ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 435 พวกมันดูเหมือนกำลังหนีเอาชีวิตรอด
บทที่ 435 พวกมันดูเหมือนกำลังหนีเอาชีวิตรอด
…………….
บทที่ 435 พวกมันดูเหมือนกำลังหนีเอาชีวิตรอด
“เหตุใดค่ายกลปีศาจบรรพกาลจึงไม่มีบันทึกไว้ในตำราค่ายกลของเผ่าปีศาจ?”
ผู้นำเผ่าทิงมี่จ้องมองหัวหน้ากระทิง “เพราะว่า… นั่นคือค่ายกลที่เทพปีศาจสร้างขึ้นเอง โดยใช้ร่างกายเป็นดวงตา สังหารได้หมื่นลี้”
“ไม่ใช่แค่หมื่นลี้เท่านั้น…”
หากคราวนี้ช่วยหลิงเยว่ออกมาไม่ได้ เขาก็ต้องตายตามไปด้วย
ในเมื่อบ่อสวรรค์ได้จากไปแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
“พวกเจ้าดูตรงนั้นสิ!”
ผู้คนที่จมอยู่ในความสิ้นหวังมองไปทางหัวหน้าตะขาบมรกต เมื่อมองออกไปยังพื้นที่ห่างไกลออกไปที่ จะเห็นเขตของปีศาจชั้นสูง หากจะบอกให้ชัดเจนกว่านั้นคือ ดินแดนของกระทิง
บนท้องฟ้าเหนือดินแดนกระทิงเป็นสีแดงสด ราวกับฟ้ากำลังลุกไหม้ ทั้งที่เป็นสีแดงสดใส แต่รอบ ๆ กลับมีแสงสีทองอยู่ด้วย
หัวหน้าตะขาบมรกตจ้องมองไปยังสีแดงนั้น พลางกำมือตัวเองแน่น
ดูเหมือนว่าผู่ตานจะฟักออกจากไข่แล้ว หงส์เพลิงต้องมีวิธีเข้าไปในห้วงลึกแห่งปีศาจเพื่อช่วยหลิงเยว่แน่นอน!
ถ้าไม่ได้ก็จุดไฟเข้าไป โอ้! ไม่ใช่ หลิงเยว่ต้องการลมไม่ใช่หรือ?
งั้นก็หอบลมเข้าไปให้นางสิ!
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปแล้วรีบกลับมา”
หัวหน้าตะขาบมรกตทิ้งประโยคนี้ไว้ แล้วรีบบินไปยังเมฆเพลิงทันที พวกปีศาจพึ่งพาไม่ได้ แต่พวกของเราต้องมีวิธีแน่!
ถ้าหงส์ไม่ได้ ก็ยังมีไข่มังกร!
ถูกต้อง!
แล้วยังมีชิงหลงอีก หากพวกเขาออกโรงพร้อมกัน แม้แต่หอคอยปีศาจพวกเขาก็บุกได้!
“เอ๊ะ?”
ร่างแยกต้อกระจกหมายเลขสามพลันหยุดฝีเท้า มองไปยังท้องฟ้าสีแดงนอกหุบเหวปีศาจ เดิมทีคิดจะไปดู แต่นึกได้ว่าพวกเขาไม่อาจออกจากหุบเหวปีศาจได้ในตอนนี้ เขาจึงละทิ้งความคิดที่จะออกไปทันที
เขาไม่ใช่ไอ้โง่หมายเลขสองที่จะออกไปอย่างไม่ยั้งคิด
อีกอย่าง…
ร่างแยกหมายเลขสามมองดูหุบเหวปีศาจ มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่สามารถบังสายตาของเทพสวรรค์ได้ หากไม่จำเป็น ผู้ที่อาศัยอยู่ในหอคอยปีศาจจะไม่ออกไปโดยง่าย
ชิงเหนี่ยวฉวยโอกาสที่ร่างแยกหมายเลขสามหยุดชะงัก วิ่งหนีสุดชีวิต ระหว่างทางได้พรางตัวหลายครั้ง ตำแหน่งก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แม้แต่กลิ่นอายของตัวเอง มันยังพยายามเปลี่ยนอย่างสุดความสามารถ คราวนี้ไอ้วิปริตนั่นคงตามหามันไม่ได้เร็วนัก…
โอ้… เขาตามทันแฮะ…
“เจ้าวิ่งได้ไวทีเดียวนะ” ต้อกระจกหมายเลขสามกล่าวกับชิงเหนี่ยวด้วยรอยยิ้ม
ชิงเหนี่ยวอยากระเบิดตัวตายตรงนั้น แล้วเริ่มหนีต่อไป
“อ้าว ที่นี่ยังมีสิ่งน่ารัก ๆ ซ่อนอยู่อีกหรือ?”
