ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 452 มีความมั่นใจอย่างน่าประหลาด
บทที่ 452 มีความมั่นใจอย่างน่าประหลาด
…………….
บทที่ 452 มีความมั่นใจอย่างน่าประหลาด
“คราวหน้าจงเล็งที่หัวใจเถิด เพราะการบีบคอข้ามันไร้ประโยชน์”
เทพปีศาจเริ่มจัดศีรษะของตนให้เข้าที่ ก่อนลูบอกตัวเอง ทำให้รอยทะลุทั้งห้ารูหายไปในทันที พร้อมกับมือที่เปรอะเปื้อนเลือดก็กลับมาสะอาดเกลี้ยงเกลา
หลิงเยว่ “…”
นี่มันร่างแยกหมายเลขสองหรือเปล่า?
ทำไมถึงสังหารยากเหลือเกิน!
หลิงเยว่นึกถึงแรงต้านตอนที่ควักหัวใจด้วยมือเปล่า ยิ่งทำให้นางรู้สึกหงุดหงิด ทั้งที่เกือบจะจับได้แล้ว แต่กลับมีพลังบางอย่างขัดขวางไว้ ซึ่งนางคุ้นเคยกลับพลังนั้นเป็นอย่างดี
เพราะมันคือเมล็ดพันธุ์อีกครึ่งหนึ่งนั่นเอง!
‘นาง’ กลับมาปกป้องหัวใจของเทพปีศาจเสียนี่!
หลิงเยว่รู้สึกยอมรับไม่ได้ พวกนางเป็นหนึ่งเดียวกัน อีกทั้ง ‘นาง’ ยังช่วยหลิงเยว่ควบคุมร่างกายของเทพปีศาจ แต่ตอนนี้ทำไมถึงต้องปกป้องหัวใจของเทพปีศาจด้วย?
ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของหลิงเยว่ ระบบที่แกล้งตายนั้นเงียบกริบไร้เสียงตอบรับ
หลิงเยว่พยายามสนทนากับเมล็ดพันธุ์ครึ่งเมล็ดแต่ล้มเหลว เมล็ดพันธุ์ไม่สนใจนาง ยังคงปกป้องหัวใจของเทพปีศาจอยู่อย่างเงียบ ๆ
“ทำไม? ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้สินะ?”
เทพปีศาจหัวเราะอย่างโอหัง เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกหลอมรวมได้กลายเป็นเทพผู้พิทักษ์หัวใจของเขาแล้ว อย่าว่าแต่จะเจอศัตรูคู่อาฆาต แม้แต่วิถีสวรรค์ลงมือเองก็ไม่อาจสังหารเขาได้
ตราบใดที่หัวใจยังอยู่ เขาย่อมเกิดใหม่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่คือเหตุผลข้อที่สองว่า ทำไมเทพปีศาจถึงยึดติดกับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้
“ระบบ ข้าไม่หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ครึ่งเมล็ดนั้นแล้ว ข้าของฆ่านางเลยได้หรือไม่?”
[พวกเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน]
ระบบเพิ่งเอ่ยปากก็ถูกเทพปีศาจสังเกตเห็นทันที จิตวิญญาณอันทรงพลังของเขาสำรวจภายในร่างกายไม่หยุด พยายามจะดึงสิ่งที่ซ่อนตัวนั้นออกมา
“ไม่เลว สามารถหลบเลี่ยงข้าได้ครั้งแล้วครั้งเล่า”
ใบหน้าของระบบปกคลุมไปด้วยเมฆดำทะมึน เป็นสิ่งใดกันแน่ที่สามารถเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วอยู่ใต้จมูกของเขาได้นานขนาดนี้!
หลิงเยว่ไม่ตอบ แต่กำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของระบบ
พวกนางเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นหลิงเยว่จึงไม่สามารถฆ่า ‘นาง’ ได้ และนางก็ไม่สามารถฆ่า ‘หลิงเยว่’ ได้ หรือถ้าต้องการจะฆ่า ‘นาง’ คงมีเพียงวิธีเดียวคือ ตายไปพร้อมกัน!
หากหลิงเยว่ตาย เมล็ดพันธุ์ครึ่งซีกที่เหลืออยู่ซึ่งปกป้องหัวใจของเทพปีศาจ จะต้องสูญสลายไปพร้อมกันด้วยใช่หรือไม่?
หากฆ่าเทพปีศาจโดยตรงไม่ได้ แต่ถ้านางฆ่าตัวตายก็เท่ากับฆ่าเทพปีศาจด้วยมิใช่หรือ?
แผนการนี้สมบูรณ์แบบมาก ยอมเสียสละนางเพียงคนเดียว แต่ได้พาปีศาจนับหมื่นนับแสนไปตายด้วย เรียกว่าคุ้มเกินคุ้ม!
