ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 420 นางคงคิดไปเองสินะ?
บทที่ 420 นางคงคิดไปเองสินะ?
…………….
บทที่ 420 นางคงคิดไปเองสินะ?
หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ชิงหลงคงตายไปแล้วนับหมื่นครั้ง
แต่เมื่อเผชิญกับสายตาเย็นชาของสนมปีศาจที่หก ชิงหลงกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ในเมื่ออีกฝ่ายถูกมัดเช่นนี้ จะทำอะไรนางได้?
แม้ว่าจะปลดเอ็นกระทิงให้ สนมปีศาจที่หกก็ไม่สามารถก่อความวุ่นวายใด ๆ ได้
ตอนนี้หลิงเยว่กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ชิงหลงจะปล่อยให้ใครไปรบกวนได้อย่างไร?
ตอนที่ผู่ตานกำลังจะเกิดใหม่ก็มีคนมาดูเหตุการณ์ไม่น้อย แล้วผลเป็นอย่างไรล่ะ?
ทุกคนถูกจัดการไปหมด
“ขอข้าพบผู่ตานสักครั้งเถิด…”
สนมปีศาจที่หกเห็นว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนแทน สายตาพิฆาตเปลี่ยนเป็นท่าทางน่าสงสารในพริบตา ดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ ประกอบกับใบหน้าซีดขาว ผมยุ่งเหยิง และร่างที่ถูกมัดอย่างแน่นหนา ช่างน่าเวทนาเสียจริง…
ใครเห็นแล้วจะไม่ใจอ่อนกันเล่า?
แต่ผู้ที่อยู่ในที่นี้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อได้เห็นแล้วก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ยกเว้น… ฮวนฮวน
“พี่สาวอย่าร้องไห้เลย มีอาจารย์หลิงอยู่ พี่ผู่ตานต้องปลอดภัยแน่นอน” เด็กหญิงตัวน้อยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้สนมปีศาจที่หก
สนมปีศาจที่หกมองฮวนฮวนอย่างเหม่อลอย ราวกับมองทะลุผ่านนางไปเห็นผู่ตานตอนเด็ก ตอนเด็กเขาคงจะเป็นเด็กดีมากสินะ ตระกูลผู่ก็คงจะ… ดีกับเขามากเช่นกัน
“พี่สาว ทำไมน้ำตาของเจ้ายิ่งไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าร้องไห้เลย อาจารย์หลิงต้องพยายามช่วยพี่ผู่ตานอยู่แน่นอน!”
“หลิงเยว่คือใคร?” สนมปีศาจที่หกได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งแล้ว
“นางเป็นศิษย์น้องของพี่ผู่ตาน และเป็นอาจารย์เก่งมาก ๆ ของข้า ฮวนฮวนโตขึ้นมาต้องเก่งแบบนั้นเหมือนกัน!”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องพยายามให้มาก ๆ นะ!”
ชิงหลงลูบหัวเด็กหญิงตัวน้อย ด้วยสายตาอ่อนโยน
“ฮวนฮวน เจ้ารู้จักหญิงชั่วร้ายคนนี้ได้อย่างไร!”
คำพูดกัดฟันของเจ้าวังปีศาจเพิ่งจะดังขึ้น พื้นดินก็ส่งแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงระเบิดดังสนั่น ทุ่งราบที่อยู่ไกลออกไป ปรากฏฝุ่นควันฟุ้งกระจายขึ้นมาทันที
พวกกระทิงเหลียวมองดูดินแดนของพวกเขาที่ถูกระเบิดอีกครั้ง
“ช่างเถอะ รอให้ผู้นำเผ่าและคนอื่น ๆ กลับมา แล้วค่อยปรึกษาเรื่องย้ายที่อยู่ใหม่ดีกว่า ทุกที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทุ่งหญ้าก็ถูกเผาจนเกรียน ไม่เหมาะจะเป็นบ้านอีกต่อไปแล้ว”
“ข้าขอไว้อาลัยให้แก่ดินแดนที่จากไป…”
จากจุดศูนย์กลางของการระเบิด เงาร่างดำมืดปรากฏขึ้น มือหนึ่งอุ้มไข่ยักษ์สีทองแดง อีกมือหนึ่งถือกระต่ายที่กลายเป็นสีเทาดำพุ่งออกมา
สนมปีศาจที่หกมองไข่หงส์ที่ปรากฏตรงหน้า ตะลึงงันราวกับถูกสาป
“ข้างในนั่นคือผู่ตานจริงหรือ?”
