ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 247 ฉันลืมไป
ตอนที่ 247 ฉันลืมไป
ซุนเค่อวั่งที่แทบจะหลุดเข้าสู่สภาวะความผิดปกติทางจิตถูกสวี่ชิงหล่างใช้ผ้าอุดปากอีกครั้ง จากนั้นสวี่ชิงหล่างจึงจุดบุหรี่หนึ่งมวน เดินมาที่หน้าประตู ซึ่งโจวเจ๋อยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว
“ยากที่จะจินตนาการมาก เพราะเรื่องแบบนี้ ถึงกับต้องฆ่าแม่ของตัวเอง ศพเดินได้ที่โผล่ออกมาตอนแรกเริ่ม คือคนที่ได้ฉายาว่าลูกชายคนที่สาม ที่ชอบช่วยเหลือคนมาก แต่เขาดันมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้เหมือนกัน ช่วยไอ้คนแซ่ซุน ฆ่าแม่ของเขา ช่างเป็นคนดีของหมู่บ้านนี้จริงๆ”
“มีอะไรที่ยากจะจินตนาการ” โจวเจ๋อเขี่ยบุหรี่ในมือ “เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอ นายคิดว่ามีแต่ตระกูลคนร่ำรวยที่สนใจชื่อเสียงของตัวเองเท่านั้นเหรอ”
“อะไรนะ”
“ราชวงศ์ในสมัยโบราณ สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อปิดบังข่าวฉาวของตัวเอง ฆ่าคนปิดปากเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย แต่ก็ ไม่อาจพูดว่าพอให้อภัยได้ ทว่าอย่างน้อยพวกเรายังพอเข้าใจ แต่ในความเป็นจริง ครอบครัวที่ยิ่งเล็ก ยิ่งรักหน้าของตัวเองมาก ถึงแม้ในสายตาของคนอื่นมันจะไม่มีหน้าตาเลยก็ตาม และยิ่งเป็นสถานที่กันดารล้าหลังก็ยิ่งให้ความสำคัญกับกฎพวกนี้ ในประเทศจีนจนป่านนี้แล้วยังมีหลายพื้นที่ที่ผู้หญิงไม่สามารถกินข้าวร่วมโต๊ะได้ โดยเฉพาะเวลาที่แขกมาบ้าน ผู้หญิงบ้านไหนที่เป็นเด็กดีรู้จักเอาใจใส่จะถูกมองว่าเป็นเรื่องที่มีหน้ามีตามาก
แม่ของเขาตั้งท้อง สำหรับซุนเค่อวั่งแล้ว ไม่ด้อยไปกว่า ‘สายเลือดโดยตรง’ ของเขาต้องถูกแปดเปื้อน สำหรับคนนอกอย่างนายคงไม่คิดอะไร แต่หากมองในมุมของเขาแล้วอาจจะทำให้เขากลายเป็นตัวตลกในหมู่บ้าน มีผลกระทบต่อความน่าเกรงขามและหน้าตาของเขาในหมู่บ้านแห่งนี้ เพราะทั้งชีวิตนี้ของเขา ตัวใหญ่เท่าหมู่บ้านแห่งนี้เท่านั้น ท้องฟ้าของเขาอยู่เหนือสุดหมู่บ้านแห่งนี้เท่านั้น”
“คุณเข้าใจเหรอ”
“ไม่เข้าใจ แต่ฉันชินแล้ว อย่าลืมสิว่าอิงอิงตายยังไง แค่แอบนัดเจอกับบัณฑิตหนุ่มยากจน หลังจากที่บ้านรู้เรื่องก็จับใส่กรงหมูถ่วงน้ำไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะชื่อเสียงและหน้าตาของครอบครัว นายคิดว่าสองเรื่องนี้แตกต่างกันตรงไหน”
“อย่าเพิ่งพูดปัญหาเรื่องนี้ก่อน ผมมีเรื่องหนึ่งที่สงสัยมาก”
“ว่ามา”
“เมื่อคืนตาชุยคนนั้นใช้หน้าไม้ยิงคุณได้ยังไง ผมจำได้ว่า คุณมีเกราะซามูไรอยู่ที่ตัวไม่ใช่เหรอ”
โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดเล็กน้อย
“เป็นอะไรเหรอ” สวี่ชิงหล่างซักถาม
“ฉันต้องคิดว่าคืนนี้จะจับผีดิบตัวนั้นได้ยังไง แล้วก็ผีเด็กคนนั้นอีก ถ้าหากถูกหญิงชราจับกิน ปัญหาน่าจะยุ่งยากมากกว่านี้”
