ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 446 อยากหลอกลวงข้าอีกแล้วหรือ!
บทที่ 446 อยากหลอกลวงข้าอีกแล้วหรือ!
…………….
บทที่ 446 อยากหลอกลวงข้าอีกแล้วหรือ!
“นางไปโลกผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินว่าสำนักถูกขโมย ชิงยวนจึงรีบมายังสำนัก แต่เมื่อเห็นเหล่าผู้คนในสำนักต่างหัวโล้น เสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็กลั้นหัวเราะออกมาไม่ได้จริง ๆ
นางรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาขำ แต่พอคิดถึงภาพลักษณ์เคร่งขรึมน่าเกรงขามของเหล่าอาจารย์ในยามปกติ กับศีรษะล้านแดงก่ำในตอนนี้แล้ว มันช่าง…
เพลิงปีศาจกะพริบตาสีดำสนิทที่ตัดกับสีร่างกายของมันอย่างสิ้นเชิง พลางมองชิงยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า
แค่ไม่กี่ปี ผู้มีระดับการบำเพ็ญขอบเขตสร้างรากฐานปราณก็เข้าสู่ขอบเขตพ้นโลกีย์แล้วรึ?
พวกเขายังจะหลอกมันอีกหรือ!?
เปลวเพลิงโหมกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม มังกรไฟนับไม่ถ้วนผุดขึ้นจากพื้นดิน โอบล้อมสำนักหลานเทียนไว้เป็นชั้น ๆ ความร้อนสูงกระจายไปทั่ว เผาผลาญพลังวิญญาณของทุกสิ่ง ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งค่ายกล เห็นได้ชัดว่าคงต้านทานได้อีกไม่นานแล้ว
เหล่าศิษย์ตัวน้อยผู้มีระดับการบำเพ็ญต่ำต้อย ยังไม่ทันได้หลบหนีก็ถูกเผาเป็นจุณภายในพริบตาเดียว บรรดาศิษย์ร่วมสำนักของชิงยวนต่างโกรธแค้นจนดวงตาแทบจะทะลักออกมาจากเบ้า
ชิงยวนและหลงหว่านโหรวเคลื่อนไหวพร้อมกัน มังกรยักษ์สีชมพูและสีเหลืองทะยานขึ้นฟ้า พุ่งตรงไปยังเพลิงปีศาจนั้นทันที
ว่านอวี้เฟิง ลู่เป่ยเหยียน อวี้เจินและติงหลิวหลิ่วฉวยโอกาสนี้ถอยหลังอย่างรวดเร็ว ในฝ่ามือปรากฏเปลวเพลิงสีขาว สีน้ำตาล สีน้ำเงินทอง และสีเขียวอมฟ้าตามลำดับ
เปลวเพลิงทั้งสี่สายรวมตัวกันกลางอากาศ ก่อเกิดเป็นมังกรไฟสี่สี แล้วแยกออกเป็นมังกรตัวน้อยหลายตัวพุ่งโจมตีมังกรเพลิง บรรดาผู้อาวุโส รองเจ้าสำนัก และคนอื่น ๆ ที่ไม่มีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้นิ่งเฉย พวกเขาเข้าร่วมการขบวนรบด้วยการใช้วิชา บ้างก็พุ่งเข้าต่อสู้ด้วยร่างกาย
สีสันนับไม่ถ้วนพันเกี่ยวและระเบิดขึ้นในสำนักหลานเทียน พื้นดินสั่นสะเทือน ควันไฟหนาทึบปกคลุมไปทั่ว
“ส่งตัวนางออกมา!”
ความโกรธของมังกรเพลิงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงคำรามของมันทำให้หลงหว่านโหรวและคนอื่น ๆ ที่มีระดับการบำเพ็ญเพียงขอบเขตทะยานเซียนกระเด็นออกไป คนกลุ่มนี้นอนกลิ้งอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง กระอักเลือดออกมาหลายคำ ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส
มังกรเพลิงห้าสายดับสูญไป เหลือเพียงมังกรไฟสีชมพูตัวเดียวที่ยังคงยื้อมังกรเพลิงอัคคีไว้ ชิงยวนเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกมาจากมุมปาก ทนความเจ็บปวดจากบาดแผลภายในและพลังวิญญาณที่แตกซ่าน นางหล่อเลี้ยงเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ หวังจะถ่วงเวลาให้เหล่าศิษย์หนีออกจากสำนัก
“โอ๊ะ ๆ ดูเหมือนสำนักของเจ้ากำลังจะถูกทำลายแล้ว!”
เทพปีศาจในโลกผู้บำเพ็ญเซียนชี้ไปที่ผิวน้ำ ภาพเหตุการณ์ที่มังกรเพลิงกำลังปิดล้อมโจมตีสำนักหลานเทียนปรากฏขึ้นราวกับการถ่ายทอดสด
“เป็นไปไม่ได้ สำนักของข้าไม่มีวันถูกทำลาย!”
