ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 840 ขี้เกียจทิ้งขยะ
ตอนที่ 840 ขี้เกียจทิ้งขยะ
……….
หลังจากขึ้นรถแล้ว โจวเจ๋อนั่งเบาะหลัง เหล่าจางขับรถ ทนายอันนั่งข้างคนขับ
หลังจากเหล่าจางสตาร์ทรถและรถขับออกไปได้สิบนาที ภายในรถก็ยังเงียบกริบ เหล่าจางและทนายอันที่นั่งด้านหน้าแอบชำเลืองมองเถ้าแก่ผ่านกระจกมองหลังเป็นครั้งคราว แต่ทว่า เถ้าแก่เอาแต่สูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า ไม่พูดไม่จา
มองไม่เห็นว่าความยินดียินร้ายของเขา และมองไม่เห็นอารมณ์ในตอนนี้ของเขาด้วย
ทนายอันนั่งตัวตรง อยากจะพูดอะไรสักหน่อยเพื่อคลายบรรยากาศในตอนนี้ แต่ก็รู้สึกว่าพูดอะไรไปตอนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เหมาะสม จึงเอาแต่เงียบและเงียบ
เหล่าจางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความเสียงไปหาลูกน้องของเขาพร้อมถามรายละเอียดสถานที่แล้วก็วางโทรศัพท์ลง
ฝ่ามือของเขามีแต่เหงื่อ เอนหลังพิงเบาะแล้วรู้สึกไม่สบายเหมือนมีเข็มหมุดทิ่มแทงหลัง
ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าต่างก็ย่อมรู้ดีว่านิสัยของเถ้าแก่เป็นแบบไหน ก่อนหน้านี้ตัวเถ้าแก่เองก็บอกว่าให้เข้าใจชัดเจนแล้ว ให้ทุกคนอยู่ในร้านหนังสืออย่างสบายใจไปสักพัก รอจนพายุฝนฟ้าสงบลงก่อนแล้วค่อยออกมาโลดแล่นกันใหม่ แต่หลังจากฟังเหตุผลของทนายอันแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาและพูดแค่นั้น
จัดการพวกมันสิ
ทนายอันหรี่ตา เมื่อจุดบุหรี่ก็แสร้งทำเป็นเช็ดๆ หางตาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อก่อนแขวะเถ้าแก่ว่าเค็ม แขวะเถ้าแก่ว่าขี้เกียจ ไม่แสวงหาความก้าวหน้า ไม่ทะเยอทะยาน วันๆ เอาแต่อยากนอนจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงนั้น แต่ความจริงแล้ว ไม่ได้หมั่นไส้เขาเป็นจริงเป็นจังสักเท่าไรและในตอนนี้เวลานี้ ทนายอันต้องยอมรับว่า ตัวเองซาบซึ้งใจเข้าแล้วจริงๆ
โดยเฉพาะประโยคนั้น มันเท่ระเบิดจนหูเขาหนวก
ฮู่ว…
หายใจลึกๆ หายใจเข้าลึกๆ
คล้ายกับวีรบุรุษอย่างโจโฉไม่สวมรองเท้าออกมาต้อนรับคุณ และตัวอย่างเช่นตัวละครอย่างเล่าปี่ทุ่มอาโต่วกระแทกลงไปต่อหน้าทุกคน
ซาบซึ้งหรือ
จริงๆ แล้วความประทับใจมีข้อจำกัด ภาพลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับของตัวละครนั้นๆ มีอยู่จริงและมันได้ลดผลกระทบที่แท้จริงในสิ่งที่พวกเขาทำไปตั้งนานแล้ว
แต่ทว่า เถ้าแก่ของพวกเขาตรงนี้ดันตรงกันข้ามนะสิ
เหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งเต็มใจเอาเงินที่ตัวเองเก็บตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัยและทำงานหลายปีประมาณสามแสนหยวนมาดาวน์และผ่อนบ้านไปพร้อมๆ กับคุณ แต่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งขอให้พ่อแม่จ่ายเงินสดซื้อบ้านแล้วใส่ชื่อของคุณ คุณจะซาบซึ้งให้กับคนไหนจริงๆ กันแน่
เพียงแต่ลูกผู้ชาย ไม่พูดเรื่องซาบซึ้งกันหรอก มันหน่อมแน้มเกินไป อีกอย่างคนก็ตายไปแล้ว จะเล่นเผยความรู้สึกที่แท้จริงตามความหมายจริงๆ ทำไม่ได้หรอก
เถ้าแก่โจวโยนบุหรี่ทิ้งออกนอกหน้าต่างอย่างไร้คุณธรรม เขายืดเหยียดบิดขี้เกียจขณะนั่งอยู่เบาะหลัง จริงๆ เขารู้สึกเสียใจมาก ทำไมเขาต้องลงมารินน้ำใส่แก้วด้วย
นี่ถือว่าพูดไม่คิดใช่ไหมเนี่ย
