ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 434 ช่างเป็นคนโหดร้ายจริง ๆ!
บทที่ 434 ช่างเป็นคนโหดร้ายจริง ๆ!
…………….
บทที่ 434 ช่างเป็นคนโหดร้ายจริง ๆ!
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนผังยังไม่ทันได้ลงมือ ชิงเหนี่ยวพลันเปลี่ยนร่างให้ใหญ่ขึ้น จนกระทั่งบดบังทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้แล้ว จึงเงยหัวเตรียมจะส่งเสียงร้อง แต่ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เลยกลืนเสียงนั้นกลับไป
ชิงเหนี่ยวขนาดมหึมาบินข้ามศีรษะของทุกคน แล้วหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
ทุกคนเดาได้ว่ามันต้องการทำอะไร สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังว่ามันจะประสบความสำเร็จ
ชิงเหนี่ยวซ่อนร่างในความมืดได้อย่างดี ความเร็วในการบินลดลงเพราะขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังมีคลื่นประหลาดของหุบเหวปีศาจที่ทำให้บินได้ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ถึงอย่างไร มันก็มาถึงบริเวณรอบ ๆ กับดักสังหารนั่นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ชิงเหนี่ยวกำลังจะใช้พลังทั้งหมดของมัน ส่งพายุเข้าไปให้หลิงเยว่นั้น ร่างกายของมันกลับแข็งค้าง เพราะเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่ดำกว่าพลังปีศาจที่แผ่ไปทั่วฟ้าเสียอีก
สายตาคู่นั้นจ้องมองมันอย่างแน่วแน่ มองสำรวจขึ้นลงไม่หยุด แสงสีดำในดวงตานั้นสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นริมฝีปากก็เม้มเข้าหากันแล้วยกขึ้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของข้ามาแล้ว”
ดวงตาอีกสองคู่ต่างจ้องมองชิงเหนี่ยวเช่นกัน
ร่างกายของมันยิ่งแข็งค้างมากขึ้น ขณะที่ร่างแยกของปีศาจหมายเลขสามกำลังจะยื่นมือมาคว้าตัวนกเข้าไป ชิงเหนี่ยวก็ระเบิดตัวเองทันที
ร่างแยกปีศาจหมายเลขสามถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เจ้านกนั่นไม่เต็มใจจะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเขาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“เป็นนกที่กล้าหาญนัก” หมายเลขสองกล่าวชื่นชม
“ดูเหมือนชื่อเสียงของเจ้าจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งหุบเหวปีศาจแล้ว” ร่างแยกหมายเลขหนึ่งเหลือบมองไปที่หมายเลขสาม แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
พอฟื้นขึ้นมาก็แทบจะเล่นงานสัตว์ปีศาจทั้งหมดจนตายหมด ช่างเป็นคนโหดร้ายจริง ๆ!
ใบหน้าไร้อารมณ์ของหมายเลขสามแปรเปลี่ยนเป็นน่าขนลุก “แต่เดิมข้าคิดจะละทิ้งเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องได้มันมาให้ได้!”
“ฮึ ฮึ”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
ชิงเหนี่ยวตายแล้วหรือ?
มันแสดงละคร ‘ระเบิดตัวเอง’ ต่อหน้าร่างแยกของเทพปีศาจทั้งสาม จากนั้นในชั่วพริบตามันก็เปลี่ยนร่างกลับเป็นต้นกล้าไม้สีฟ้าเล็ก ๆ
ต้นกล้าสีฟ้าพุ่งเข้าไปในพื้นดินอย่างรวดเร็ว รากของมันเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง เพียงชั่วพริบตาก็หนีออกนอกขอบเขตของค่ายกลได้แล้ว
หลิงเยว่เห็นชิงเหนี่ยวหนีออกไปแล้ว หัวใจที่ตึงเครียดถึงผ่อนคลายลง
ในกองทัพสัตว์ทั้งหมด มีเพียงชิงเหนี่ยวเท่านั้นที่สามารถส่งข่าวแทนนาง และสามารถยืมวิชาพรางตัวของหลิงเยว่ได้ หากถูกหมายเลขสามจับไปเป็น ‘สัตว์เลี้ยงแสนรัก’ ในเวลานี้ ผลลัพธ์คง…
เมื่อคิดว่าผู้คนภายนอกไม่รู้สถานการณ์ที่นี่ แล้วพากันบุกเข้ามาหาร่องรอยของนาง ‘เมือง’ ที่สร้างมาด้วยความยากลำบากนั้น จะไม่พังพินาศในพริบตาหรือ?