หลิงเยว่โต้แย้ง ทำให้เทพปีศาจหัวเราะ
“นั่นสินะ เพลิงปีศาจถูกขังไว้เป็นพันปี พลังย่อมลดลงไปมาก…” เทพปีศาจกำหมัดแน่น “งั้นข้าจะช่วยมันสักหน่อยแล้วกัน”
สายสีดำเส้นหนึ่งเล็ดลอดออกมาจากนิ้วของเทพปีศาจ มันพุ่งทะลุผ่านผืนทะเลสาบออกมาจากโลกผู้บำเพ็ญเซียนสู่โลกผู้บำเพ็ญ ในขณะที่เส้นใยสีดำกำลังจะเข้าไปในร่างของเพลิงปีศาจ มืออ้วนป้อมข้างหนึ่งก็คว้ามันไว้ได้ทันเวลา
เจ้าของมืออ้วนป้อมมองทะลุเปลวเพลิงปีศาจที่ลุกโชนอยู่ทั่วฟ้าเบื้องบน นัยน์ตากลมใสสบเข้ากับเทพปีศาจที่อยู่ในโลกผู้บำเพ็ญเซียน รอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าจิ้มลิ้มค่อย ๆ กว้างขึ้น “ข้าจับเจ้าได้แล้ว!”
เส้นสีดำสลายหายไปในมืออ้วนป้อม ก่อนที่นางจะละสายตาไป นางยังส่งยิ้มท้าทายขึ้นไปบนฟ้าด้วย
เทพปีศาจ “…”
ดี ดีนัก! ที่แท้นางยังซ่อนแผนเอาไว้หรอกหรือ เขาคงดูแคลนพลังเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์มากไปเสียแล้ว!
ท่ามกลางเปลวเพลิงปีศาจที่โหมกระหน่ำ ร่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น เด็กหญิงตัวน้อยมีศีรษะล้านเงาวับ เหยียบย่างบนดอกบัวเพลิงสีม่วง ก้าวเดินไปทีละก้าวจนถึงใต้ร่างของมังกรเพลิง นางเอียงศีรษะแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย “ได้ยินมาว่าเจ้ากำลังตามหาข้าอยู่รึ?”
“!!!”
ทุกสายตาเบิกกว้าง จ้องมองเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังสนทนากับเพลิงปีศาจด้วยความตกตะลึง
หลิงเยว่?
เหตุใดนางจึงตัวหดเล็กลงเช่นนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น บนร่างกายของนางยังเปล่งประกายแห่งบุญบารมี จนทำให้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ไม่อาจมองตรงมายังนางได้
ชิงยวนถูกมังกรเพลิงสะบัดร่างลอยละลิ่วมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหลิงเยว่ โดยไม่สนใจบาดแผลของตนเอง ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องไปยังเด็กหญิงตัวน้อย
“ศิษย์… ของข้า”
แม้จะเป็นเพียงคำพูดธรรมดา ๆ สองคำ แต่กลับดูเหมือนจะใช้พลังของชิงยวนไปเป็นจำนวนมาก เลือดสด ๆ พวยพุ่งออกมาจากปากของนาง เลือดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าด้านหน้าของนางในชั่วพริบตา
“ข้าเอง ท่านอาจารย์”
หลิงเยว่ยื่นมือออกไปสัมผัสที่หน้าผากของชิงยวน แสงสว่างแห่งการเยียวยาได้ห่อหุ้มร่างกายของชิงยวนไว้ในทันที จากนั้นแสงสว่างแห่งการเยียวยาก็ค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปโดยรอบ ตกกระทบสู่ร่างกายของสหายและเหล่าผู้อาวุโสที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
บาดแผลของพวกเขากำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
เพลิงปีศาจไม่อาจหยุดยั้งหลิงเยว่ แต่ถ้านางรักษาได้ มันก็สามารถทรมานและสังหารพวกเขาได้เช่นกัน!
เพียงแต่มันยังมีหลายข้อสงสัยในตอนนี้ เหตุใดหญิงผู้นี้จึงตัวเล็กลง และแสงสีทองที่แผ่ออกมานั้นมาจากที่ใด?
ข้อสงสัยมากมายทำให้มันไม่ลงมือในทันที อีกทั้ง… โดยธรรมชาติแล้วมันค่อนข้างหวาดกลัวแสงนั้นพอสมควร
สิ่งที่ปราบเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ นอกจากพวกแก่นปราณแสงก็คือแสงสีทองนี่เอง หากถูกแสงสีทองแผดเผาย่อมเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่อาจอธิบายได้มากนัก ข้าสามารถรักษาร่างกายเช่นนี้ได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ต้องกำจัดเพลิงปีศาจให้ได้ภายในครึ่งชั่วยาม!”
