ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ - บทที่ 298 กู้โม่หานชอบข้า?
ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 298 กู้โม่หานชอบข้า?
อวี๋เฟิงผงะ และเอ่ยอย่างกระวนกระวาย: “ข้าน้อยไร้ความสามารถ เรื่องที่พระชายารองหยุนช่วยชีวิตท่านอ๋อง มีความซับซ้อน ทั้งผ่านมาหลายปีแล้ว อาศัยเพียงแต่ความสามารถของข้าน้อย เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่สามารถสืบออกมาได้ขอรับ”
ไม่สู้พระชายาท่านไปถามท่านอ๋องดูเอาเองเถิด?
อวี๋เฟิงคิดเช่นนี้ แต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา อย่างไรพระชายาสืบสวนเรื่องส่วนตัวของท่านอ๋อง มันก็ค่อนข้างผิดต่อศีลธรรมของสตรี
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว “สืบไม่ได้ก็ช่างเถอะ”
นางไม่สนใจความจริงเหล่านั้นแล้ว ที่ให้อวี๋เฟิงไปสืบสวน ก็เพราะนึกสงสัยว่า ดอกบัวขาวน้อยไม่ใช่คนดีอะไร ต้องการให้ดอกบัวขาวน้อยตายอย่างอนาถต่อหน้าต่อตากู้โม่หานเท่านั้นเอง
อวี๋เฟิงตกตะลึงไป
“ท่านไม่รอไม่ได้หนา!เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตัวท่าน ให้เวลาข้าน้อยสักหน่อย ข้าน้อยจักต้องสืบออกมาได้แน่ เช่นนี้ท่านอ๋องจะต้องเปลี่ยนท่าทีการปฏิบัติต่อท่านแน่ๆ !”
หากความจริงปรากฏ คนที่ช่วยชีวิตกู้โม่หานไว้ในปีนั้น ไม่ใช่หยุนอี่ว์โหรวจอมเสแสร้ง แต่ว่าเป็นหนานหว่านเยียน ความสัมพันธ์ระหว่างกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนอาจจะคลี่คลายลงบ้าง สี่คนครอบครัวก็จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้อย่างสวยงามสงบสุข
โอกาสดีๆ เช่นนี้ จะยอมแพ้ไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
หนานหว่านเยียนส่ายหัว
“ไม่เป็นไร กู้โม่หานจะปฏิบัติต่อข้าอย่างไรไม่สำคัญ เขาเป็นแค่คนบ้าประสาท ไม่บริสุทธิ์ใจต่อลูกของข้า ข้าไม่อยากพัวพันกับเขาเช่นนี้อีกแล้ว เหนื่อยเปล่าๆ”
อวี๋เฟิงไม่ยอมแพ้ ยังคงเอ่ยต่ออย่างกล้าหาญ “พระชายา ขออภัยที่ข้าน้อยพูดมาก แต่ข้าน้อยกับเซียงอวี้ล้วนพากันมองออก ช่วงนี้ท่านอ๋องปฏิบัติกับท่านด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปมากจริงๆ”
“หากคนคนหนึ่งไม่ได้มีความรู้สึกบางอย่างกับอีกคน เช่นนั้นเขาก็จะไม่มีทางมาสนใจอะไรเลย ตอนนี้ท่านอ๋องเป็นห่วงเป็นใยท่าน คงต้องเป็นเพราะเขา……”
คำพูดเขาชะงักลง หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “เพราะเขาเป็นอะไร ชอบข้างั้นหรือ?”
ทันทีที่พูดจบ หนานหว่านเยียน ก็สลัดความคิดที่น่าขนลุกนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
“เป็นไปไม่ได้ กู้โม่หานมีแต่ดอกบัวขาวน้อยของเขาทั้งใจ เข้ามาพัวพันกับข้า ก็เพราะตัวเขาเองนั่นแหละ”
“เรื่องนี้เจ้าใคร่สืบก็สืบ ตามใจเลย”
ตอนนี้นางเพียงอยากให้หยุนอี่ว์โหรวกินลูกกลอนพูดความจริง แล้วฉีกหน้ากากเผยใบหน้าอันแท้จริงของหยุนอี่ว์โหรวออกมา
แต่หากจะคิดดูดีๆ นางก็ยังไม่เข้าใจท่าทีของกู้โม่หานที่ปฏิบัติต่อนางในตอนนี้อยู่ดี หากฉีกหน้ากากของดอกบัวขาวน้อยออกตอนนี้ หากเขาผิดหวังต่อดอกบัวขาวแล้ว เขาจะไม่มาตามราวีนางยิ่งกว่าเดิมหรือ?
