ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่405 หน้าแตกเพี้ยง
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่405 หน้าแตกเพี้ยง
หนานชิงชิงโกรธจนกัดฟันกรอด เห็นทุกคนเริ่มซุบซิบกัน นางไม่อยากขายหน้า ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า: “ในเมื่อท่านแม่พูดแล้ว งั้นพวกเราก็ควรออกเงิน หนึ่งแสนก็ไม่เยอะเท่าไหร่ ชิวซวง! ไปเอาเงินมา!”
“เจ้าค่ะ พระชายา” ชิวซวงรู้สึกปวดหัว เดินกลับไปเอาเงินอย่างไม่พอใจ
ได้ยินดังนั้น ฮูหยินเฉิงเซี่ยงก็รู้สึกปวดใจ เกือบเป็นลมล้มลงไป
นั่นเป็นเงินหนึ่งแสนตำลึงเชียวนะ! นางไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอก นั่นคงจะเป็นเงินทั้งหมดของพระชายาเฉิง!
น่าโมโหจริงๆ! ครั้งก่อนหนานหว่านเยียนขอเงินค่าสินเดิม ก็แทบจะเอาเงินทั้งชีวิตของนางไปแล้ว ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้หนานหว่านเยียนเสียหายไม่ได้ ยังต้องให้เงินนางหนึ่งแสนอีก!
นางจะพูดแบบนั้นไปทำไมกันนะ ทำไมถึงต้องพูดอะไรไม่คิดด้วย!
หนานหว่านเยียนยิ้มแย้ม “ขอบใจท่านพี่มากเลยนะ”
หนานชิงชิงยิ้มแห้ง มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อก็กำหมัดแน่น “เป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอก แต่ข้าไม่คิดเลยนะ ตอนนี้เจ้าจะเล่นหมากล้อมเป็นด้วย”
หนานหว่านเยียนกระตุกยิ้ม “คนเราก็ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆสิ จะทำตัวเหมือนเดิมตลอดไปก็ไม่ได้ แต่น่าเสียดายนะ ไม่ได้เล่นกับท่านพี่เลย”
หนานชิงชิงแสยะยิ้ม แอบกัดฟันกรอด
หนานหว่านเยียนชนะกู้โม่หลิงได้ เมื่อกี้ถ้าให้นางเล่นเอง เกรงว่าหนานหว่านเยียนจะดูถูกนางมากกว่านี้
แต่พอมาคิดดูแล้วเดี๋ยวจะมีการแต่งกลอน หนานชิงชิงก็มั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง
“พวกเรายังมีโอกาสประลองกันอีกเยอะ เดี๋ยวจะแต่งกลอนแล้วนี่ ข้าก็เข้าร่วมเหมือนกัน พวกเราสองพี่น้องมาประลองกันหน่อยไหม”
วันนี้ที่นางมา ไม่ได้จะปล่อยให้หนานหว่านเยียนเฉิดฉายอยู่คนเดียวหรอกนะ เรื่องหมากล้อมนางพลาดไปเอง แต่ต่อมาเป็นการแต่งกลอน นางจะทำให้หนานหว่านเยียนรู้ว่า อะไรคือความอับอาย!
หนานหว่านเยียนยิ้มแล้วพยักหน้า “เอาตามพี่สาวว่าเลย”
หนานชิงชิงเหมือนกับหยุนอี่ร์โหรว หนานชิงชิงมีความสามารถ ฐานะดี แต่ฝีมือโหดเหี้ยมเหมือนกัน และยังโหดกว่าหยุนอี่ร์โหรวมาก
ไม่รู้ว่าแอบลอบทำร้ายนางมาเท่าไหร่แล้ว วันนี้นางจะยืมใช้บทกลอนของนักกวีเอก มาแก้แค้นยัยคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่สักหน่อย……
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงแสยะยิ้มเย็นชา ดูถูกหนานหว่านเยียน
ลูกสาวของนางเป็นหญิงผู้มากความสามารถของแท้!
หนานหว่านเยียนเป็นใครกัน!
ฮูหยินกั๋วกงยิ้มอ่อนแล้วพูดว่า “ในเมื่อเช่นนี้ งั้นก็ให้เวลาแต่งกลอนครึ่งชั่วโมง ใครแต่งได้มากที่สุด รูปประโยคงดงามที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะในวันนี้”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ” ทุกคนต่างตอบรับ แล้วกลับไปนั่งที่นั่งตัวเอง รอข้ารับใช้เอาพู่กันกระดาษมาให้
แต่ทุกคนกำลังคิดว่า ถึงหนานหว่านเยียนจะชนะกู้โม่หลิงเรื่องหมากล้อม แต่ด้านการแต่งกลอน คงไม่ได้จะชนะอีกนะ?
เมื่อก่อนหนานหว่านเยียนไม่เคยเล่นหมากล้อม ทุกคนก็ถึงคิดว่านางไม่เป็น แต่ห้าปีก่อน ในงานเลี้ยงน้ำชาหนานหว่านเยียนยังแต่งกลอนออกมาไม่ได้สักบทเลย ทุกคนต่างก็จำเรื่องนี้ได้ดี
และวันนี้หนานชิงชิงกับอ๋องเจ็ดก็อยู่ หนานหว่านเยียนอยากชนะ คงจะยากหน่อยแล้วล่ะ!
หนานหว่านเยียนไม่สนใจสายตาของทุกคน หยิบพู่กันขึ้นมาเริ่มเขียน เซียงอวี้ยืนอยู่ข้างหลังนาง มองกระดาษตรงหน้าหนานหว่านเยียนเป็นระยะ ในใจก็ไม่รู้สึกกังวลเลย
ตอนที่พระชายาสองคุณหนูสองคน บทกลอนที่เขียนออกมานั้นก็เขียนออกมาได้โดยทันที
พวกคนที่ดูถูกพระชายา เดี๋ยวได้เจอดีกันแน่!
