มู่หนานจือ - บทที่ 385 ไม่กล้า
“หัวหน้าตระกูลของตระกูลพวกเขาไม่เลว” เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะเตือนหลี่จี้ “ตอนแรกใช้กำลังข่มขวัญพวกเจ้า แล้วก็เชิญพวกเจ้าไปดื่มชาด้วยท่าทีอ่อนโยน ทั้งไม่กระทบชื่อเสียงในตระกูล และคิดจะเปลี่ยนสงครามให้เป็นสันติภาพ เป็นคนที่เก่งมาก!”
“พี่สะใภ้ก็รู้เหมือนกันหรือ?!” หลี่จี้เบิกตาโต
“ข้าไม่ได้ตาบอดเสียหน่อย!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยว่า “กลอุบายเล็กน้อยแค่นี้ของเขายังไม่เท่าไรในสายตาข้า!”
หลี่จี้หัวเราะ และเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ไปดื่มชากับเขา”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด “หือ?”
“หากข้าไปดื่มชากับเขาตามที่เขาว่า ก็จะถูกเขาจูงจมูกไม่ใช่หรือ?” หลี่จี้พูดไป หน้าตาก็เบิกบานมากขึ้น “ดังนั้นข้าจึงตบรายการสินเดิมของพี่หญิงลงบนตัวของหัวหน้าตระกูลอย่างไม่สนใจไยดี ให้เขาดูเอง…ว่าตระกูลนั้นเป็นอย่างไรกันแน่!”
เขาเอ่ยจบก็ยังอดไม่ได้ที่จะทำเสียงไม่พอใจ
ตามกฎ ผู้หญิงกลับมาอยู่บ้านของตนเองถาวร หากไม่มีสาเหตุพิเศษ สินเดิมต้องทิ้งไว้ที่บ้านสามี แต่กฎระเบียบไม่อยู่เหนือน้ำใจคน หากถึงขั้นนั้นจริงๆ พ่อแม่สามีส่วนใหญ่จะสงสารลูกสะใภ้ที่ต่อไปจะใช้ชีวิตลำบาก จึงให้นางเอาสินเดิมไป คนที่หักสินเดิมของนางเอาไว้ไม่ให้อย่างพ่อแม่สามีของหลี่เสว่นั้น ถือได้ว่าเป็นคนที่หายาก
เจียงเซี่ยนอดที่จะเอ่ยอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “ทำไมรายการสินเดิมของพี่หญิงถึงอยู่ในมือเจ้า?”
ตอนที่หลี่เสว่แต่งงาน คนสกุลฟางเป็นคนเตรียมการออกเรือน ตอนหลังตระกูลหลี่ย้ายไปฝูเจี้ยนกับซานซี รายการสินเดิมที่เดิมทีควรจะเก็บไว้ที่ตระกูลหลี่ของหลี่เสว่จึงไม่รู้ไปไหนตั้งนานแล้ว ดังนั้นตอนที่หลี่เสว่อยากจะกลับมาอยู่บ้านของตนเองถาวรถึงได้ลำบากมาก...ครอบครัวสามีไม่มีทางที่จะให้นางเอาสินเดิมไปอย่างเด็ดขาด นางไม่เอาสินเดิมไป ต่อไปกลับไปตระกูลหลี่ จะซื้อเข็มกับด้ายก็ยื่นมือขอภรรยาของพี่น้องอย่างนั้นหรือ? แต่ของของนางดันอยู่ในกำมือของแม่สามี ซึ่งบอกว่าหายไปแล้ว เวลานี้คำพูดปากเปล่าไม่อาจเป็นหลักฐานได้ ต่อให้หลี่เสว่คิดจะเถียงกับครอบครัวสามีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ตามที่หลี่ฉางชิงบอก สินเดิมเหล่านั้นเดิมทีก็ไม่มาก แถมยังใช้มาหลายปีเช่นนี้ ไม่เอาก็ได้ ตระกูลหลี่ถึงไม่ไปสืบสาวราวเรื่องพวกนี้กับครอบครัวสามีของหลี่เสว่
หลี่จี้ได้ยินก็ขยิบตาอย่างภูมิใจเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ข้าให้คนเขียนมั่วๆ มาฉบับหนึ่ง แถมยังให้คนในร้านของโบราณทำให้มันเก่าด้วย ต่อให้ยายแก่นั่นเอารายการสินเดิมอันก่อนของพี่หญิงออกมา คนอื่นก็แยกไม่ออกอยู่ดีว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม!”