ไม่ รอให้ถึงวันที่นางจากไปก่อนดีกว่า ค่อยเปิดโปงทุกอย่างของหยุนอี่ว์โหรวป่าวประกาศให้ทั้งใต้หล้ารับรู้ รอให้เขาทั้งสองกัดกันเอาเอง
นางพาลูกทั้งสองโบยบินอิสระ ส่วนกู้โม่หานเจ็บปวดทุกข์ทนเสียใจย้อนหลัง แต่ก็ไร้ซึ่งโอกาสใดๆ อีกแล้ว
คิดแล้วก็น่าตื่นเต้นไม่น้อย
ฉะนั้นแผนการต่อไปก็คือ ต้องได้รับหนังสือหย่าให้ได้
“รับทราบขอรับ พระชายา” อวี๋เฟิงจากไปด้วยความโกรธ เพื่อรีบไปสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น
หนานหว่านเยียนขานรับ อืม เมื่อคิดแผนการใหม่ขึ้นมาได้ อารมณ์พลันสงบขึ้น นางเงยหน้าขึ้น และเดินไปที่หลังสวน
ระหว่างทางนางให้บ่าวคนหนึ่งไปส่งสาส์นถึงโม่หวิ่นหมิง บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาไม่ต้องกังวลไป
เมื่อครู่วุ่นวายเกินไป เกือบลืมท่านน้าไปเลย
ในสวนหลังบ้าน
เด็กน้อยทั้งสองกำลังทบทวนบทเรียนกันอยู่ ถูกอาจารย์หลินจับมาเข้าเรียน ขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับการอ่านบทกวีอยู่นั้น แต่เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยที่นั่งอยู่ด้านล่างกลับแลดูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนิดหน่อย
ครั้นเวลาอ่านหนังสือก็ดูไร้ชีวิตชีวา
อาจารย์หลินนึกสงสัย จึงวางหนังสือในมือลงแล้วเดินเข้ามาถาม “คุณหนูทั้งสองเป็นอันใดไปหรือ?”
เกี๊ยวน้อยแลดูราวกับลูกหนังถูกปล่อยลม ก้มหน้าหลบลงไปบนโต๊ะ จิ้มลงบนหนังสือเล่มหนา
“ไม่รู้สิเจ้าคะ เพียงแต่ ไม่สบายนิดหน่อย”
ซาลาเปาน้อยก็ขบริมฝีปากแน่น สีหน้าหดหู่
หนานหว่านเยียนมองดูจากข้างนอกหน้าต่าง อดขมวดคิ้วไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความปวดใจและโทษตัวเอง
นางก้าวเข้าไปในห้อง แล้วยิ้มจางๆ ให้อาจารย์หลิน “ลำบากอาจารย์หลินแล้ว ข้ามีเรื่องจะพูดกับเด็กน้อยทั้งสอง ท่านออกไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“ขอรับ” อาจารย์หลินโค้งคำนับ แล้วถอยไปอย่างรู้เท่าทัน
สองพี่น้องร้องเรียกหนานหว่านเยียน “ท่านแม่”
หนานหว่านเยียนลูบหัวเกี๊ยวน้อยเบาๆ และโอบกอดซาลาเปาน้อย พร้อมกับก้มหน้าลงไปจุมพิตบนศีรษะพวกนาง
“เป็นอะไรไป วันนี้ไม่ได้ตั้งใจเรียนหรือ?”
ซาลาเปาน้อยคิดถึงความรุนแรงเมื่อครู่ของหนานหว่านเยียน ก็พลันดวงตาแดงก่ำขึ้น เกี๊ยวน้อยมองไปที่หนานหว่านเยียน แล้วเอ่ยเสียงเบาด้วยความลังเลว่า “เปล่านะท่านแม่ พวกเรารู้ว่าพวกเราผิดไปแล้ว ก็เลย……”
สองพี่น้องเป็นคนใส่ใจและมีความรับผิดชอบ ฉะนั้นจนถึงตอนนี้พวกนางก็ยังนึกโทษตัวเองอยู่
หนานหว่านเยียนผงะไปครู่หนึ่ง และกอดเด็กน้อยทั้งสองไว้แน่น น้ำเสียงของนางทั้งเจ็บปวดทั้งรู้สึกผิด
“ขอโทษด้วย ท่านแม่ผิดเอง กล่าวแรงเกินไป พวกเจ้ายกโทษให้ท่านแม่ได้หรือไม่?”
หนานหว่านเยียนก็นึกเสียใจ นางอ่อนโยนทะนุถนอนต่อเด็กทั้งสองมาโดยตลอด วันนี้เป็นเพราะร้อนใจเรื่องความปลอดภัยของทั้งสองมากเกินไป ถึงได้กล่าวหนักเกินควร
กู้โม่หานกล่าวถูกอยู่ประโยคหนึ่ง เด็กตัวเล็กๆ สองคน จะไปเข้าใจอะไร?