หลิงเยว่กล่าวจบ นางก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว ระหว่างถอยหลังนางยังยกมือขึ้นใช้วิชาอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่สาม… และบรรดาผู้อาวุโส พวกท่านจงร่วมมือกันเถิด ข้าจะเสริมพลังโจมตีให้พวกท่านเอง!”
แม้ในใจจะเต็มไปด้วยข้อสงสัย แต่ทุกคนก็ทำตามที่นางกล่าว
พวกเขาล้อมวง ผู้ฝึกกายายืนอยู่แถวหน้าสุด ผู้ฝึกกระบี่ลอยอยู่กลางอากาศ ผู้ฝึกวัจนะยืนอยู่ตรงกลาง ส่วนนักกลั่นโอสถอยู่ด้านนอกสุด สำหรับหลิงเยว่นั้น นางยืนอยู่นอกระยะโจมตีของเพลิงปีศาจ เกือบจะวิ่งออกนอกสำนักหลานเทียนอยู่แล้ว
มังกรเพลิงสะบัดหาง มองดูหลิงเยว่ที่ ‘หวาดกลัวความตาย’ อย่างสนใจ ตอนที่นางหลอกลวงมัน เหตุใดจึงไม่กลัวตายเช่นนี้?
ตอนนี้คิดว่าหนีไปแล้วมันจะ ‘กิน’ นางไม่ได้หรือ?
เมื่อนึกถึงรสชาติอันแสนวิเศษของการสูบกลืนอายุขัยของหลิงเยว่ เพลิงปีศาจก็เลียริมฝีปาก
ร่างของมังกรเพลิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าของหลิงเยว่ อ้าปากกว้างหมายจะกัดลงไป ผลปรากฏว่า… รสชาติอันโอชะที่คิดไว้กลับสลายไปในปาก รสชาติที่เคยลิ้มลองกลับไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย!
นี่เป็นเพียงภาพลวงตาหรือ?!
“ข้าอยู่ที่นี่”
“ข้าคือตัวจริง มากินข้าเสียสิ!”
“อย่าไปฟังนาง! ข้า ๆ ๆ ข้าคือตัวจริง มากินข้าเถิด!”
หลิงเยว่ตัวน้อยศีรษะล้านนับไม่ถ้วนต่างส่งเสียงเรียกมังกรเพลิงอย่างกระตือรือร้น ทุก ๆ ตัวดูเหมือนเป็นของจริง แต่ก็เหมือนกับว่าทั้งหมดเป็นของปลอม
มังกรเพลิงไม่อาจแยกแยะได้ ส่วนชิงยวนและคนอื่น ๆ ยิ่งรู้สึกสับสน พวกเขาควรจะรุกต่อหรือไม่?
เมื่อพวกเขาลังเลอยู่นั้น เพลิงปีศาจก็ได้ส่งร่างจำแลงนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่เหล่าเณรน้อยศีรษะโล้นมากมาย
“อย่าสนใจข้า ลงมือเลย!”
ทันทีที่หลิงเยว่เอ่ยจบ ผู้บำเพ็ญก็ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดโจมตีร่างแท้จริงของเพลิงปีศาจ ทุกท่าอันทรงพลังล้วนมีแสงสีทองคอยเสริมกำลัง!
เพลิงปีศาจที่เดิมทีสนใจเพียงหลิงเยว่ ไม่เคยเห็นชิงยวนในสายตา ตอนนี้จำต้องให้ความสำคัญเสียแล้ว
ยังใช้แสงสีทองได้อีกหรือ?!
เพลิงปีศาจมีชีวิตอยู่มานานเพียงนี้ ยังไม่เคยเห็นการใช้งานเช่นนี้มาก่อน!
มังกรเพลิงที่ปกคลุมท้องฟ้าพลันกลายเป็นเปลวไฟเล็ก ๆ พยายามฝ่าแสงสีทองออกมาโจมตี ทว่าเพียงแค่โผล่ออกมาก็ถูกกระบี่ที่มีแสงสีทองห่อหุ้มสกัดไว้เสียก่อน
ตามมาด้วยตาข่ายเพลิงหลากสีขนาดมหึมาที่ถักทอจากเปลวเพลิงเจ็ดสีพลันกดลงมาบนศีรษะ ตาข่ายเพลิงหดตัวลงเรื่อย ๆ เพลิงปีศาจที่ถูกแสงสีทองแผดเผาส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างทรมาน เปลวไฟสีแดงแซมด้วยควันดำบาง ๆ ของเพลิงปีศาจเริ่มหม่นลง ร่างกายของมันก็เริ่มเล็กลงเรื่อย ๆ…
จนกระทั่งกลายเป็นอาหารของเปลวเพลิงเจ็ดสี
…………….