ถ้าไม่ลงมารินน้ำแก้วนี้ ตอนนี้เขาก็คงนอนกกกอดอิงอิงและหลับตาพริ้มสินะ แต่ในเมื่อรู้เรื่องแล้ว อยากจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เถ้าแก่โจวก็ทำไม่ลงจริงๆ
อันที่จริง สาวน้อยผิวเข้มที่ปลูกผักในสวนข้างบ้านมองทะลุนิสัยใจคอเถ้าแก่โจวมานานแล้ว เย็นชาบ้าง แต่เขาจะปกป้องคนที่เขาเห็นว่าเป็นคนของตัวเองจริงๆ แน่นอน
ต่อมาเดดพูลถึงได้อุทิศตัวอย่างโง่เขลาตัวเองช่วยรักษาบาดแผลให้ ‘พ่อ’ ในหลายต่อหลายครั้ง ไม่ขอสิ่งใดตอบแทน และไม่มีท่าทีหักหลังใดๆ จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับการทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งการพูดและการกระทำของสาวน้อยผิวเข้มเลยก็คงจะพูดยาก
แต่ความเป็นจริง เดดพูลก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน อักขระที่สืบทอดมาแต่โบราณบนตัวอิ๋งโกว แต่จะขุดดินเป็นเวลาหมื่นปีก็ไม่สามารถขุดขยะทองคำออกมาได้
เถ้าแก่โจวหยิบขวดน้ำแร่จากร้านสะดวกซื้อมาเปิด ดื่มไปก็ขำไป
ทนายอันนี่น่าสนใจมากจริงๆ ศัตรูฆ่า ‘ภรรยา’ ตัวเองอยู่ทงเฉิงแล้วดันอดทนไม่ลงมือได้อีก ทั้งยังอยากกอบกู้ประเทศผ่านเหล่าจางอีกต่างหาก
โจวเจ๋อรู้ว่าทำไมทนายอันถึงยอมทน จริงๆ เขารู้ว่าสามารถสร้างเหตุผลที่เหมาะสมกว่านี้ได้แต่งเรื่องให้โอเวอร์กว่านี้ได้เพื่อให้ตัวเองฮึกเหิม จนคนในร้านหนังสือช่วยเขาหาทางแก้แค้นสุดฤทธิ์ แต่เขากลับไม่ทำอย่างนั้น และด้วยเหตุนี้ โจวเจ๋อถึงไม่มีเหตุผลแสร้งทำเป็นว่าเขาได้ยินแต่ไม่ได้ยิน ไม่ว่าเรื่องไหน ความเป็นจริงต่างก็ต้องช่วยเหลือกัน
ในที่สุด รถก็แล่นมาจอดที่เชิงเขา
ความเงียบที่กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในรถก็สิ้นสุดลงในที่สุด
ภายใต้การนำของเหล่าจาง โจวเจ๋อและทนายอันผ่านเส้นกั้นที่ตำรวจวางไว้ เนื่องจากที่นี่นอกจากจะมีแต่วิลล่าระดับไฮเอนด์ไม่กี่แห่งแล้วก็ไม่มีพื้นที่อื่นๆ ที่มีประกรหนาแน่น บวกกับเป็นเวลาดึกดื่นด้วย ดังนั้นกลุ่ม ‘ผู้ชม’ หรือ ‘จีนมุง’ ที่มีอยู่ทั่วทุกที่ขาดหายไป
ศพถูกเก็บออกมาแล้ว เป็นการเก็บออกมาจริงๆ ไม่ใช่การหาม ต่างกันตรงที่ใช้กำลัง
ในเต็นท์
แพทย์นิติเวชสองคนมีคนสูงวัยหนึ่ง หนุ่มสาวคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น หลังจากโจวเจ๋อและคนอื่นๆ เดินเข้ามา แพทย์นิติเวชทั้งสองก็ทักทายเหล่าจาง พวกเขาไม่ได้สนใจโจวเจ๋อและทนายอันทั้งสองคนที่เหล่าจางพามามากนัก
ช่วงเวลานี้ก็ไม่เหมาะกับการรู้จักและหาเพื่อน
แพทย์นิติเวชสองคน คนหนึ่งเป็นชายสูงวัยอายุหกสิบต้นๆ และผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าสามสิบปี
สายตาโจวเจ๋อหยุดอยู่ที่แพทย์นิติเวชหญิงอยู่พักหนึ่ง แพทย์นิติเวชหญิงน่าตาดีทีเดียว มุมปากมีไฝสาวงามอยู่หนึ่งเม็ด เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก แน่นอนว่าโจวเจ๋อมองเธอไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ของเธอ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่นั่งเครื่องบินจากหรงเฉิงกลับทงเฉิง ทนายอันคุยกับเขาเรื่องเครื่องแบบ ทนายอันบอกว่าเขาชอบสีขาวมาตั้งแต่เด็กๆ และมักจะรู้สึกว่าสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์อันสูงส่งและไร้ที่ติ และมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่อาจบรรยายได้ ดังนั้น เขาชอบเป็นแฟนกับพยาบาลหรือไม่แพทย์หญิงเหล่านั้นมาก
ชุดเครื่องแบบยั่วยวนจิตใจ ดั่งถูกต้องมนตร์ที่ผู้ชายต้านทานได้ยาก!
โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนนั้นเขาตอบกลับไปประโยคหนึ่ง
แพทย์นิติเวชหญิงก็ตรงตามเงื่อนไขคุณเหมือนกัน
ตอนนั้นทนายอันถึงกับสำลักไอโขลกๆ
ตอนนี้เอง โจวเจ๋อก็พบว่าทนายอันกำลังมองมาที่เขาเช่นกัน ในดวงตาคนทั้งสองฉายแววรู้ทันในเวลาเดียวกัน
เพราะเหตุนี้แพทย์นิติเวชหญิงจึงเหลือบมองทั้งสองคน เพราะเธอรู้สึกว่าคนทั้งสองที่หัวหน้าพามาดูไม่เหมือนตำรวจ แต่ถ้าเป็นคนจากอาชีพอื่น เมื่อเผชิญหน้ากับศพทั้งสามที่มีรูปแบบการตายผิดแปลกแล้วยังชิลล์ได้ถึงขนาดนี้ช่างน่าแปลกใจจริงๆ
เอาจริงๆ ก็พบเจอมาทุกรูปแบบทุกสถานการณ์ ณ จุดนี้นับว่าเป็นเพียงฝนตกปรอยๆ สำหรับโจวเจ๋อและทนายอันจริงๆ
ทนายอันย่อตัวนั่งลงข้างศพและเริ่มตรวจสอบศพ แพทย์นิติเวชหญิงยื่นถุงมือให้เขา เขาส่ายมือ ไม่เอาและไม่ได้เอื้อมมือไปสัมผัสร่างกายศพ ที่ย่อตัวนั่งลงมาก็แค่อยากจะดมกลิ่น
อืม
เมื่อยืนยันว่าถูกต้องแล้ว เป็นกลิ่นนี้นี่แหละ!
“ผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงทั้งสามคน อายุระหว่าง 25 ถึง 35 ปี” แพทย์นิติเวชสูงวัยเอ่ยพูด “เหลือเพียงท่อนบนเท่านั้นที่เก็บรักษาศพได้สมบูรณ์ แถมยังมีศพอีกสองคนที่เหลือเพียงส่วนหน้าอกขึ้นไปและอีกศพเหลือแค่หัว”
“อาชีพในประจำของผู้เสียชีวิตทั้งสามรายยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ แต่มีแนวโน้มว่าจะทำงานกลางคืนอย่างเช่น พาร์ทไทม์รับรองแขก” แพทย์นิติเวชหญิงพูด
“คุณมองเรื่องนี้ออกด้วยเหรอครับ ท่อนล่างหายไปนี่นา” ทนายอันถามด้วยความประหลาดใจ
แพทย์นิติเวชหญิงเมินทนายอันและกล่าวรายงานเหล่าจางต่อ “ร่างของพวกเธอได้รับความเสียหายร้ายแรงมาก ตอนนี้มีข้อสงสัยว่าอาจจะมีการใช้สารกัดกร่อนบางชนิด แต่กระเป๋าถือและเสื้อผ้าของพวกเธอยังอยู่ครบ เบาะแสที่ฉันสันนิษฐานมาจากของที่อยู่ในกระเป๋าพวกเธอค่ะ”
“อืม ลำบากแล้ว”
โจวเจ๋อและทนายอันเดินออกจากเต็นท์ก่อน ทนายอันเลียริมฝีปากและพูด “เถ้าแก่ ตอนนี้พวกมันน่าจะยังอยู่แถวๆ นี้ แถมอยู่ใกล้มากๆ ด้วย”
โจวเจ๋อพยักหน้าพูด “รู้สึกเหมือนกัน”
“เถ้าแก่เฉียบมาก!” ทนายอัน
โจวเจ๋อส่ายหัวอย่างเอือมระอาและพูด “มาจนถึงป่านนี้แล้ว คุณช่วยจริงจังกว่านี้ได้ไหม”
“ผมไม่กล้าจริงจังเกินไป ไม่อย่างนั้นผมกลัวควบคุมตัวเองไม่ได้น่ะ”