“อาจารย์หลิง ท่านทำเตาระเบิดหรือ?” ฮวนฮวนเข้าไปใกล้หลิงเยว่ที่สภาพยับเยิน
“ฮวนฮวน เจ้ามาได้อย่างไร…” หลิงเยว่กำลังจะถาม แต่หางตาเหลือบเห็นเจ้าวังปีศาจที่ถูกมัดไว้ จากนั้นกวาดตามองดินแดนกระทิงที่เกิดการต่อสู้ขึ้น ไม่จำเป็นต้องถามก็พอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“ผู่… ตาน?” สนมปีศาจที่หกเรียกไข่หงส์ แต่ไม่มีการตอบสนองอย่างที่คาดไว้
“เขายังคงหลับใหลอยู่”
หลิงเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง “เจ้าเป็นใคร?”
“สนมปีศาจที่หก”
คำตอบของชิงหลงทำให้หลิงเยว่สูดหายใจเฮือก เขาชี้ไปที่สนมปีศาจที่หกที่ดูเหมือนหญิงบ้า พูดอะไรไม่ออกสักคำ
พวกเขาถึงกับจับตัวสนมปีศาจที่หกมา แล้วยัง ‘สั่งสอน’ นางจนเป็นเช่นนี้ หากผู้ที่อยู่ตรงหน้าโกรธขึ้นมา แล้วพาลูกน้องมาทำลายเผ่ากระทิงจะทำอย่างไร?
“อาจารย์หลิง นางจับตัวฮวนฮวนไว้!” ฮวนฮวนเริ่มฟ้องทันที
เด็กหญิงตัวน้อยพูดไปพลางอุ้มกระต่ายน้อยที่สกปรกไว้ในอ้อมอก แล้วเอาคางถูไถ
“กระต่ายน้อยน่ารักยิ่งนัก”
โม่จวินเจ๋อที่ถูกทรมานแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายชีวิต
“ท่านเป็นผู้ที่ผนึกดาวสิบเก้าแฉกให้ศิษย์พี่หรือ?”
สนมปีศาจที่หกหันไปมองหลิงเยว่ นางรู้จักผนึกดาวสิบเก้าแฉกด้วยหรือ!
“สิ่งที่ท่านกังวลนั้น ข้าได้จัดการทั้งหมดแล้ว เพียงแต่ระหว่างทางเกิดเหตุไม่คาดฝันเล็กน้อย ทำให้เขาต้องตายแล้วเกิดกลายเป็นไข่เช่นนี้…” หลิงเยว่พูดอย่างละอายใจขณะแก้มัดให้สนมปีศาจที่หก เมื่อเชื่อมโยงเรื่องราวเข้าด้วยกัน คงไม่ยากที่จะเดาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง
“เจ้าคนเดียว… คลายผนึกดาวสิบเก้าแฉกได้หรือ?” น้ำเสียงและสีหน้าของสนมปีศาจที่หกแสดงถึงความไม่อยากเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่สามารถมองระดับพลังของหญิงสาวตรงหน้า ผู้ที่อ้างว่าเป็นน้องร่วมสำนักของผู่ตานได้เลย!
การที่มองระดับพลังไม่ออก หมายความว่านางมีวรยุทธ์สูงกว่าขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลาย
กระดูกของนางยังไม่ถึงร้อยปี แต่มีระดับการบำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายหรือ!
เรื่องนี้ยากจะยอมรับยิ่งกว่าการที่บุตรชายของนางกลายเป็นไข่เสียอีก อีกฝ่ายต้องมีพรสวรรค์และโชคชะตาเช่นไรกันถึงได้มีระดับการบำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายในเวลาไม่ถึงร้อยปี!?
หากสนมปีศาจที่หกรู้ว่าไม่เพียงแค่หลิงเยว่ แต่โม่จวินเจ๋อก็มีระดับการบำเพ็ญขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายโดยสมบูรณ์ภายในร้อยปีเช่นกัน สีหน้าของนางคงน่าจดจำยิ่งกว่านี้แน่!
สีหน้าของเจ้าวังปีศาจก็แตกสลายเช่นกัน เมื่อก่อนตอนที่เขาเห็นหลิงเยว่ นางยังมีระดับการบำเพ็ญเพียงขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลาย แต่ตอนนี้เขากลับมองไม่ออกเลย ทั้ง ๆ ที่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น!
จากขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นกลางไปถึงขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายโดยสมบูรณ์ แม้จะดูเหมือนเพียงก้าวเล็ก ๆ แต่นี่คือหุบเหวอันกว้างใหญ่ที่ยากจะข้ามผ่านสำหรับผู้ฝึกตนทั้งหลาย นางมีโอสถวิเศษอะไรกันแน่!?
“ใช่แล้ว” หลิงเยว่พยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่าเป็นเพราะโม่จวินเจ๋อถูกใช้เป็นเครื่องมือพลังวิญญาณด้วย แต่นี่เป็นสิ่งที่พูดได้หรือ?
“ศิษย์พี่คงต้องใช้เวลาสิบถึงยี่สิบปีกว่าจะออกจากไข่ ท่านจะรออยู่ที่นี่หรือไปจัดการธุระของตัวเองก่อน?”
“ข้าจะพาเขาไป”
“ไม่ได้!”
สีหน้าของหลิงเยว่ที่เมื่อครู่ยังสุภาพเรียบร้อยเปลี่ยนไปในทันที แม้นางจะเดาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้บ้างแล้ว แต่นางไม่สามารถมอบผู่ตานในตอนนี้ให้กับอีกฝ่ายได้!
แม้จะแน่ใจว่ามีเหตุผลจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อมีครั้งหนึ่งย่อมมีครั้งที่สอง หากนางไม่อยู่เฝ้าที่นี่ ก็กลับไปเสียดีกว่า
“ข้าคือ…” สนมปีศาจที่หกเกือบจะหลุดปากพูดคำว่า ‘แม่’ แต่สติยังทำให้นางหยุดปากไว้ได้
“จะไม่มีใครพาเขาไปจากข้าได้!” หลิงเยว่ปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
แค่นางคนเดียว สนมปีศาจที่หกก็สู้ไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรเมื่อข้างกายหลิงเยว่ยังมีขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายโดยสมบูรณ์อีกสองคน และขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายอีกหนึ่งคน?
กองกำลังเช่นนี้ สามารถกวาดล้างวังปีศาจได้เลยทีเดียว!
ชิงหลงและเผ่าทิงมี่ยืนอยู่ทางซ้ายและขวาของหลิงเยว่ โม่จวินเจ๋อก็หลุดพ้นจาก ‘กรงเล็บปีศาจ’ ของฮวนฮวนและตกลงมาอยู่ในอ้อมกอดของหลิงเยว่
พวกเขาล้อมรอบผู่ตานไว้
“เจ้าต้องการทำสงครามหรือ?”
“หากท่านปรารถนา ข้าน้อยก็ยินดี”
หากสถานะของสนมปีศาจที่หกเป็นดังที่หลิงเยว่คิด การที่นางเรียกตัวเองว่าข้าน้อยย่อมไม่มีปัญหา เพียงแต่ในอนาคตเมื่อศิษย์พี่ของนางตื่นขึ้นมา และรู้ว่าพวกนางร่วมมือกันรังแกมารดาของเขา จะทำอย่างไรเล่า?
ขณะที่หลิงเยว่คิดว่าสนมปีศาจที่หกกำลังจะลงมือ นางก็หัวเราะขึ้นมา ด้วยดวงตาที่พึงพอใจ…
“การที่ผู่ตานมีศิษย์น้องร่วมสำนักที่คอยปกป้องเขาเช่นนี้ ข้าก็…วางใจแล้ว”
นางสามารถวางใจ และไปบุกหุบเหวปีศาจได้แล้ว
สนมปีศาจที่หกมองไข่หงส์อย่างลึกซึ้ง แล้วหันหลังจากไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
หลิงเยว่เพียงแค่มองนางเดินจากไปเงียบ ๆ “วันที่เขาฟักออกจากไข่ ข้าจะพาเขาไปพบท่านด้วยตนเองอย่างแน่นอน”
สนมปีศาจที่หกหันหลังให้ผู้คนและเผยรอยยิ้ม นางหวังว่าต่อไปเมื่อผู่ตานได้พบนาง เขาจะไม่ตกใจจนเกินไป
“เช่นนั้นข้าจะอดทนรออยู่ที่วังปีศาจแล้วกัน”
ขณะที่มองไปยังทิศทางที่สนมปีศาจที่หกจากไป หลิงเยว่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยถูกต้อง แต่นางยังหาจุดนั้นไม่พบ
บางทีนางอาจรู้สึกไปเองกระมัง?
…………….