สัตว์ร่างยักษ์ตัวหนึ่งถูกหมายเลขสามหยิบขึ้นมาจากหนองน้ำอย่างง่ายดาย แล้วโยนไปข้าง ๆ ชิงเหนี่ยว
“เจ้าก็วิ่งสิ ถ้าไม่วิ่งเจ้าคงรู้ดีว่าจะเป็นอย่างไร…”
สัตว์ประหลาดแห่งหนองน้ำที่เคยถูกหลิงเยว่ทุบตีอย่างรุนแรง กลิ้งไปมาแล้วลุกขึ้นวิ่ง มันไม่จำเป็นต้องฟังจนจบก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สหายทั้งหมดถูกผู้นี้เล่นงานจนตายด้วยวิธีต่าง ๆ นานา แต่เดิมมันคิดว่ารอดพ้นมาได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่รอดแล้ว…
สัตว์ประหลาดแห่งหนองน้ำนึกถึงเรื่องนี้แล้วรู้สึกสลดใจขึ้นมาทันที มันวิ่งพลางร้องไห้ครวญครางไปด้วย จนพื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุด
หมายเลขสามรู้สึกขบขัน สัตว์ตัวน้อยที่พบวันนี้ช่างน่าสนใจเหลือเกิน!
อืม เขาควรหาเพื่อนให้พวกมันเพิ่มอีกสักหน่อย
ดังนั้นจำนวนสัตว์ในขบวนหนีตายก็เพิ่มขึ้น ยกเว้นชิงเหนี่ยวที่เป็นผู้มาใหม่ตัวเล็กกะทัดรัดและเปลี่ยนร่างได้ตลอดเวลา ที่เหลือล้วนเป็นสัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของหุบเหว
ฝูงสัตว์ร้ายขนาดมหึมาวิ่งวนรอบเหวลึก ลองคิดดูเถิดว่าพื้นดินจะน่าสงสารแค่ไหน
“เกิดอะไรขึ้น?”
‘ทีมกู้ภัย’ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากส่วนลึกของหุบเหวและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จึงมองไปยังพื้นที่นั้นทันที
ส่วนท้องฟ้าเพลิงนั้น เป็นแบบนี้มานานแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“พวกเราเข้าไปดูกันหรือไม่?” หัวหน้ากระทิงกำลังจะก้าวเข้าไป แต่กลับถูกนกตัวเล็กบนบ่าพัดกระเด็นออกไปไกล ผู้อื่นที่คิดจะเข้าไปดูต่างได้รับรางวัลเช่นเดียวกัน
“ไม่ให้เข้าไปหรือ?”
อดีตผู้นำเผ่าถามนกดำบนบ่า นกดำเกาะแน่นขึ้นแล้วพาชายชราบินถอยหลังอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้ที่ไม่มีนกเป็นเครื่องมือ มองดูเหวลึกแล้วหันไปมองเหล่าสหาย จึงถอยออกไปเช่นกัน
ฝูงนกคงได้รับข่าวบางอย่าง และเป็นข่าวร้ายแรงมาก จึงรีบถอนตัวอย่างเร่งด่วนเช่นนี้
“ชิงเหนี่ยวส่งข่าวมาให้พวกเจ้าใช่หรือไม่?”
เหล่านกพยักหน้า เพราะตอนนี้พวกมันยังพูดไม่ได้
ท่านผู้นำเผ่าทิงมี่มองไปยังเหวลึกที่ห่างออกไปทุกที พลันขมวดคิ้วแน่น ร่างแยกของเทพปีศาจจะออกมาแล้วหรือ?
