ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 841 เปิดประตู ส่งอาหาร
ตอนที่ 841 เปิดประตู ส่งอาหาร
……….
แก้วไวน์แดงแกว่งไปมาด้วยสีสันทำให้มึนเมา สะท้อนใบหน้าสวยละเอียดอ่อน ชายหนุ่มไล้นิ้วไปปลายแก้วพลางส่ายเบาๆ เนื่องจากโคมระย้าด้านบน ทำให้ในแก้วระยิบระยับเปล่งประกายแวววาวแปลกๆ ขณะเดียวกัน กลิ่นฉุนแสบขึ้นจมูกไม่น้อยไปกว่าการระเหยของแอลกอฮอล์
ผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมอาบน้ำเดินเข้าไปในห้องรับแขก เมื่อเห็นการกระทำของชายหนุ่มจึงพูดอย่างเหยียดหยาม “ได้แค่นี้หรือ”
“ก็ได้แค่นี้ไม่ใช่หรือ”
ชายหนุ่มไม่ทกสะท้าน จิบของเหลวในแก้วและเม้มปากพูด “ถูกขังในนี้มานานหลายสิบปี เฝ้าคอยคำนึงถึงรสชาติชวนสดใหม่แบบนี้ น่าเสียดายที่ทั้งสามคนประจำเดือนไม่มา เลือดแบบนั้นต่างหากที่ดึงดูดข้าที่สุด”
“งานอดิเรกโรคจิตประเภทนี้ของเจ้าช่างเข้าใจยากเสียจริง กลืนเลือดแก่นแท้แล้วก็แล้วไป พวกเรายังต้องการมันเพื่อชดเชยการขาดดุลในอดีต แม้แต่กากไร้ค่าด้านล่างเจ้าก็จะเอา ไม่รังเกียจว่ามันสกปรก”
“หมู แกะ วัวก็สกปรกนี่ มนุษย์บนโลกก็กินพวกมันนี่นา” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและแบมือพลางเอ่ย “มาสิ ร่าวเจ้าดูดีมากจริงๆ บังเอิญว่าร่างนี้ของข้าก็ร่ำรวยมั่งคั่งเสียด้วย มานี่สิ ทำให้ข้ารู้สึกดีหน่อย”
‘วืด!’ แสงเย็นสว่างวาบ!
“ซี๊ด…”
‘เผละ!’
หญิงสาวหันหลังกลับเดินไปห้องรับแขกและหยิบขวดน้ำแร่มาขวดหนึ่งแล้วมองดูสิ่งสกปรกกองเต็มข้างโต๊ะแล้วพูดขึ้น “กินไม่ได้ก็อย่ากิน หรือกินช้าลงหน่อย กินไปอ้วกบนพื้นไป น่าขยะแขยง!”
“เฮ้อ ข้าว่านะอาเหยา ออกมาทีหนึ่งไม่ง่ายเลย ขอทำตามใจตัวเองหน่อยไม่ได้หรือ”
“ใช่แล้ว อาเฟิงพูดถูก กว่าจะได้ขึ้นมาแต่ละทีไม่ง่ายเลย ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วเราก็ต้องปลดปล่อยไปพร้อมๆ กัน พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ยมโลกติดหนี้บุคคลสำคัญอย่างเราเชียวนะ! อยากให้ม้าวิ่งแต่ก็อยากให้ม้าเลิกกินหญ้า เรื่องดีๆ แบบนี้มีไหนกัน”
ที่ราวบันไดชั้นสอง
ชายวัยกลางคนถือหนังสือโบราณอยู่และกำลังอ่านอย่างออกรสออกชาติ
“ถูกต้อง อาเผิงช่างเข้าใจข้า จะว่าไปไม่ได้ขึ้นมาตั้งหลายปี บนพื้นดินนี่เปลี่ยนไปมากจริงๆ”
“ข้าแทบจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ”
อาเหยาวางขวดน้ำลงแล้วแค่นเสียง “ไม่ใช่แค่พื้นดินที่จำไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงข้างล่างนั่นต่างหากที่ยิ่งทำให้จำไม่ได้
หัวหน้าใหญ่ถูกปราบ พวกเราถูกขังไปไม่กี่ปี ยมโลกกลับกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ท้ายที่สุดก็ต้องใช้พวกเรากลุ่มนี้ออกมาเก็บกวาดให้อยู่ดี”
“หากพวกมันไม่กากเอง เราจะมองเห็นแสงตะวันอีกครั้งได้อย่างไร” อาเผิงจรดนิ้วโป้งบนปากชุบน้ำลายนิดหน่อยและเปิดหน้าต่อไปและพูดต่อ “ดูเหมือนว่าหน่วยเล็กๆ หลายหน่วยพบตำแหน่งต้นกำเนิดหาวจื้อแล้ว หน่วยที่หนึ่งยังทำสำเร็จ เราก็ต้องเร่งมือหน่อย”
“นี่มันก็ช่วยไม่ได้ ทั้งๆ ข้อความที่ส่งมาบอกว่าต้นกำเนิดหาวจื้ออยู่ในทงเฉิงเพียงหนึ่งหรือสองคนแท้ๆ แต่พวกเราตามหามาตั้งสองวันแล้ว นอกจากจะกำจัดผู้ลักลอบออกมาไปด้วยแล้ว ผู้แปรพักตร์ที่ตามหาจริงๆ ก็ดูเหมือนจะหายไปด้วย ข่าวสารส่งมาถูกต้องหรือไม่ ไหนจะผู้ลักลอบหนีในแดนมนุษย์มากจนเกินไปนั่นอีก ฝั่งยมโลกทะลุจนกลายเป็นตะแกรงแล้ว จุ๊ๆ”