“ลองตามหาบริเวณวิลล่าใกล้ๆ แถวนี้ดูก่อน” โจวเจ๋อพูด
ตอนนี้เอง เหล่าจางก้มออกมาจากเต็นท์ด้วยและได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของโจวเจ๋อและพูดด้วยความสงสัย “ง่ายขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“เหล่าจาง ตอนนี้คุณเป็นยมทูตไม่ใช่คน ฉะนั้นคุณต้องเปลี่ยนมุมมอง หากคนธรรมดาทำอะไรแบบนี้ก็จะต้องตกใจกลัวและวิ่งหนีเตลิดให้ไกลที่สุดแน่ๆ แต่พวกมันต่างออกไป พวกมันไม่กลัวตำรวจและไม่กลัวกฎหมาย กระทั่งคนพวกนั้นยังเพิกเฉยต่อกฎบางอย่างขอยมโลกด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นทำไมพวกมันต้องหนีด้วย พวกมันไม่หนีไม่ว่า แต่จะไม่มีความคิดเหมือนคนร้ายคนอื่นที่เป็นกระต่ายไม่อยากกินหญ้าข้างรัง หากผมเป็นพวกมัน…”
ทนายอันพูดพลางชี้ไปที่บริเวณวิลล่าทางทิศตะวันตกตรงเชิงเขาหลางซาน “หากผมเป็นพวกมัน ผมคงขี้เกียจแม้กระทั่งถ่อไปหาเหยื่อไกลๆ จะลำบากขนาดไหนล่ะ”
“ตรวจเฝ้าระวังบริเวณวิลล่า ดูว่ามีคนต้องสงสัยหรือเปล่า อีกอย่างให้ตรวจสอบบันทึกการเข้าออกพนักงานส่งอาหาร ที่นี่อยู่ห่างไกลขนาดนี้ คนอาศัยในบริเวณวิลล่าก็น่าจะมีไม่มากและปริมาณที่สั่งอาหารก็น้อยตามลงไปด้วย สังเกตปริมาณอาหาร น่าจะไม่ใช่น้อยๆ อย่างต่ำก็สามชุด”
หลังจากทนายอันพูดจบก็มองเหล่าจาง “แน่นอนว่าสามารถค้นหาเบาะแสจากเหยื่อทั้งสามรายนี้ ดูว่าพวกเธอเคยไปที่ไหนมาหรือเปล่า แต่ผมไม่คิดว่าจะพบสิ่งมีค่าใดๆ จากพวกเธอหรอก”
“ทำไมครับ” เหล่าจางรู้สึกว่าประสบการณ์ 20 ปีในกองตำรวจของเขาโยนให้สุนัขกินไปหมดแล้ว แนวทางความคิดแก้ไขคดีในอดีตต้องถูกล้มล้าง
โจวเจ๋อพูดต่อ “เพราะว่าถ้าผู้หญิงทั้งสามทำอาชีพนั้นจริงๆ พวกคนหน่วยบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นไม่น่าจะนอนกลางดินกินกลางทราย มีแนวโน้มว่าจะหาสภาพแวดล้อมสะดวกสบายอยู่มากกว่า หากผู้หญิงทั้งสามคนนี้เป็นคนที่พวกมันนัดมาละก็ ไม่ว่าพวกมันจะได้รับความรู้สึกสุขสมปลดเปลื้องทางกาย หรือต้องการแค่กระตุ้นการดูดซึมอาหารเลือดอย่างเดียว มีสิ่งหนึ่งที่น่าจะใช่แน่ๆ”
“เอ่อ คืออะไรครับ” เหล่าจางอยากจะหยิบสมุดโน๊ตของตัวเองออกมาจดเอาไว้เหลือเกิน
“เพราะว่า…” โจวเจ๋อหันกลับไปมองคูน้ำที่พบศพก่อนหน้านี้แล้วพูดต่อ “เพราะว่าพวกมันน่าจะขี้เกียจทิ้งขยะน่ะ”
…………………………………………………………..