ขณะที่หลิงเยว่กำลังเตรียมฆ่าตัวตาย ระบบที่แกล้งตายก็ ‘ฟื้นคืนชีพ’ ขึ้นมาห้ามไว้
“เจ้าโง่หรือ!? ฆ่าตัวตายตอนนี้ก็เท่ากับสมัครใจมอบตัวให้ปีศาจน่ะสิ!”
“ตอนนี้เจ้าอยู่ในร่างของเขา อีกครึ่งหนึ่งของเมล็ดพันธุ์ก็อยู่ใกล้เจ้าขนาดนี้ ลองคิดให้ดี ๆ หน่อย!”
“ดังนั้นการที่ข้าฆ่าตัวตายก็มีประโยชน์จริง ๆ สินะ แต่ว่าต้องไม่เข้าใกล้เทพปีศาจมากเกินไปใช่หรือไม่?”
[อืม ประมาณนั้น]
ระบบตอบด้วยน้ำเสียงจนปัญญา แต่ไม่ได้พยายามห้ามปรามอีก เพราะหากพูดต่อไป มันคงจะถูกเทพปีศาจกักขังเช่นกัน
“หนีไปอีกแล้ว!” หลังจากที่ระบบหนีไปได้อีกครั้ง เทพปีศาจก็โกรธจนตัวสั่น
ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง ถ้าจับได้คราวหน้าเขาจะฉีกร่างมันให้เป็นชิ้น ๆ กล้าดียังไงถึงมาหลอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
“ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!”
หลิงเยว่เอ่ยปากซ้ำเติมทันที
เมื่อรู้วิธีรับมือกับปีศาจแล้ว หลิงเยว่ไม่คิดจะก่อเรื่องอีกต่อไป ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการหลบหนี หนีให้ไกลแล้วค่อยฆ่าตัวตาย!
เมื่อไม่มีเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองหัวใจ เทพปีศาจจะเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของวิถีสวรรค์ทั้งสามโลก โม่จวินเจ๋อก็จะต้องแก้แค้นให้นางแน่นอน ขอเพียงหนีออกไปได้ วันตายของเทพปีศาจก็จะมาถึง!
หลิงเยว่รู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยม!
แต่ระบบไม่เข้าใจ เหตุใดนางถึงตื่นเต้นกับการฆ่าตัวตายเช่นนี้?
ระบบจะเข้าใจความสุขเช่นนี้ได้อย่างไร?
นั่นคือเสรีภาพเชียวนะ!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดของหลิงเยว่คือจะหนีออกไปได้อย่างไร?
นางเปิดระบบแลกเปลี่ยน ค้นหาโอสถ อาวุธ เคล็ดวิชา ค่ายกล ยันต์ และอื่น ๆ ที่สามารถหลบหนีออกจากกรงขังของปีศาจได้ …แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะใช้ไม่ได้ผล
แม้แต่กายาต้านหายนะของนางที่ไม่สนใจค่ายกล วิชาต่าง ๆ มากมายก็ยังไม่สามารถหนีออกไปได้…
“ลูกแก้ววิญญาณ เจ้าพาข้าออกไปได้หรือไม่?”
หลิงเยว่คิดว่าลูกแก้ววิญญาณในตอนนี้มีขนาดใหญ่และสว่างกว่าก่อนหน้านี้มาก แน่นอนว่าต้องมีวิธีทำลายกรงขังที่ปีศาจสร้างขึ้นจากภายในได้!
เมื่อเผชิญกับสายตาคาดหวังของหลิงเยว่ ลูกแก้ววิญญาณก็ส่ายไปมา ราวกับกำลังส่ายหัวปฏิเสธ
“อะไรกัน เจ้าทำไม่ได้หรือ?”
ช่างน่าอับอายเสียจริง!
หัวใจของลูกแก้ววิญญาณหยุดชะงัก เขาจะทำไม่ได้อย่างไรกัน!
เพียงแต่ตอนนี้ภารกิจของเขาคือปกป้องเมล็ดพันธ์ุศักดิ์สิทธิ์ หากตอนนี้ทำลายพันธนาการออก นางย่อมจะถูกไล่ล่าอย่างแน่นอน
หลิงเยว่ฟังแล้วไม่ได้กังวล กลับยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิมเสียอีก!