หลิงเยว่ไม่อยากให้พวกเขาต้องเสียสละ
“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ที่นี่?” หมายเลขสามเอ่ยปากขึ้น
“แน่นอน แต่เจ้าแน่ใจหรือว่านกตัวนั้นระเบิดตัวตายจริง ๆ?” หมายเลขหนึ่งกล่าว
หมายเลขสามนึกย้อนกลับไปยังภาพที่ชิงเหนี่ยวระเบิดตัวตายเมื่อครู่ ตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่แล้ว จากนั้นก็ตกใจกับนิสัยห้าวหาญของมันจึงไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้เมื่อคิดอีกครั้ง ดูเหมือนจะมีแสงสีฟ้าเข้มวาบผ่านไปด้วย
มันดูเหมือนจะหายลงไปใต้ดิน!
เขาถูกหลอก! แถมยังเป็นนกตัวเล็ก ๆ อีกด้วย!
แทนที่จะโกรธ แต่เขากลับวิ่งออกจากค่ายกลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตามไปในทิศทางที่ชิงเหนี่ยวหนีไป
หมายเลขหนึ่งและหมายเลขสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม คิดว่าการส่งคนแบบนี้ไปไม่ต้องใช้แรงเลยแม้แต่น้อย
หลิงเยว่รีบส่งข่าวให้ชิงเหนี่ยว ต้นกล้าน้อยรีบเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของเหวปีศาจ
มันไม่สามารถพาหมายเลขสามออกไปได้
หากคนบ้าคนนี้ตามไปเจอหัวหน้าตะขาบมรกตและคนอื่น ๆ แถมที่นั่นยังมีพวกมันอีกจำนวนมาก ถ้าไปคงถูกเล่นงานจนตายหมด
หมายเลขสามที่ไล่ตามมาด้วยความตื่นเต้นได้เหยียบต้นกล้าน้อยที่ซ่อนอยู่ใต้ดินแล้ว
ต้นกล้าน้อยไม่ตื่นตระหนก แต่เริ่มพรางตัวเป็นดินสีดำ แล้ววิ่งหนีลึกลงไปอีก
“น่าสนใจจริง ๆ!” ไม่มีใครเห็นว่าในขณะที่ร่างแยกปีศาจหมายเลขสามพูดว่าน่าสนุก ดวงตาสีดำสนิทของเขากลับเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมดในชั่วพริบตา และในนั้นสะท้อนเงาดำที่กำลังหนีอย่างรวดเร็ว
“เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ใช้วิชาพรางตัวแบบนี้ด้วยหรือไม่? โอ้! แต่พลังของนางคงจะสูงส่งกว่าเจ้า เพราะข้าไม่สามารถมองเห็นนางได้ แต่กลับมองเห็นเจ้า”
ร่างแยกหมายเลขสามค่อย ๆ เดินตามหลังชิงเหนี่ยวไป แม้จะจับมันได้ง่ายดาย แต่เขากลับไม่ทำ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยน่าสนใจเช่นนี้ ปล่อยให้มันอยู่นานหน่อยก็ดีเหมือนกัน
อีกอย่างเขายังได้กลิ่นของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์จากเจ้าตัวนี้ ทั้งสองต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่
ร่างแยกหมายเลขสามเหลียวมองไปด้านหลังครู่หนึ่ง บางทีเขาอาจเป็นคนแรกที่พบเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้
ช่างน่าสนใจจริง ๆ!
ชิงเหนี่ยววิ่งจนแทบขาดใจ มันคิดว่าความเร็วของตัวเองนั้นเร็วมาก แต่พอหันไปมองร่างแยกหมายเลขสามที่เดินตามมาอย่างสบาย ๆ ก็แทบจะอาเจียนเป็นเลือด
ไม่แปลกเลยที่หลิงเยว่ไม่สามารถหนีพ้น หากเจอกับสามคนแบบนี้ เป็นใครก็หนีไม่พ้นทั้งนั้น
“ทำไมไม่วิ่งแล้วล่ะ? ต้องการเวลาพักสักหน่อยหรือ?”