ช่างเป็นข่าวร้ายทีเดียว
“เขตแดนปีศาจคงจะวุ่นวายใหญ่แล้ว”
“ไม่ถูกสิ หากร่างแยกของปีศาจเทพออกมา หลิงเยว่ก็จะสามารถฉวยโอกาสหนีไปได้มิใช่หรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”
“แต่วิธีการของปีศาจเทพนั้น…”
แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่เคยประสบกับสงครามเทพปีศาจ แต่บันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน รวมถึงวิธีการอันโหดร้ายต่าง ๆ ของเทพปีศาจ ถึงขนาดที่เมื่อเผ่าปีศาจได้ยินคำว่า ‘เทพปีศาจ’ ก็ทำให้ร่างกายหนาวสั่น แขนขาอ่อนแรงได้แล้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยการมาถึงของเทพปีศาจด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง แต่เขากลับไม่ปรากฏตัว แม้แต่แรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ก็…หายไป
แต่ไม่นานก็กลับมาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ราวกับว่า… ฝูงสัตว์กำลังถูกอะไรบางอย่างไล่ต้อนอยู่
พวกมันดูเหมือนกำลังหนีเอาชีวิตรอด
เชื่อว่านี่ต้องเป็นฝีมือของร่างแยกของเทพปีศาจอีกแน่ ๆ!
ทุกคนไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าร่างแยกของเทพปีศาจต้องการทำอะไรกันแน่ อีกทั้งเหตุใดสัตว์อสูรแห่งห้วงลึกที่หนีเอาชีวิตรอดจึงไม่ออกจากตรงนั้น เป็นเพราะพวกมันไม่สามารถออกจากหุบเหวได้หรือ?
“ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรแห่งหุบเหวปีศาจจะไม่สามารถออกมาได้จริง ๆ เพราะนอกจากที่นี่แล้ว ที่อื่น ๆ ก็ไม่มีสัตว์อสูรแห่งหุบเหวปรากฏตัวเลย”
“เช่นนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า ร่างแยก… ก็ไม่สามารถ…”
“เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะออกมาไม่ได้!”
คำคาดเดานี้ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายเป็นถึงเทพปีศาจ! แม้จะเป็นเพียงร่างแยก แต่พวกเขาก็ไม่มีทางต่อกรได้!
“แล้วเหตุใดพวกเขาจึงไม่ออกมา?”
“เหตุใดต้องออกมาด้วยเล่า?”
“แล้วเหตุใดจึงไม่ออก…”
มหาปุโรหิต และปลาหนามปีศาจโต้เถียงกันไปมา
เปรี้ยง…
สายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้าสดใส ตามด้วยเสียงฟ้าร้องกึกก้องเหนือศีรษะของพวกเขา เมฆสีแดงดั่งเพลิงไหม้กลายเป็นสีเทาดำในพริบตา
จะต้องฝ่าทัณฑ์สวรรค์อีกแล้วหรือ?!
ผู้อาวุโสกระทิงนึกถึงบ้านหลังใหญ่โตของตน รวมถึงอาณาเขตอันหรูหราและเจริญรุ่งเรือง อดรู้สึกเศร้าไม่ได้ เกรงว่าคงจะถูกทำลายอีกครั้งแล้วสินะ…
ใช่ พวกเขาเผ่ากระทิงมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝ่าทัณฑ์สวรรค์ และชอบไปขอแบ่งทัณฑ์สวรรค์ที่เหลือจากสหายเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองด้วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาชอบทัณฑ์สวรรค์!
ทำไมไม่ไปฝ่าทัณฑ์สวรรค์กันที่อื่นเล่า?
ดูเหมือนทัณฑ์สวรรค์และผู้ฝ่าทัณฑ์สวรรค์จะได้ยินเสียงในใจของผู้อาวุโสกระทิง เมฆเหล่านั้นถึงกับลอยหนีไป!
ส่วนใครเป็นคนพาไป เขามองไม่เห็น แม้ว่าผู้ฝ่าทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ในที่นี้จะมีไม่น้อย แต่โลกปีศาจนั้นกว้างใหญ่ ไม่อาจมองเห็นได้ทั่วในคราวเดียว
เมฆดำทะมึนหายไปอีกฟากของท้องฟ้า
ผู้อาวุโสกระทิงรู้สึกคันยุบยิบ เขาอยากไปดูมาก อย่างไรเสียก็เข้าไปในหุบเหวปีศาจไม่ได้อยู่แล้วนี่?
“อืม เจ้าไปเถิด แต่ไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้นนะ”
อดีตผู้นำเผ่าส่งหินสีดำก้อนหนึ่งให้ผู้อาวุโสกระทิง “จำไว้ เมื่อถึงเวลาให้บีบหินก้อนนี้ให้แตก”
“ใช่ ๆ พวกข้าจะได้ดูด้วย”
ผู้อาวุโสกระทิง “…”
…………….