“นี่ อย่าเปลี่ยนเรื่อง” สวี่ชิงหล่างกัดไม่ปล่อย
“นายน่ารำคาญชะมัด”
“ตอบคำถามของผมเดี๋ยวนี้ ตัวเองเป็นยมทูตแท้ๆ แต่ดันถูกคนธรรมดาใช้หน้าไม้ของสวนสนุกยิงล้ม คุณอายไม่อาย”
“ฉันก็คาดไม่ถึงว่าหลังจากเขาเขวี้ยงขวานมาแล้วจะหยิบหน้าไม้ออกมาด้วย”
“จากนั้นล่ะ”
“จากนั้น…” โจวเจ๋อยื่นมือแตะหน้าผากของตัวเอง
“ดูเหมือนช่วงนี้จะตากแดดมากเกินไป ใช้ชีวิตแบบปลาเค็มนานเกินไป จนฉันลืมว่าตัวเองยังมีเกราะซามูไรอยู่”
“…” สวี่ชิงหล่าง
“โอเค ไม่ต้องงงกับคำถามนี้แล้ว ถ้านายยังงงต่อไป ฉันจะยิ่งรู้สึกว่าเมื่อคืนตัวเองโง่มาก”
สวี่ชิงหล่างเดินมาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ ทันใดนั้นเขาใช้สองมือบีบคอของโจวเจ๋อแล้วถามอย่างแรงว่า “หมายความว่า เมื่อวานถ้าหากคุณไม่โดนยิงด้วยหน้าไม้ พวกเขาอาจจะหนีไม่รอด เรื่องที่ต้อง จัดการในวันนี้ก็จะจบลงแล้ว! ตอนนี้พวกเรายังอยู่ที่นี่ เป็นเพราะยังจับผีดิบกับตาชุยไม่ได้ ยังต้องนั่งทำงานน่าเบื่ออยู่ที่นี่ต่อ สาเหตุหลักเป็นเพราะคุณลืมความสามารถของตัวเอง”
“เอามือออก เหล่าสวี่ เอามือออก” โจวเจ๋อตอนแรกคิดว่าสวี่ชิงหล่างล้อเล่น แต่คิดไม่ถึงว่าแรงของอีกฝ่ายจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ บีบคอของตัวเองจนเกือบจะหายใจไม่ออก เพียงชั่วเวลาครู่เดียว คลื่นสีดำเริ่มลอยกระเพื่อมขึ้นมาจากตัวของโจวเจ๋อ เกราะซามูไรสีดำลึกลับชุดหนึ่งปรากฏขึ้นมาปกป้องคอของเขา โจวเจ๋อรู้สึกสบายคอแล้ว แรงของสวี่ชิงหล่างลดลงมากเพราะเกราะซามูไรชุดนี้
ตอนนี้สวี่ชิงหล่างจึงชักมือกลับมา หาเก้าอี้แล้วนั่งลง สองมือประคองหน้าตัวเองแล้วพูดขอโทษว่า “ขอโทษ ผมเครียดไปหน่อย พอนึกถึงคนตายทั้งบ้านเมื่อคืน ผมจึงเสียใจอยู่บ้าง ซุนเค่อวั่งตายไปก็ไม่เสียดาย แต่เขาไม่ตาย และคนที่ไม่น่าตายที่สุด ก็คือภรรยาและลูกชายของเขา คืนนี้ถ้าหากไม่กำจัดผีดิบตัวนั้น ในหมู่บ้านอาจจะมีคนตายเพิ่มขึ้นอีก ผมไม่คิดว่าตาชุยจะสามารถควบคุมผีดิบตัวนั้นได้ ถึงแม้ผีดิบตัวนั้นจะเคยเป็นชู้รักของเขาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่”
โจวเจ๋อถอนหายใจยาว เกราะซามูไรบนตัวค่อยๆ ถอยกลับไป
“วางใจได้ คืนนี้จะไม่มีปัญหาอีก ฉันจะกลับไปนอนสักพัก ตอนเย็นค่อยเรียกฉันอีกที แล้วก็เหล่าสวี่ช่วงนี้นายแอบไปเข้าฟิตเนสมาเหรอ แรงเยอะขึ้นมาก” พูดจบ โจวเจ๋อจึงหมุนตัวเดินไปที่ห้องนอน
สวี่ชิงหล่างนั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียว เขาปล่อยมือที่ปิดบังใบหน้าของตัวเอง มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความกลัวอยู่บ้าง เมื่อครู่ความคิดรุนแรงที่อยากฆ่าคนไม่สามารถควบคุมได้ นี่คือความผลีผลามของสัญชาตญาณที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย เป็นความปรารถนาที่อยากจะฆ่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าตัวเองให้สิ้นซาก
