ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 408 นางเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!
บทที่ 408 นางเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!
……….
บทที่ 408 นางเป็นอัจฉริยะจริง ๆ!
“พวกเจ้ารู้จักกันหรือ?”
เจ้าวังปีศาจมองร่างบางที่ค่อย ๆ จมหายไปในสายฟ้าและสายฝนปีศาจ ก่อนจะก้มหน้าถามฮวนฮวนด้วยความประหลาดใจ
“รู้จักสิ นั่นคือท่านอาจารย์ของฮวนฮวนเอง!”
ฮวนฮวนดูสดใสขึ้นทันทีเมื่อได้เห็นหลิงเยว่
“อาจารย์หรือ?”
มนุษย์จะสอนอะไรเผ่าปีศาจได้?
เจ้าวังปีศาจเริ่มสงสัยในตัวหลิงเยว่ อีกทั้งนางคงรู้จักกับเมล็ดพันธุ์ปีศาจด้วย เพราะสาวน้อยเผ่าปีศาจที่คอยปกป้องเมล็ดพันธุ์ปีศาจได้อยู่ข้างกายนางด้วย!
เจ้าวังปีศาจพยายามล้วงความลับจากปากฮวนฮวน แต่ชิงหลง สาวน้อยเผ่าปีศาจที่ถูกม่านพลังดีดกลับมา เตือนเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รู้มากไปจะไม่เป็นผลดีกับเจ้าหรอกนะ…”
ว่าแล้วนางก็พยายามแย่งตัวฮวนฮวนไป แต่เจ้าวังปีศาจหลบได้ทัน เขาเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “หากยังกล้าคิดจะแย่งลูกสาวของข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
ชิงหลงหัวเราะ ผู้อยู่ขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นปลายกล้าพูดจาโอหังต่อหน้านางหรือ?
ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เขาปกป้องฮวนฮวน ชิงหลงจึงไม่คิดเอาเรื่องกับ เจ้าวังปีศาจ ได้แต่ยืนกอดอกมองไปที่ม่านพลังนั้นอย่างสงบ
สายฝนปีศาจอันทรงพลังไม่ได้ดับสายฟ้าที่อยู่ในม่านพลังทันที แต่ความหนาของมันก็บางลงไม่น้อย แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ผู้ชมก็ไม่สามารถมองทะลุสายฟ้าเห็นสถานการณ์ข้างในได้ รวมถึงชิงหลงด้วย
หลิงเยว่ที่เข้าไปในม่านพลัง ไม่นานก็ตามกลิ่นอายของต้นกล้าทองคำเล็ก ๆ จนพบมังกรปีศาจที่อยู่ในสภาพย่ำแย่
กระดูกที่ยังไม่ได้รับการรักษาเต็มไปด้วยสายฟ้า เมื่อขับไล่สายฟ้าออกไป กระดูกมังกรสีม่วงเข้มก็ปรากฏขึ้นมา
“เอ๊ะ ไม่ควรจะเป็นสีดำหรอกหรือ?” หลิงเยว่ประหลาดใจ
น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบคำถามของนาง นางไม่ได้สืบค้นลึกซึ้ง เพียงแต่นั่งลงข้าง ๆ ยกมือทั้งสองขึ้น ปากท่องวิชาพึมพำ ตามการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ แสงรักษานับไม่ถ้วนผสมกับประกายทองเล็ก ๆ น้อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างของโม่จวินเจ๋อ
ลูกแก้ววิญญาณเกาะติดบนกระดูกสีม่วงเข้ม เพื่อรักษาเนื้อและเลือด โม่จวินเจ๋อที่หลับใหลอยู่ส่งเสียงถอนหายใจ แต่ยังไม่ตื่นขึ้นมา
แสงจากการรักษาเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้าปกคลุมโครงกระดูกมังกรยักษ์โดยตรง อีกทั้งยังมีสายฝนปีศาจรักษาเสริมพลังให้แสง อาการของโม่จวินเจ๋อดีขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจที่ขาด ๆ หาย ๆ กลับมาสม่ำเสมอ คิ้วที่ขมวดแน่นคลายออก
มังกรยักษ์สีดำที่เปล่งประกายสายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ตรงหน้าหลิงเยว่
หลิงเยว่มองด้วยความประหลาดใจ ยื่นมือลูบร่างมังกรตรงหน้าเบา ๆ เกล็ดมังกรเย็นเฉียบและมีไฟฟ้าสถิต…
“ระบบ ร่างกายของมังกรอสูรไม่ใช่สีดำล้วนหรอกหรือ? ทำไมสีถึงเปลี่ยนไปเล่า!”
ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปทั้งหมด ยังคงเป็นสีดำล้วน แต่แสงที่เปล่งออกมากลับเป็นสีม่วงเข้ม ช่างแตกต่างนัก!
[เขาไม่ใช่มังกรอสูรตัวจริง การเปลี่ยนแปลงถือเป็นเรื่องปกติ]
คำตอบของระบบช่างขอไปทีเหลือเกิน!
โม่จวินเจ๋อที่กำลังหลับใหลรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังลูบไล้ร่างกายของตน ขนตาของเขาสั่นไหว จากนั้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
ปรากฏเป็นดวงตาสีม่วงคู่หนึ่ง หลิงเยว่อุทานด้วยความตื่นเต้นแล้ววิ่งเข้าไปยื่นมือลูบดวงตาที่งดงามราวกับผลึกแก้ว
“สวยยิ่งนัก!”
“แม้แต่ดวงตาก็เปลี่ยนสี เจ้าทำอะไรลงไปถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเช่นนี้?”
โม่จวินเจ๋อปล่อยให้หลิงเยว่ลูบดวงตาของเขา เขายังคงจมอยู่ในความสุขที่ได้เห็นคนที่เขารักเป็นสิ่งแรกเมื่อตื่นขึ้นมา จนไม่ได้ยินว่านางถามอะไร
“ทำไม จำข้าไม่ได้อีกแล้วหรือ?” หลิงเยว่รอคำตอบอยู่นานจึงจับขนตายาว ๆ ของโม่จวินเจ๋อเบา ๆ นางไม่คิดว่ามังกรจะมีขนตา แถมยังเป็นแพสวยขนาดนี้ ทำให้คนอิจฉาจริง ๆ!
โม่จวินเจ๋อส่ายหน้าเบา ๆ “ข้าไม่คิดว่าคนแรกที่ข้าเห็นจะเป็นเจ้าต่างหาก”
“ดีใจจนเสียสติเลยล่ะสิ!”
น้ำเสียงของหลิงเยว่มีความภูมิใจเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นรู้สึกผิด “ข้าขอโทษ ข้าควรจะบอกท่านล่วงหน้าก่อน คงตกใจกับทัณฑ์สวรรค์สามสิบหกที่มาอย่างกะทันหันใช่ไหม?”
ที่จริงแล้วตอนนั้นนางกับระบบก็ไม่รู้ว่าโม่จวินเจ๋อจะได้รับพลังผ่านนางด้วยหรือไม่
“สามสิบเจ็ดสาย” โม่จวินเจ๋อแก้คำพูดทันที
“เหตุใดจึงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งสายเล่า?”
หลิงเยว่รู้สึกละอายใจยิ่งนัก แต่นางทำได้เพียงเอาใบหน้าถูไถหัวมังกรเพื่อปลอบประโลมอีกฝ่าย
“ข้าสร้างแก่นปราณอสนีขึ้นมาอีกหนึ่งสาย”
โม่จวินเจ๋อไม่ได้รังเกียจการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับหลิงเยว่แม้แต่น้อย กลับอยากให้นางลูบไล้มากกว่านี้ หากตอนนี้เขาอยู่ในร่างมนุษย์ก็คงจะดี…
ทั้งสองเล่าถึงประสบการณ์การเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ ท่ามกลางสายสายฝนปีศาจ เมื่อโม่จวินเจ๋อได้ยินว่าหลิงเยว่หยุดหายใจไปชั่วขณะ หากไม่ใช่เพราะลูกแก้ววิญญาณมาช่วยทันเวลา นางคงจะสิ้นใจไปแล้ว
“ลูกแก้ววิญญาณ?” โม่จวินเจ๋อมองไปยังลูกแก้วใสที่วนเวียนอยู่เหนือไข่มุกมังกรโดยไม่รู้ตัว นางหมายถึงมันใช่หรือไม่?