“ทำได้ดี!” เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะชมเขา
หลี่จี้ก็มีแรงมากขึ้นแล้ว จึงเอ่ยว่า “พอหัวหน้าตระกูลเห็นก็กลุ้มใจมากทันที ใครจะรู้ว่ายายแก่นั่นจะทำอะไรบุ่มบ่าม บอกว่าจะไปฟ้องทางการ พอข้าได้ยิน นี่ก็พอดีไม่ใช่หรือ? หากตระกูลหลี่ของพวกเราไม่ชนะแม้แต่คดีของตระกูลพวกเขา นั่นสิถึงจะแปลก! ตอนนั้นข้ากำลังจะจับยายแก่นั่นไปหน่วยงานราชการแล้ว หัวหน้าตระกูลของพวกเขาดันเห็นโอกาส จึงรีบมาเป็นคนไกล่เกลี่ย ข้าถึงรู้ว่า…ที่แท้คนที่เป็นพ่อสื่อให้พี่หญิงก็คือหัวหน้าตระกูลคนนี้ ตอนที่หลานชายสองคนเสียได้ไม่นาน ครอบครัวสามีของพี่หญิงก็อยากให้พี่หญิงแต่งออกไป ทว่าพี่หญิงเป็นตายก็ไม่เห็นด้วย เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ ตอนหลังพวกเรากลับมาซานซี หัวหน้าตระกูลอยากเป็นญาติกับตระกูลของพวกเราต่อไป จึงตัดสินใจคุยเรื่องแต่งงานให้พี่หญิง พี่หญิงกลัวถูกยายแก่นั่นรังควาน จึงไม่อยากอยู่ในตระกูลของพวกเขาแล้ว ถึงอยากจะกลับมาอยู่บ้านถาวร…” ตอนที่เอ่ยถึงตรงนี้ หลี่จี้ก็ลูบคาง และเอ่ยว่า “ข้าก็ว่า…ทำไมตระกูลของพวกเขาเดี๋ยวก็แบบนี้ เดี๋ยวก็แบบนั้น ที่แท้คนที่มีความรู้ยังคงเป็นหัวหน้าตระกูล”
ก่อนหน้านี้เจียงเซี่ยนก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน พอได้ยินหลี่จี้เอ่ยแบบนี้ ถึงเข้าใจตามไปด้วย
นางเอ่ยว่า “หลังจากนั้นพวกเจ้าก็ลากอิฐกับกระเบื้องของตระกูลนั้นกลับมาหมดเลยหรือ?”
“ใช่แล้ว!” หลี่จี้เอ่ยอย่างระบายความโกรธว่า “อย่างที่พี่สะใภ้บอก แม้แต่ต้นไม้ในลานบ้านของพวกเขา ข้าก็ขุดกลับมาเช่นกัน พวกเขาก็รอวันไหนลมพัดฝนตกถล่มบ้านเถอะ!”
เจียงเซี่ยนหัวเราะ
หลี่จี้เอ่ยอย่างกลุ้มใจว่า “แต่ของพวกนั้นเหมือนฟืนผุจริงๆ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะวางไว้ไหนเลย!”
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าลองดูว่าในหมู่บ้านมีคนต้องการของพวกนั้นหรือไม่? หากมีคนต้องการ ก็มอบให้คนอื่นแล้วกัน หากไม่มีคนต้องการ ก็ลองถามคนหมู่บ้านใกล้ๆ ดูว่ามีคนต้องการหรือไม่ อย่าวางขวางหูขวางตาตรงนี้”
“ขอรับ!” หลี่จี้ขานรับอย่างอารมณ์ดี และถามถึงหลี่เชียน “ข้าทักทายพี่ใหญ่แล้วจะไปส่งของพวกนั้นให้คนอื่น”
“เห็นว่าท่านพี่หลี่หลินมา ทั้งสองคนคุยกันอยู่ในห้องหนังสือ” เจียงเซี่ยนเอ่ย
สีหน้าของหลี่จี้ฉายแววลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังยิ้มอย่างสดใส และเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่ไปรบกวนพี่ใหญ่ทั้งสองแล้ว เดี๋ยวพี่สะใภ้ช่วยบอกท่านพี่ให้ข้าหน่อยว่าข้ามาแล้ว เรื่องของพี่หญิงก็จัดการเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า และยกชาส่งแขก ทว่าหางตากลับมองไปที่เท้าของหลี่จี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาสวมรองเท้าลายตัวอักษรมงคลกลางเก่ากลางใหม่
