ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 339 เจ้าเป็นตัวแทนมนุษย์ทุกคนได้หรือ?
บทที่ 339 เจ้าเป็นตัวแทนมนุษย์ทุกคนได้หรือ?
……….
บทที่ 339 เจ้าเป็นตัวแทนมนุษย์ทุกคนได้หรือ?
นางสนมปีศาจที่หกจ้องมองมังกรปีศาจที่หายลับไป รอยยิ้มจาง ๆ พลันผุดขึ้นบนใบหน้า พลางปาดหยาดเหงื่ออย่างไม่ใส่ใจนัก
ลมหายใจของมังกรปีศาจที่แท้จริงนั้นดูไม่มั่นคงนัก หรือว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจากแดนมนุษย์?
ตอนนี้มังกรปีศาจกลับมาแล้ว เรื่องราวคงจะสนุกขึ้นอีกเป็นแน่
ดวงตาของนางสนมปีศาจที่หกหรี่ลงเล็กน้อย พลันจับจ้องไปที่เมืองปีศาจหรือเมืองหลวงของแดนปีศาจ มังกรปีศาจไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะสิ่งที่นางสัมผัสได้จากเมืองหลวงนั้นสำคัญยิ่งกว่า นางต้องไปยืนยันให้แน่ชัดว่า… ใช่เขาหรือไม่?
โม่จวินเจ๋อบินวนไปรอบ ๆ ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขาย่อขนาดร่างกายลงจนเล็กราวกับไส้เดือนสีดำ แล้วเลื้อยกลับไปยังทะเลสาบอย่างเงียบเชียบ เขากลัวว่าพลังจะรั่วไหล จึงใช้แหวนเร้นกายแปลงร่างเป็นนกปีศาจจระเข้ แล้วบินตรงไปยังทะเลสาบอย่างเชื่องช้า
ไม่รู้ว่าหลิงเยว่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว? นางจะถูกเผ่าปลาหมัวอินจับไปแล้วหรือไม่?
เขาถ่วงเวลาไว้ประมาณสิบวันแล้ว นางน่าจะแสดงฝีมือได้เต็มที่แล้วกระมัง?
หลิงเยว่คิดในใจว่า โม่จวินเจ๋อถ่วงเวลามามากพอแล้ว แต่หากได้เวลาอีกสักสิบวัน นางอาจจะมีลูกน้องเพิ่มอีกมากก็ได้!
เมื่อมหาปุโรหิต ผู้นำเผ่าปลาหมัวอินและเหล่าปลานักรบเดินทางมาถึงเกาะกลางทะเลสาบ พวกมันก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยมาเตะจมูก กลิ่นหอมของเนื้อผสมผสานกับกลิ่นหวานแปลกประหลาดและกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพร
“กลิ่นหอมเช่นนี้มาจากพืชพันธุ์ใดกัน ปกติแล้วสมุนไพรปีศาจล้วนแต่มีกลิ่นเหม็นสาบทั้งสิ้น”
“ท่านผู้นำกลับมาแล้ว!”
“ท่านมหาปุโรหิตและเหล่านักรบกลับมาแล้ว!”
เมื่อเผ่าปลาหมัวอินบางตนยินดีก็มีบางตนที่ตึงเครียด ยกตัวอย่างเช่น หลิงเยว่…
ในเมื่อสองตนนั้นกลับมาแล้ว แล้วโม่จวินเจ๋อเล่า?
ปุโรหิตน้อยโยนมีดแล่ปลาลง แล้วรีบวิ่งออกไปต้อนรับพลางสั่งเหล่านักรบให้จับตาดูหลิงเยว่ไว้ ครั้งนี้ห้ามปล่อยนางหนีไปเด็ดขาด!
ไม่นานนักปุโรหิตน้อยก็พาผู้นำเผ่าปลาหมัวอินและมหาปุโรหิตเข้ามา
พวกมันเบิกตากว้างราวกับเห็นผีเมื่อเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของหลิงเยว่
ผู้นำเผ่าปลาหมัวอินชี้ไปที่หลิงเยว่ ด้วยความตกตะลึงสุดขีด “มนุษย์บุกเข้ามาในเขตแดนปีศาจได้รวดเร็วเช่นนี้เชียวรึ!”
“เป็นไปไม่ได้ ประตูเขตแดนปีศาจยังไม่เปิด นางต้องเป็นมนุษย์ที่หนีออกมาจากเมืองปีศาจแน่!”
มหาปุโรหิตปฏิเสธข้อสันนิษฐานของผู้นำเผ่า เมื่อครั้งที่ประตูใหญ่ของเขตแดนปีศาจถูกปิดลงอย่างรุนแรงโดยปีศาจ มนุษย์จำนวนไม่น้อยถูกกักขังอยู่ในเขตแดนปีศาจ บางคนกลายเป็นทาสของปีศาจ บางคนเลือกที่จะเข้าสู่วิถีมาร และยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้เป็นทาสหรือมาร แต่เลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในเขตแดนปีศาจแห่งนี้
มนุษย์ตรงหน้าไม่มีพลังมารแม้แต่น้อย และไม่มีร่องรอยการถูกทารุณกรรม แน่นอนว่าต้องเป็นมนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่!