…
ตกดึก บางทีอาจจะเกี่ยวกับการเผาเงินกระดาษ เรื่องคนตายในบ้านของซุนเค่อวั่งยังไม่เปิดเผยออกมา บวกกับคนในหมู่บ้านก็อยู่กันกระจัดกระจาย ซุนเค่อวั่งปกติก็จะคบแต่เพื่อนเสเพลเกเร ด้วยเหตุนี้ เขาไม่โผล่หน้าในหมู่บ้านหนึ่งวัน คนในหมู่บ้านก็ไม่คิดที่จะเข้าไปดู ดังนั้นหมู่บ้านในคืนนี้ยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม
ซุนเค่อวั่งถูกโจวเจ๋อจับมัดอยู่บนต้นฉัตรจีน ปากถูกยัดด้วยผ้าเหมือนเดิม โจวเจ๋อนั่งพิงอยู่ใต้ต้นฉัตรจีน เขากำลังรอ รอหญิงชราคนเมื่อวานโผล่มาอีกครั้ง เมื่อกลายเป็นผีดิบไปแล้ว ความแค้นในชาติที่แล้วบวกกับความคิดที่อยากจะแก้แค้นคนในครอบครัว ทำให้หญิงชรายังคงยึดติดอยู่กับความคิดที่อยากจะฆ่าลูกชายของตัวเองซึ่งยากจะควบคุมได้ เธอจะต้องมา ต้องมาแน่นอน
ร่างกายของซุนเค่อวั่งถูกโจวเจ๋อใช้เล็บเจาะเป็นแผลของสามจุด เลือดสดไหลหยดติ๋งๆ แต่ไม่ทำให้ถึงกับตาย ทว่าเป็นหลักการเดียวกันกับการปล่อยเลือดเพื่อดึงดูดฉลามเข้ามา
สวี่ชิงหล่างยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเขาภายใต้ความมืดยามราตรี ยิ่งดูนิ่งขรึมมากขึ้น
เมื่อถึงเวลาหลังเที่ยงคืน สายลมค่อยๆ พัดแรงขึ้น มีเงาร่างหลังค่อมกำลังเดินอยู่ในแปลงผักอยู่ไกลๆ ตาชุยเดินมาคนเดียว เดินมาถึงโจวเจ๋อในระยะห่างไม่ถึงสิบเมตร ครั้งนี้เขาไม่ได้เอาขวานมา และไม่แบกหน้าไม้มาด้วยเหมือนกัน
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตาชุยจะยิงหน้าไม้ใส่ตัวเองสองสามดอก จากนั้นเกราะซามูไรของตัวเองก็จะบดบังการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ กู้หน้าของตัวเองกลับมาได้
แต่มาดของตาชุยในวันนี้ จะขาดก็แค่ยกธงขาวขึ้นมา “มาคุยกันเถอะ” ตาชุยมองโจวเจ๋อแล้วพูดอย่างเงียบสงบ
“ดูเหมือนไม่มีอะไรจะพูดได้” โจวเจ๋อส่ายหน้า “หญิงชราคนนั้นถูกคุณจับแล้วเหรอ แต่คุณจะขังเธอได้นานแค่ไหน เธอทนไม่ได้หรอก เชื่อผม บนโลกนี้คนที่เข้าใจผีดิบมากกว่าผมมีน้อยมาก”
“ปล่อยให้เธอฆ่าเขาเถอะ” ตาชุยชี้นิ้วไปที่ซุนเค่อวั่งที่โดนแขวนอยู่บนต้นไม้ แล้วพูดต่อ “เขาสมควรตาย”
โจวเจ๋อไม่พูดอะไร รอให้ตาชุยพูดต่อ “ให้เธอได้สมปรารถนา จากนั้นครอบครัวของเราจะจัดการกันเอง ฉันเตรียมกองฟืนเรียบร้อยแล้ว น้ำมันก็เตรียมเรียบร้อยแล้ว รอแค่วันนี้เท่านั้น”
“ผีเด็กคนนั้น เป็นลูกสาวของคุณจริงๆ ด้วย”
“ฉันเกลียดที่ตัวเองมีเนตรหยินหยาง ฉันยอมให้ตัวเองใช้ชีวิตเละเทะต่อไปจะดีกว่า!” ตาชุยตวาดด้วยใบหน้าที่ดุดัน “แต่ฉันมองเห็น ฉันมองเห็นแล้ว ฉันเห็นลูกสาวของพวกเรานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวที่หลุมศพ ฉันเห็นเธอร้องไห้อยู่ใต้ดิน ฉันหวังจริงๆ ว่าเธอจะป่วยตาย อยากให้เธอป่วยตายจริงๆ!”