“ข่าวสารไม่น่าจะผิดพลาด” อาเหยาพูดตรงๆ “คนที่ส่งข่าวออกมา เดิมทีก็เป็นหนึ่งในผู้นำหาวจื้อออกมา”
“เจ้านั่นไม่เลวเลย ดูน่าสนใจ บางทีสามารถเอาเข้ามาอยู่ในหน่วยบังคับใช้กฎหมายของเราได้”
“เขาไม่ได้วิปริตอย่างเจ้า”
“ช่างปะไร หลังเข้าร่วมหน่วยบังคับใช้กฎหมายของเราก็เข้าเมืองตาหลิ่วเอง ฮ่าๆๆ ข้ามั่นใจเต็มเปี่ยม”
“ไว้ค่อยหาอีกวัน หากพรุ่งนี้ไม่ได้อะไรเลยอีก พวกเราก็ค่อยออกจากทงเฉิงไปตามล่าเป้าหมายอื่น จะให้หน่วยอื่นทำกำไรต่อไปเรื่อยๆ ส่วนหน่วยเราเอาแต่สันหลังยาวอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ผู้บังคับบัญชาจะคิดว่าเราจงใจละเลย”
“ได้ๆๆ ฟังเจ้า ฟังเจ้าก็ได้ จะว่าไปแล้ว ข้าก็ยังเล่นสนุกไม่พอ” อาเฟิงยิ้มกะล่อนและเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รังเกียจว่าหญิงสาวเพิ่งจะตัดอัณฑะของตัวเองออก
“วันนี้โควต้าเต็มแล้ว” อาเผิงอยู่ราวบันไดชั้นสองพลิกกระดาษไปอีกหน้า “โควต้าในหนึ่งวันก็มากได้แค่นี้ มากเกินกว่านั้นจะเกิดปัญหาเอาได้ ในเมื่อพวกเราถูกปล่อยออกมาแล้ว น้ำน้อยๆค่อยๆไหล แต่ไหลได้นานก็พอแล้ว”
“เหลวไหล!”
อาเฟิงเงยหน้าขึ้นด้วยความไม่พอใจและต่อว่าอาเผิงบนชั้นสองว่า “ชาติก่อนเมียเจ้าถูกขายให้หอนางโลม ถึงได้โกรธเกลียดหญิงสาวขายเนื้อหนังมังสาขนาดนี้ ข้าว่านะเจ้าป่วยการแล้ว ข้าไม่อยากได้เลือดของหญิงสาวประเภทนั้น ดื่มแล้วมักจะทำให้รู้สึกขยาด!”
อาเผิงไม่สนใจ
“จะว่าไป ข้าล่ะสงสัยเหลือเกิน ตอนนั้นไม่ใช่เจ้าที่ขายเมียให้หอนางโลมด้วยตัวเองหรอกหรือ แล้วเจ้าเกลียดหญิงสาวพวกนั้นไปทำไม”
“หรือจะให้ข้าเกลียดตัวเองเล่า” อาเผิงชี้หน้าตัวเองแล้วถามขึ้น
อาเฟิงลังเลครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าพูด “ก็จริง แน่นอนว่าเกลียดตัวเองไม่ได้ ก็ได้ ข้าเข้าใจเข้า แต่เหยื่อสำหรับพรุ่งนี้ข้าจะเป็นคนเลือกเอง! ข้าอยากเลือกพวกเด็กๆ เลือดของเด็กถึงจะบริสุทธิ์จริง ไม่สกปรกแบบนั้น”
อาเผิงปิดหนังสือ ส่ายหน้าและพูด “ไม่ได้ ยุ่งกับเด็กเป็นอันตรายต่อสมดุลธรรมชาติ เจ้าอยากยุ่งก็ได้แต่จำนวนต้องลดลงครึ่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นข้ารับมือไม่ไหว เจ้ารู้หรือไม่ว่าการสลายหนี้มันเหนื่อยแค่ไหน”
“เช่นนั้นข้าขอคิดดูก่อน”
อาเฟิงกลับมานั่งบนโซฟา โน้มตัวหยิบลูกอัณฑะที่เพิ่งเตะไปกระแทกผนังและเด้งกลับมาหาเขาขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือและหมุนมันเหมือนเม็ดลูกประคำวอลนัท
หมุน
หมุน
หมุน
“เฮ้ เจ้าว่าหมุนเจ้าของพรรค์นี้นานๆ จะหมุนให้แตกเลยว่างั้น”
อาเหยาขี้เกียจสนใจเขาจึงเดินกลับห้องตัวเอง
อาเฟิงเม้มปาก
ในตอนนี้เอง กริ่งประตูดังลั่น
อาเฟิงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าถาม “อาเผิง เจ้าสั่งอาหารมาอีกแล้วหรือ”
“ไม่นี่ อาเหยาน่าจะเป็นคนสั่งละมั้ง”
“อ้อ เจ้าลงมาหน่อย ข้าจะไปเปลี่ยนกางเกง”
กางเกงอาเฟิงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
อาเผิงพยักหน้า เดินลงบันไดไปถึงหน้าประตู มองผ่านจอภาพเห็นชายหนุ่มสวมชุดสีน้ำเงินยืนอยู่หน้าประตู
“ใครน่ะ” อาเผิงถาม
“เปิดประตู มาส่งอาหาร”
…………………………………………………………………..