“ถูกไล่ล่าแล้วอย่างไร? ด้วยวิธีนี้นายท่านของเจ้าจะสามารถฉวยโอกาสเข้าสู่แดนเทพได้ และแม้ข้าจะถูกจับ เทพปีศาจก็ไม่อยากฆ่าข้าอยู่ดี”
“แต่เจ้าจะตาย หากไร้การปกป้องของข้า เจ้าจะสูญเสียสติสัมปชัญญะอย่างรวดเร็ว แล้วถูกกลืนกินอย่างง่ายดาย”
แม้ลูกแก้ววิญญาณจะรู้สึกสั่นไหว แต่เขายังคงปฏิเสธข้อเสนอของหลิงเยว่
หากเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกกลืนกิน ถึงแม้นายท่านของเขาจะเข้าสู่แดนเทพ ฟื้นฟูพลังและความทรงจำทั้งหมด ฆ่าเทพปีศาจเพื่อแก้แค้นให้นาง ก็… คงไม่มีความหมายอะไรแล้วกระมัง?
ลูกแก้ววิญญาณสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างของนายท่านที่มีต่อหลิงเยว่ ไม่ใช่เพราะนางเป็นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นเพราะ… อืม…
ลูกแก้ววิญญาณไม่สามารถอธิบายได้ แต่สรุปคือ มันแตกต่างมากทีเดียว!
รอยยิ้มของหลิงเยว่พลันแข็งค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะตอนนี้ที่เผ่าปีศาจในโลกผู้บำเพ็ญได้รับการช่วยเหลือจากร่างแยก ถือเป็นสถานการณ์อันตรายต่อดอกบัวเพลิงอย่างยิ่ง
หากดอกบัวเพลิงถูกทำลายจริง แม้ไม่ถึงกับทำให้โลกวิญญาณตกอยู่ในความวุ่นวาย แต่สถานการณ์ย่อมยากลำบากกว่าเดิม หากเป็นเช่นนั้นจะไม่มีสถานที่ให้ผู้บาดเจ็บได้กินเนื้อดื่มสุราอย่างมีความสุขและพักฟื้นอย่างสบายใจอีกแล้ว
ผู้บาดเจ็บทั้งหลายไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!
ผู้บาดเจ็บที่ฟื้นตัวได้ดีแล้วกินเนื้อในมือจนหมด แล้วพุ่งออกจากค่ายป้องกันหลายชั้น เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจโดยตรง
ในนั้นมีทั้งอาจารย์ สยงฉีเลวี่ยและศิษย์ที่แขนขาขาด ว่านอวี้เฟิงที่เกือบขาดใจตายและลู่เป่ยเหยียนที่เพิ่งถูกชิงเหนี่ยวโยนลงมาพร้อมกับคนอื่น ๆ…
“ข้าขอสาบานว่าจะปกป้องดอกบัวเพลิงจนถึงที่สุด!”
ติงหลิวหลิ่วตะโกนอยู่ใต้ดอกบัวเพลิงสีม่วงทองอีกดอกหนึ่ง แต่ไม่ได้ก้าวออกไปนอกแนวป้องกันเลย ไม่ใช่ว่านางไม่อยากออกไป แต่เป็นเพราะนางออกไปไม่ได้
ร่างกายทั้งหมดของนางนอกจากหัวที่ยังขยับและพูดได้ ส่วนอื่น ๆ ทั้งหมดล้วนไม่มีความรู้สึกแล้ว
ในฐานะเป้าหมายหลักที่ถูกโจมตี ติงหลิวหลิ่วอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาที่สุด หากไม่ใช่เพราะมีเพลิงพิสดารและตะขาบมรกตตัวที่สามยอมสละชีวิตต่อสู้จนกระทั่งกลุ่มกองทัพสัตว์มาถึง มิเช่นนั้นนางคงตายไปนานแล้ว
เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บของติงหลิวหลิ่วในตอนนี้ แท้จริงแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับการ ‘ตาย’ เท่าไรนัก
แม้แต่พลังรักษาของดอกบัวเพลิงม่วงก็ทำได้เพียงประคองชีวิตนางเอาไว้เท่านั้น
ชิงยวนมองดูศิษย์คนที่สามที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยพลังทั้งที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ ความรู้สึกของนางช่างซับซ้อนและปวดร้าวเหลือเกิน
“ท่านอาจารย์วางใจเถิด ตราบใดที่ข้ายังหายใจอยู่ ศิษย์น้องห้าต้องกลับมารักษาข้าให้หายได้แน่นอน!”
“แล้วหากตอนนี้นาง…”
ชิงยวนไม่อาจเอ่ยคำว่าหลิงเยว่ตายแล้ว แต่อีกฝ่ายที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเทพปีศาจ จะยังรอดชีวิตกลับมาได้จริงหรือ?
“อาจารย์ ท่านดูถูกศิษย์น้องห้าเกินไปแล้ว!”
ติงหลิวหลิ่วมีความมั่นใจในตัวหลิงเยว่อย่างประหลาด ถึงแม้คู่ต่อสู้จะเป็นเทพปีศาจแล้วอย่างไร หลิงเยว่ต้องมีวิธีเอาชนะเขาได้แน่นอน!!
…………….