นางผู้เป็นแม่ต่างหากที่ล้มเหลวในความรับผิดชอบเอง
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง แล้วส่ายไปมาราวกับกลองป๋องแป๋ง
“ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ได้ผิด ครั้งนี้พวกเราผิดไปเอง พวกเราแค่กังวลว่าจะทำให้ท่านแม่เดือดร้อนหรือเปล่า……”
เด็กน้อยทั้งสองทั้งฉลาดทั้งเชื่อฟัง หนานหว่านเยียนร้อนผ่าวขึ้นในใจ แล้วระงับความเจ็บปวดที่ปลายจมูกไว้
“ไม่เป็นไร ความปลอดภัยของพวกเจ้าสำคัญที่สุด หากพวกเจ้าเป็นอะไรไป ท่านแม่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร……”
นางสามารถรับมือได้กับทุกสิ่ง มีแค่ความปลอดภัยของลูกๆ เท่านั้น ที่ทำให้นางรู้สึกร้อนใจขึ้นมาได้
สองพี่น้องกอดหนานหว่านเยียนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เกี๊ยวน้อยขบริมฝีปากแล้วเอ่ย “พวกเราจะไม่วิ่งไปทั่วแล้ว จะเชื่อฟังคำท่านแม่ เพราะว่าพวกเราเป็นเสื้อกันหนาวตัวน้อยของท่านแม่ ต่อไปก็จะเป็นผู้พิทักษ์ให้ท่านแม่!ยืนอยู่ข้างกายท่านแม่ตลอดไป เพื่อปกป้องท่านแม่!”
ซาลาเปาน้อยพยักหน้าอย่างแรง ด้วยความสงสารหนานหว่านเยียน “อืม พอข้าโตขึ้น จะเป็นผู้พิทักษ์ให้ท่านแม่เจ้าค่ะ!”
หนานหว่านเยียนเผยยิ้ม นางรักลูกสาวทั้งสองของนางมากจริงๆ “ได้ ผู้พิทักษ์ทั้งสอง ตอนนี้ไม่เสียใจแล้วหนา เช่นนั้นก็จงตั้งใจเรียนกับอาจารย์หลินได้หรือไม่?”
“อืม อืม”
“ได้เลย!”
หมอกควันในใจของสองพี่น้องถูกสลายหายไป แล้วนั่งตัวตรง รออาจารย์หลินเข้ามาสอน
หนานหว่านเยียนยิ้มอย่างโล่งใจ แล้วลูบหัวเด็กหญิงทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกนอกประตูไป เรียกอาจารย์หลินเข้ามาสอน “รบกวนท่านด้วย”
อาจารย์หลินยิ้มขึ้น แววตากลับเต็มไปด้วยความเคารพนับถือหนานหว่านเยียน
“สมควรแล้วขอรับ”
หนานหว่านเยียนกลับเข้าไปในห้อง ยิ่งนางรู้สึกผิดเท่าไหร่ นางก็ยิ่งแน่วแน่มากเท่านั้น
นางเดินเข้าไปในห้วงเวลา แล้วนำยาพิษที่เคยใช้นำมาบดเป็นผง แล้วบรรจุลงไปอย่างเต็มๆ สิบขวด นางได้คิดค้นยาแก้อักเสบ ยาปฏิชีวนะ สำหรับไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
ยาพิษเหล่านี้เอาไว้ป้องกันปัญหาเฉพาะหน้า อย่างเช่นถูกลอบสังหาร นางก็ควรจะมีวิธีรับมือเอาไว้บ้าง
นางนับดูยาลูกกลอนที่เหลืออยู่ในมือตอนนี้อย่างคร่าวๆ แล้วนำไปบดเป็นผง แบ่งใส่ในขวดเล็กๆ
ช่วงนี้มีการเปลี่ยนยิ่งใหญ่ เตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อรับมือในยามฉุกเฉินจะดีกว่า
ขณะเดียวกัน
ที่เรือนซีเฟิง
กู้โม่หานกลับเข้ามาในห้อง บาดแผลถูกกระตุ้นจนกำเริบรุนแรง เจ็บจนต้องนั่งอิงอยู่บนเตียง แต่สีหน้าของเขายังคงเย็นชา อารมณ์ไม่สู้ดีนัก
แม้แต่งานเอกสารในมือก็อ่านไม่ไหว
เสิ่นอี่ว์เข็นรถไปเก็บไว้ตรงมุมห้อง ไม่กล้าเอ่ยอันใดมาก
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังอยู่ไม่ไกลนัก
เสียงค่อนข้างเร่งรีบดังขึ้น——
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้วขอรับ ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญต้องรายงาน…”