ชิงเหนี่ยววิ่งหนีอีกครั้ง และร่างแยกหมายเลขสามก็ตามไปอีกครั้ง
เดินไปเดินมา เขาเอียงศีรษะมองหอคอยเก้าชั้นที่คุ้นเคยตรงหน้า “สัตว์เลี้ยงตัวน้อย เจ้าไม่ควรเข้าไปจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นแม้แต่ข้าผู้เป็นนายก็ช่วยเจ้าไม่ได้นะ!”
ชิงเหนี่ยวไม่ได้เข้าไปจริง ๆ แต่กลับเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง พาหมายเลขสามวนอยู่รอบ ๆ หุบเหวปีศาจ
เพื่อหลิงเยว่ นางจะทำทุกอย่าง!
ผู้คนที่ยังไม่รู้ว่าชิงเหนี่ยวเผชิญกับวิกฤตกำลังนั่งยอง ๆ อยู่นอกค่ายกลและมองเข้าไปข้างใน แม้จะมีแต่ความมืดมิด แต่หากไม่มอง ก็รู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไป
“ทำไมไปนานนัก?”
หัวหน้าตะขาบมรกตหมดความอดทนแล้ว พอไม่มีข่าวสารจากชิงเหนี่ยว ทำให้เขารู้สึกสับสนยิ่งนัก หากไม่เห็นว่าผู้นำเผ่าทิงมี่ยังมีชีวิตอยู่ เขาคงจะบุกเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลอะไรก็ตาม เขาเกลียดค่ายกลที่สุด! ต้องทำลายค่ายกลนั่นให้ได้
แต่ถ้า… เขามีพลังนั้นก็คงดี
“คงเจอกับอันตรายอะไรสักอย่างสินะ?”
สิงโตขนเงิน มหาปุโรหิตหลากสีสัน ปลาปีศาจกลายพันธุ์ และผู้นำเผ่ากระทิงงามที่ได้รับข่าวว่าหลิงเยว่อาจมีชะตากรรมเลวร้าย ยกเลิกแผนทำลายถ้ำปีศาจหอคอยกระดูกและรีบมาทันที
พวกเขามาถึงแล้ว แต่ถูกบอกว่าไม่สามารถเข้าไปได้!
ข้างในมีเพียงสามคน แม้พวกเขาจะมีนับพันคนก็อาจไม่สามารถจัดการแม้แต่คนเดียวได้ ลองคิดดูว่าบาดแผลในใจจะลึกเพียงใด
ตลอดมาเป็นหลิงเยว่ที่คอยช่วยเหลือพวกเขา แต่บัดนี้นางต้องการความช่วยเหลือ พวกเขากลับไร้ความสามารถ
สิงโตขนเงินรู้สึกอัดอั้นตันใจยิ่งนัก นางไม่เชื่อว่าพวกเขามีคนมากมายเช่นนี้ แต่กลับจัดการกับคนเพียงคนเดียวไม่ได้!
“ไม่สามารถส่งลมเข้าไปได้เลย!”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนผังเผชิญกับอาคมที่ยากลำบากเช่นนี้เป็นครั้งแรก ความสามารถของผู้วางค่ายกลนั้นเหนือกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
ยิ่งไปกว่านั้น ค่ายกลนี้… ก็ไม่ใช่ค่ายกลที่พวกเขาคุ้นเคย แม้จะดูเหมือนค่ายกลปีศาจ แต่ค้นหาในตำราค่ายกลปีศาจทั้งหมดแล้ว กลับไม่พบค่ายกลที่คล้ายคลึงกันเลย
“นั่นคือค่ายกลปีศาจบรรพกาล”
“ในเมื่อเจ้ารู้ เจ้าก็รีบคิดหาวิธีแก้เสียสิ พวกเราจะได้บุกเข้าไปพร้อมกัน!” หัวหน้าตะขาบมรกตเร่งเร้าผู้นำเผ่าทิงมี่
“ไม่มีทางแก้ นอกจากสังหารผู้วางค่ายกล”
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น “???”
หากสามารถสังหารได้ พวกเขาจะต้องมารออยู่ที่นี่ทำไมกัน?
…………….