คนเรามักพูดบ่อยๆ ว่า โลกมนุษย์ดูเหมือนจะสวยงาม แต่อย่างน้อย มันก็ยังมีคำว่า ‘ดูเหมือน’ โจวเจ๋อจริงๆ แล้วรู้สึกว่า ผี อย่างมากก็แค่เผยธาตุแท้ของมนุษย์หลังจากที่ฉีกความจอมปลอมในสังคมออกไป เขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของตาชุยได้ กระทั่งสามารถพูดได้ว่าเข้าอกเข้าใจกัน
“คุณสามารถแจ้งความได้”
“แจ้งความ บอกตำรวจว่า ฉันมองเห็นผีเหรอ บอกตำรวจว่า แม่ของเขาที่ตายไปบอกฉันว่า เขาเป็นคนฆ่าเธอเหรอ” ตาชุยหัวเราะพลางย้อนถาม “นายถอยไปเถอะ” ตาชุยพูดกับโจวเจ๋อ
ขณะเดียวกัน มีเงาร่างคลานออกมาจากด้านหลังของตาชุย และด้านข้างของเงาร่างนั้นมีเด็กผู้หญิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเซ่อซ่า เธอเป็นคนที่งงที่สุดและไม่รู้เรื่องที่สุด
แผลที่หน้าอกของหญิงชรายังคงชัดเจน ทำให้ความเร็วของเธอในวันนี้ช้ามาก แต่ความแค้นที่อยู่ในนัยน์ตาของเธอยังคงดุเดือดไม่จางหาย โดยเฉพาะตอนที่เห็นลูกชายของตัวเองแขวนอยู่บนต้นไม้
ศัตรูของคุณเตรียมจะยอมแพ้ พวกเขาหลังจากสมปรารถนาสุดท้ายก็จะปลิดชีพตัวเอง ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าไม่สนุก ตัวเองเตรียมหมัดเต็มที่ อยากจะล้างความอับอายเมื่อคืนที่ติดอยู่ในใจของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นไร้ประโยชน์ทั้งหมด
“ขอโทษด้วย ผมต้องทำตามหน้าที่ ผมจะให้คุณฆ่าคนไม่ได้” โจวเจ๋อเป็นฝ่ายเดินเข้าไปก่อน
“คุณหัวโบราณคร่ำครึขนาดนั้นเชียว” ตาชุยกัดฟันพูดเมื่อเห็นโจวเจ๋อเดินเข้ามาไม่หยุด “ตอนนี้ผมยังพอควบคุมเธอได้ แต่ถ้าผมตายหรือว่าเธอหนีไปได้ จะเกิดความวุ่นวายอะไร คุณไม่รู้เหรอ”
“ผมต้องทำตามหน้าที่ ขอโทษด้วย” ขณะที่พูด โจวเจ๋อยกหมัดของตัวเองขึ้นมาชกตาชุย
ตาชุยกินหมัดของโจวเจ๋อไปหนึ่งที ถอยหลังไปสองก้าว แต่เขาก็เตะโจวเจ๋อหนึ่งทีเมื่อรู้ตัว โจวเจ๋อไม่ได้หลบ และการเตะนี้เตะโดนไปที่น่องของเขา
“โอ๊ย…” โจวเจ๋อร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วล้มลงไปกับพื้น กุมหน้าอกของตัวเองพร้อมกับท่าทางฉันบาดเจ็บทรมานมาก
“…” ตาชุย
“…” สวี่ชิงหล่าง
สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามาในตอนนี้ มองโจวเจ๋อที่อยู่บนพื้น แล้วพูดเตือนเบาๆ “เขาเตะขาของคุณ แต่คุณกุมหน้าอก”
โจวเจ๋อกลอกตาใส่สวี่ชิงหล่างหนึ่งที แล้วอธิบายเกินจริงว่า “ตาเฒ่าคนนี้แรงเยอะจริงๆ!”
…………………………………………………………………………