บนหอจูหยุน กู้โม่หานกับอวี๋เฟิงก็มองลงไปตาไม่กะพริบ
ตอนนี้อวี๋เฟิงใจเย็นลงมาก เขามั่นใจในตัวหนานหว่านเยียน แต่ท่านอ๋องเจ็ดกับหนานชิงชิงก็อยู่ด้วย เขาก็เลยกังวลนิดหน่อย
เขาแอบมองกู้โม่หานที่ทำท่าใจเย็น “ท่านอ๋อง ท่านรู้สึกว่าการประลองครั้งนี้ พระชายาจะชนะไหม?”
กู้โม่หานจับจ้องไปยังหนานหว่านเยียนที่ก้มหน้าเขียนอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า “แน่นอน”
ง่ายๆสองคำที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
อวี๋เฟิงมองกู้โม่หานอย่างตกตะลึง
พระชายาอยู่ในใจท่านอ๋องเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?
แต่ว่า ถ้าพระชายาชนะ ทุกคนคงได้ตกตะลึงกันอีกครั้งแน่
อวี๋เฟิงรีบพูดเตือนว่า: “ท่านอ๋อง พระชายาเก่งขนาดนี้ ถ้าโดดเด่นอีกครั้ง เกรงว่าจะมีคนอื่นมาชอบนะขอรับ”
ดังนั้นท่านอ๋อง รีบไปรับพระชายาที่จวนกั๋วกงได้แล้ว!
ตรงนั้นมีผู้ชายเยอะแยะ ทั้งพระชายาชอบขึ้นมาจะทำยังไง!
กู้โม่หานกำหมัดแน่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ในจวนกั๋วกง หนานหว่านเยียนเขียนอย่างรวดเร็ว ผ่านไปแค่สิบห้านาที นางก็วางพู่กันลงอย่างเชื่องช้า แล้วยกแก้วชาขึ้นมาจิบ
บทกลอนทุกบทนั้น นางจะเขียนชื่อของผู้แต่งไว้ข้างล่าง เพราะยังไงนางก็ยืมแรงจากนักกวีทุกท่าน ไม่กล้าบอกว่าเป็นฝีมือของนางหรอก
เห็นหนานหว่านเยียนวางพู่กันลง บางคนก็เริ่มดูถูก ต้องรู้ว่าหนานชิงชิงกับกู้โม่หลิงตอนนี้ยังเขียนอยู่เลย หนานหว่านเยียนที่แต่งกลอนไม่เป็น จะเขียนเร็วขนาดนั้นได้ยังไง?
มีคนใจกล้าถามออกไปตรงๆว่า “พระชายาเขียนเสร็จแล้วเหรอ?”
หนานหว่านเยียนพยักหน้า “อืม เขียนเสร็จแล้ว”
เซียงอวี้ดวงตาเป็นประกาย แทบจะร้องกรี๊ดออกมา “อืมๆ!”
พระชายาแต่งกลอนได้ดีจริงๆ เก่งมาก!
เร็วขนาดนั้นเชียว?
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงทำหน้าดูถูก เวลายังไม่หมดเลย หนานหว่านเยียนเขียนออกมาได้แล้วเหรอ?
ไม่แน่อาจจะเขียนแค่ไม่กี่คำ เปลืองกระดาษชั้นดีของจวนกั๋วกงจริงๆ
เมื่อกี้คนที่ถามนั้นก็แสยะยิ้มดูถูก “ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดจะเขียนกลอนที่มีคุณภาพและเยอะในเวลาสั้นๆเลยนะ”
เรื่องที่เทพกวีในหลายยุคสมัยยังทำไม่ได้ หนานหว่านเยียนจะเขียนเสร็จในสิบห้านาทีได้ยังไง?!
ไม่มีทาง!
นางจะต้องเขียนมั่วแน่
ท่านอ๋องเจ็ดอดไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหนานหว่านเยียน เห็นนางมั่นอกมั่นใจ เขาก็ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้เสียสมาธิ แล้วก้มหน้าเขียนกลอนต่อไป
หยุนเหิงกลับนิ่งเฉยไม่ได้ เขาเป็นคนหยาบ เขียนพวกนี้ไม่เป็น เห็นหนานหว่านเยียนใจเย็นขนาดนี้ เขาก็แปลกใจมาก อยากดูว่าหนานหว่านเยียนเขียนอะไรกันแน่
และฮูหยินกั๋วกงก็เริ่มรู้สึกดีต่อหนานหว่านเยียน หลังจากที่ผ่านเรื่องหมากล้อมเมื่อกี้ ตอนนี้นางก็เริ่มคาดหวังแล้วว่า หนานหว่านเยียนจะเก็บซ่อนความสามารถพิเศษอะไรไว้อีกหรือเปล่า
แต่ว่า ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย เกรงว่าจะเขียนออกมาไม่ดีเท่าไหร่
อวดดีก็ต้องให้มันพอดีหน่อย
เซียงอวี้เห็นทุกคนพูดกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังดูถูกหนานหว่านเยียน นางรู้สึกไม่พอใจกำลังจะตอบโต้กลับไป แต่กลับถูกหนานหว่านเยียนห้ามไว้ก่อน
เซียงอวี้ก็ถึงอดใจไว้ ไม่พูดออกไป
เหอะ คอยดูเถอะ เดี๋ยวพวกเจ้าจะได้หน้าแตกกันหมดแน่……