ๋องได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
เขาไม่มีความรู้สึกให้หยุนอี่ว์โหรวมานานแล้ว การช่วยหยุนอี่ว์โหรวแค่ต้องการยุติบุญคุณยุ่งเหยิงพวกนั้น
หัวข้อสนทนาของเขาเปลี่ยนไปไกลมาก ที่นางให้เขาไปหาหยุนอี่ว์โหรวเขาจะอธิบายเรื่องช่วยคนหรือไม่กับนางทำไม
หนานหว่านเยียนชะงัก สงสัยว่ากู้โม่หานเมาแล้วใช่หรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าทั้งสองกายแนบชิดกัน นางก็ผลักเขาออกไปทันที
“ใครเขาขอให้เจ้าพูดเรื่องนี้กัน ตอนนี้ข้าแค่ต้องการให้เจ้าไสหัวออกไป ไปหาหยุนอี่ว์โหรว!”
แต่ร่างสูงใหญ่ของเขาไม่ขยับเลย สายตาจับจ้องมองนาง หนานหว่านเยียนเป็นคนไม่มีความอดทน และนางไม่อยากรู้ว่ากู้โม่หานเมาหรือไม่ แต่อย่ามายุ่งกับนาง
คราวนี้มือนางไม่ได้ถูกรวบ จึงหยิบกระทะออกมาคิดจะทุบเขา แต่ตอนที่กระทะห่างจากศีรษะกู้โม่หานเพียงนิ้วเดียว ก็ถูกเขาคว้าข้อมือเอาไว้ทันที
ใบหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานเย็นยะเยือก แต่กลับมองพินิจกระทะ “หนานหว่านเยียน เจ้าจะใช้ของสีดำนี้ทุบตีข้าอีกแล้ว”
“แล้วไม่ควรตีเจ้าหรือไร” มือของหนานหว่านเยียนถูกเขาล็อกเอาไว้แน่น ขยับไม่ได้ รู้สึกโกรธเคืองมาก “ปล่อย!”
กู้โม่หานย่อมไม่มีทางเชื่อฟัง
หนานหว่านเยียนมองเขาแย่งกระทะจากมือนางไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วเล่นกับมัน
ในใจนางรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อย หรือกู้โม่หานคิดจะใช้กระทะทุบตีนางสักที?
แต่ใบหน้ายังคงเคร่งขรึมโกรธเคือง นางสาบานว่า หากกู้โม่หานกล้าทุบตีนาง คืนนี้นางจะเปลี่ยนเขาให้อยู่มนุษย์ผัก1!
แต่ไม่คาดคิดว่า กู้โม่หานจะเอากระทะโยนทิ้งลงบนพื้นโดยตรง
เขาดึงเข้าสู่อ้อมแขน ลดสายตา จ้องมองหนานหว่านเยียนตาไม่กะพริบ
“ตอนนี้ข้าก็อยากจะดู ว่าเจ้าจะยังใช้อะไรมาต่อกรข้าอีก”
หนานหว่านเยียนถูกบังคับให้อยู่ในอ้อมแขนของเขา ได้กลิ่นรุนแรงเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มเต็มจมูก ทั้งยังมีกลิ่นสุราจางๆ ปนมา เอวคอดถูกเขาบีบรัดแน่น
ราวกับเขาจะฝังทั้งร่างนางเข้าไปในร่างเขา แทบหายใจไม่ออก และเอวก็เจ็บมาก
นางรู้สึกโมโหจริงๆ คืนนี้ราวกับกู้โม่หานกินยาผิด ไม่จบไม่สิ้นสักที
“กู้โม่หาน เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ คนที่บอกจะรักษาสัญญาคือเจ้า คนที่ผิดสัญญาก็คือเจ้า อาศัยอะไรเจ้าถึงทำตามอำเภอใจได้ ข้าต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่ายรึ ข้าบอกเจ้าเลยนะ หากไม่ปล่อยและมายุ่งกับข้าอีก ข้าจะหย่าร้าง! คืนนี้พวกเราใครก็อย่าได้คิดจะผ่านไปด้วยดีเลย ไปเข้าเฝ้าไทเฮากับเสด็จพ่อเจ้าด้วยกันซะเลย!”
หากไม่ใช่เพราะจะพาลูกจากไปอย่างปลอดภัยและราบรื่น นางก็คร้านจะสนใจเขา
ด้วยเห็นว่าตอนนี้กำลังไปได้ดี การยึดอำนาจราบรื่นขึ้นทุกวัน แผนการต้องสำเร็จก่อนเด็กทั้งสองคนเข้าสู่ผังราชวงศ์แน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่ากู้โม่หานจะกลายเป็นบ้า ชอบหาเรื่องกับนาง
นางไม่ต้องการให้เรื่องราววุ่นวายจนน่าเกลียดมาก ถึงอย่างไรนางก็ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ของเด็กทั้งสอง หวังว่าคำเตือนจะได้ผล แต่ถ้าไม่ได้ผล กระต่ายจนมุมก็กัดคนเป็น2!
หย่าร้าง?
นางต้องการหย่าเขา?
เขาน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยรึ
นัยน์ตากู้โม่หานขดเกร็งทันที จากนั้นก็เยาะเย้ย “หนานหว่านเยียน เจ้าฝันไปเถอะ!”
“เมื่อห้าปีก่อนเจ้าตั้งใจมาดมั่นว่าจะแต่งงานกับข้ามิใช่รึ ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังเอง!”
ทันใดนั้นเขาอุ้มนางท่าเจ้าหญิง เดินไปข้างเตียง กดลงบนเตียงอย่างแข็งกร้าว
“นอนกับข้า เดี๋ยวนี้!”
กู้โม่หานใช้มือข้างเดียวล็อกมือนางทั้งสองข้าง ขาก็กดนางเอาไว้ หนานหว่านเยียนต่อต้านไม่ได้เลย เตะขาอย่างกระหืดกระหอบ
“กู้โม่หาน เจ้ากล้ารึ! ข้าจะตอนเจ้า!”
นางขัดขืนอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่ทำให้กู้โม่หานขยับสักนิด
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเขียวคล้ำ นิ้วมือเรียวยาวเอื้อมไปตรงผ้าคาดเอวของนาง ริมฝีปากบางพ่นคำเย้ยหยันออกมา
“หากข้าใช้การไม่ได้แล้ว คนที่จะทุกข์ก็คือเจ้า”
ผ้าคาดเอวค่อยๆ ตกลงสู่พื้น เสื้อผ้าของหนานหว่านเยียนหลุดลุ่ย “กู้โม่หาน!”
“ไม่ต้องเรียกแล้ว” กู้โม่หานจ้องมองตรีที่ดิ้นรนในอ้อมแขนไม่หยุด นัยน์ตาหงส์เรียวยาวสะท้อนแสงเทียน ฉาบด้วยความโกรธและความกังวลเล็กน้อย ริมฝีปากบางเปื้อนเลือดเล็กน้อย ภายใต้แสงไฟทั้งร่างคนดูเย้ายวนพิลึกมาก
“คืนนี้ เจ้าหนีไม่รอดแล้ว…”
(1) มนุษย์ผัก คือ ผู้ป่วย
(2) กระต่ายจนมุมก็กัดคนเป็น หมายถึง คนอ่อนแอใจเสาะพอถูกบีบคั้นจนเหลืออดเหลือทนก็ฮึดสู้ขึ้นมาได้เหมือนกัน