ปุโรหิตน้อยและหลิงเยว่ฟังมหาปุโรหิตและผู้นำเผ่าคาดเดากันไปมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนกระทั่งพวกเขาคาดเดาไปไกลเกินความเป็นจริง ปุโรหิตน้อยจึงขัดจังหวะความคิดอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา
หลิงเยว่จึงเอ่ยปากในจังหวะที่เหมาะสม นางยิ้มพลางยื่นมือขวาออกไป “ข้าเข้ามาที่นี่โดยใช้หัวใจมังกรปีศาจบังคับเปิดช่องว่างของเขตแดนปีศาจอย่างลับ ๆ”
“หะ… หัวใจมังกรปีศาจ?” มหาปุโรหิตถึงกับพูดติดอ่าง
แล้วสิ่งที่พวกเขาไล่ตามก่อนหน้านี้คืออะไรกัน?
ทั้ง ๆ ที่มีกลิ่นของมังกรปีศาจเต็มตัว แม้แต่พลังก็เหมือนกันไม่มีผิด!
ผู้นำเผ่ากะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง ตอนนี้สมองของมันสับสนมาก สับสนจนไม่สามารถคิดอะไรออก
ในที่สุดปุโรหิตน้อยก็ออกโรง เล่าทุกอย่างที่หลิงเยว่พูดโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว รวมถึงเรื่องความร่วมมือด้วย
“เจ้าสามารถเป็นตัวแทนของแดนมนุษย์ทั้งหมดได้หรือ?”
ปลาผู้นำไม่ได้ต่อต้านเหมือนที่ปุโรหิตน้อยแสดงออก แต่กลับสังเกตหลิงเยว่อย่างละเอียด พิจารณาความเป็นไปได้ในการร่วมมือครั้งนี้
หากปีศาจในป่าแห่งนี้รวมตัวกันไม่สำเร็จ แต่ถ้าพวกมันมีพวกมนุษย์ทั้งหมดคอยหนุนหลังล่ะ?
ผู้นำของมนุษย์เคยทำให้ราชาปีศาจของพวกมันจมสู่การหลับใหลมาแล้วนี่!
“ข้าทำได้” หลิงเยว่พยักหน้าอย่างมั่นใจ
ผู้นำเผ่ากำลังจะตกลงร่วมมือ แต่ถูกมหาปุโรหิตขัดขวางไว้เสียก่อน มันใช้ทั้งสองมือดึงตัวปุโรหิตน้อยและผู้นำเผ่าหายไปจากสายตาของหลิงเยว่อย่างรวดเร็ว
หลิงเยว่ไม่รีบร้อน นางคิดว่าตอนนี้ทั้งสามคงกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่ง
พูดคุยทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ นานา แล้วโต้เถียงกันไปมาอย่างไม่ลงรอย คาดว่านางคงต้องรออีกนานกว่าจะได้รับคำตอบจากผู้นำเผ่าตัวนั้น
แท้จริงดั่งที่หลิงเยว่คาดไว้ ปลาทั้งสามกำลังสุมหัวอยู่ในถ้ำอันหรูหรา พวกมันต่างสาดถ้อยคำใส่กันอย่างไม่ยั้ง
“ท่านอาจารย์ ศิษย์เห็นต่างขอรับ เพียงแค่ย้ายออกจากป่า มิได้หมายความว่า เผ่าพันธุ์ของเราจะปลอดภัย สงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจนั้น ไม่ว่าย้ายไปที่ใด ล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น”
“จะย้ายหรือไม่ก็ช่าง แต่ข้าจะย้าย! ในฐานะหัวหน้าเผ่า ข้ามีหน้าที่ต้องล้างแค้นให้บรรพบุรุษที่ต้องกลายเป็นอาหารของมัน!” ดวงตาของหัวหน้าเผ่าปลาหมัวอินลุกโชนด้วยเพลิงแค้น แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏมันก็ยอม
“ย้ายก็ได้!” มหาปุโรหิตเองก็ร้อนรนไม่แพ้กัน การล้างแค้นเป็นหน้าที่ของหัวหน้าเผ่า ส่วนหน้าที่ของมันคือ ทำให้เผ่าพันธุ์ปลาหมัวอินมีทายาทสืบต่อไป!
หากราชาปีศาจทราบเรื่อง… ไม่สิ แค่แม่ทัพปีศาจก็เกินพอ หากรู้ว่าพวกมันไม่เพียงแต่ซ่อนมนุษย์ไว้ ทั้งยังคิดทรยศเผ่าปีศาจอีก นั่นคงเป็นหายนะครั้งใหญ่หลวง!
“ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ผู้นั้นบอกว่าสามารถเป็นตัวแทนของแดนมนุษย์ได้จริงหรือแค่หลอกลวงพวกเรา?!”
มนุษย์น่ะเก่งเรื่องหลอกลวงและตีสองหน้าที่สุด!
คำพูดนี้ดึงสติของหัวหน้าเผ่าปลากลับมาได้เล็กน้อย “จริงสิ มนุษย์ผู้นั้นดูยังเยาว์นัก นางมีปัญญาอันใด ถึงกล้าเป็นตัวแทนของแดนมนุษย์?”
“หรือว่า… นางต้องการใช้เผ่าพันธุ์ปลาหมัวอิน เป็นเครื่องมือในการต่อกรกับมังกรปีศาจ!”
ผู้นำเผ่าเริ่มลังเล มันต้องคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
มหาปุโรหิตและปุโรหิตน้อยที่ถูกขับไล่ออกมาได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เจ้าเชื่อคำพูดของมนุษย์ผู้นั้นจริงหรือ?”
มหาปุโรหิตไม่เชื่อแม้แต่น้อย มนุษย์ผู้นั้นไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนดีเลยสักนิด!
ที่สำคัญที่สุดคือ นางไม่เพียงแต่สามารถหลอกล่อให้เผ่าพันธุ์เดียวกันยอมสละเนื้อหนังของตนได้ แต่หลังจากที่สละเนื้อหนังไปแล้ว ยังได้รับความรู้สึกขอบคุณอย่างล้นหลาม กลอุบายช่างแยบยลยิ่งนัก!
มนุษย์เพียงคนเดียวก็สามารถหลอกลวงเผ่าพันธุ์ของมันจนขาเป๋ไปข้างหนึ่งได้ ถ้าหากมีเพิ่มมาอีกสักสองสามคน ชีวิตของพวกมันคงไม่เหลือแน่!
แบบนี้ต่างอะไรกับการเป็นเสบียงเล่า?
“ก็… เชื่ออยู่บ้าง…”
ปุโรหิตน้อยไม่กล้าพูดความจริงออกมาว่า แท้จริงแล้วหลังจากได้อยู่กับหลิงเยว่มาหลายวัน มันก็เชื่อมั่นในคำพูดของหลิงเยว่ทั้งหมด
มหาปุโรหิตดูเหมือนจะมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง มันจึงส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินจากไป
เขาจะไปพบกับมนุษย์ที่หลอกล่อทั้งเผ่าจนเดินกะเผลกนั่น ดูซิว่ามีมารยาอะไรกันแน่!
อีกทั้งเขาต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้าด้วย หากหัวหน้าเผ่าตัดสินใจร่วมมือกับมนุษย์จริง เขาจำเป็นต้องคัดเลือกปลาพันธุ์ดีกลุ่มหนึ่งออกจากทะเลสาบ เพื่อรับประกันว่าเผ่าปลาหมัวอินจะสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไปได้
มหาปุโรหิตเดินมาหาหลิงเยว่ด้วยสีหน้าเย็นชา
ในเวลานั้น ซาลาเปาเนื้อปลาผสมสมุนไพรที่หลิงเยว่เพิ่งคิดค้นได้สำเร็จก็ออกจากหม้อพอดี กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรกับกลิ่นเนื้อพลันลอยมาตามลม
“ท่านมหาปุโรหิต ลองชิมสักลูกไหม?”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเยว่ทดลองใช้สมุนไพรบดเป็นแป้งแล้วทำเป็นซาลาเปา
ซาลาเปามีสีดำสนิท แต่ไม่ได้ดูน่าเกลียด กลับกลมป้อมน่ากินทุกลูก ชวนให้ปลาน้ำลายไหล
มหาปุโรหิตลอบกลืนน้ำลาย แต่ไม่ขยับเขยื้อน
เขาไม่กินหรอก อย่าหวังจะใช้อาหารมาหลอกล่อ เขาไม่ใช่พวกเดียวกับเหล่าปลาหัวทึบรอบตัวนางหรอกนะ!
“หากเขาไม่กิน งั้นข้ากินเอง!” หัวหน้าปลานักรบกระโจนแย่งซาลาเปา แล้วกินเข้าไปคำโตต่อหน้าต่อตามหาปุโรหิต กลิ่นหอมของไส้ซาลาเปาที่ถูกซ่อนอยู่ภายในก็โชยออกมาทันที
หอม… หอมเหลือเกิน!
ดวงตาของหัวหน้าปลานักรบเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคี้ยวอย่างรวดเร็วก็ช้าลง เหมือนกลัวว่าหากกินเร็วเกินไปจะไม่อาจสัมผัสรสชาติแสนอร่อยในปากได้
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลิงเยว่เอ่ยถามด้วยความคาดหวัง สายตาจ้องมองไปที่แผงภารกิจอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยรอคอยให้เลขสองเปลี่ยนเป็นเลขสาม!
……….