“ใช่แล้ว มันเก่งมาก!”
เมื่อได้ยินหลิงเยว่ชม มันก็ดีใจจนบินวนรอบไข่มุกมังกรเป็นวงกลม แน่นอนว่ามันเก่ง! ยิ่งตอนนี้ได้รับต้นกล้าทองคำจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก!
“ออกจากที่นี่ก่อนเถอะ รอกลับไปแล้วพวกเราค่อยคุยกัน” หลิงเยว่ยิ้มพลางตบศีรษะของโม่จวินเจ๋อเบา ๆ ร่างมนุษย์ของนางราวกับเม็ดฝุ่นเล็ก ๆ เมื่อแหงนมองขึ้นไปก็ยังมองไม่เห็นร่างมังกรทั้งตัวด้วยซ้ำ
โม่จวินเจ๋อส่งเสียงรับคำ เขาพยายามใช้แหวนเร้นกาย แต่กลับพบว่าแหวนแตกสลายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงพยายามเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ แต่ผลคือวิญญาณของเขาถูกกักขังอยู่ในร่างมังกร ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้
“แหวนของข้า… ก็แตกไปแล้ว ท่านไม่สามารถแปลงร่างได้เลยหรือ?”
โม่จวินเจ๋อส่ายหน้าอย่างจนปัญญา หลิงเยว่รู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตา นางทำอะไรลงไป ถึงเปลี่ยนชายหนุ่มหล่อเหลาให้กลายเป็นมังกรได้?
พลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับไม่สามารถแปลงร่างได้เช่นนั้นหรือ…
หลิงเยว่กำลังคิดจะไปที่ระบบแลกเปลี่ยนเพื่อซื้อแหวนเร้นกายอีกอัน แต่พบว่าค่าพลังวิญญาณไม่พอซื้อเลย!
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็นหนี้เผ่ากระทิงก้อนโต แต่ยังเป็นหนี้โม่จวินเจ๋ออีกด้วย…
“เจ้ายังมีหินปีศาจอยู่หรือไม่?”
“ขนาดแหวนเร้นกายยังแตกไปแล้ว หินปีศาจคงไม่เหลือ”
หลิงเยว่ครุ่นคิด เดินไปมาอย่างร้อนใจ
“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก โอกาสที่ข้าได้รับในครั้งนี้ หากจะใช้อะไรแลกคงไม่ได้” โม่จวินเจ๋อปลอบใจหลิงเยว่
แม้ชาตินี้จะไม่สามารถแปลงร่างได้ โม่จวินเจ๋อก็จะไม่โทษหลิงเยว่ เขา… เต็มใจ
จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะไม่รู้สึกผิด หากเขาเป็นคนปกติคงถูกฟ้าผ่าตายไปแล้ว!
“ข้ามีวิธี!” หลิงเยว่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางเชี่ยวชาญวิชาพรางตัวอยู่แล้ว จะต้องการแหวนเร้นกายไปทำไม?
โม่จวินเจ๋อก้มหน้ามองหลิงเยว่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าเขา แสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของนาง และไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของเขา
โม่จวินเจ๋อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในร่างกาย
เวลาผ่านไปทีละน้อย ร่างมังกรยักษ์หายไปเหลือเพียงต้นกล้าทองเล็ก ๆ บนพื้น
หลิงเยว่เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก อุ้มต้นกล้าทองบนพื้นขึ้นมาด้วยความยินดี นี่เป็นครั้งแรกที่นางใช้วิชาพรางตัวขั้นสูง ไม่คิดว่าจะสำเร็จในครั้งเดียว!
ถือเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง!
……….