เจียงเซี่ยนจำได้ว่า หลี่ฉางชิงตั้งใจตัดเสื้อผ้าใหม่ให้ทั้งครอบครัวโดยเฉพาะ เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
จู่ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
พอหลี่จี้กลับไป นางก็ส่งอิ้นไฉ่ไปสืบเรื่องอาหารกับเสื้อผ้าในยามปกติของหลี่จี้
อาจจะเป็นเพราะนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่นานอิ้นไฉ่ก็สืบมาได้ “ฮูหยินเหอใส่ใจเรื่องอาหารกับเสื้อผ้าของคุณชายกับคุณหนูมาก คุณชายสามมักจะมีอะไร คุณชายรองก็มีอันนั้น แต่คุณชายรองเป็นคนถ่อมตนและสุภาพ ไม่เลือกกินและไม่เลือกเสื้อผ้า ปกติฮูหยินจัดอะไรให้ก็ใส่อันนั้น ไม่เหมือนคุณชายสามที่มักจะรู้สึกว่าตรงนี้ไม่ดีตรงนั้นไม่ดี กินของว่างต้องมากกว่าคนอื่นชุดหนึ่ง สวมเสื้อผ้าก็ต้องทันสมัยมากกว่าคนอื่น หญิงรับใช้ในบ้านต่างบอกว่าคุณชายรองเข้ากับคนง่าย” เอ่ยถึงตรงนี้ นางก็พูดต่อไปไม่ค่อยได้แล้ว จึงคิดแล้วถึงเอ่ยว่า “ทุกคนต่างรู้สึกว่าคุณชายรองเป็นกันเอง แล้วก็รักพี่น้องมาก ปกติท่านแม่ทัพพูดอะไรก็เป็นอย่างนั้น เวลาคุณชายสามโมโหขึ้นมา ก็อดทนไว้หมด…”
ทว่าให้เขาทำงานกลับละเอียดรอบคอบมาก รู้จักไปอยู่เป็นเพื่อนหลี่เสว่ที่เพิ่งกลับมาอยู่บ้านถาวร
เจียงเซี่ยนนอนลงบนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่างอย่างเกียจคร้าน สายตามองฝ้าเพดานของหลังคาอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลี่เชียนเดินเข้ามาก็ไม่เห็น
เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ และส่งสัญญาณให้คนรับใช้ในห้องไม่ต้องแจ้ง แล้วเดินไปข้างกายนางอย่างแผ่วเบา และเอ่ยข้างหูนางว่า “เฮ้” ทำให้เจียงเซี่ยนตกใจจนหน้าซีดเผือด และกรีดร้องพลางลุกขึ้นมา
หน้าของหลี่เชียนเปลี่ยนไปหมด ทั้งเสียใจและเกลียด เขารีบกอดเจียงเซี่ยนไว้ แล้วตบหลังนางเบาๆ ไม่หยุดพลางปลอบใจนาง “ข้าเอง! ไม่ต้องกลัว! ขอโทษ! ทั้งหมดเพราะข้าไม่ดีเอง!…”
เจียงเซี่ยนโล่งอก และพิงหลี่เชียนอย่างอ่อนแรง “เมื่อครู่ทำให้ข้าตกใจแทบตายจริงๆ!”
“ขอโทษ!” หลี่เชียนจูบขมับของนางอย่างรู้สึกผิด และขอโทษนางไม่หยุด
เจียงเซี่ยนฟังอยู่แบบนั้นนานมากถึงเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไรแล้ว!”
นางรู้สึกว่าท่าทางที่หลี่เชียนขอโทษนางอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนดูดีเป็นพิเศษ ทำให้นางใจอ่อนหมดแล้ว นางชอบความรู้สึกแบบนี้มาก
หลี่เชียนเห็นสีหน้าของนางกลับมาแดงเปล่งปลั่งเหมือนเดิม ถึงวางใจ
“ข้าเพียงแค่อยากหยอกเจ้าเล่น” แต่เขายังคงหงุดหงิดมาก
“ข้ารู้ ข้ารู้” เจียงเซี่ยนจำเป็นต้องหันกลับมาปลอบหลี่เชียน สีหน้าของหลี่เชียนถึงจะค่อยๆ คลายความโกรธ
เขาถามเจียงเซี่ยน “เมื่อครู่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ข้าเดินเข้ามาแล้ว เจ้าก็ไม่รู้”
เจียงเซี่ยนหัวเราะ และเอ่ยว่า “ข้ากำลังวางหมากกระดานใหญ่อยู่”
หลี่เชียนไม่เข้าใจ
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม และเอ่ยว่า “ตอนนี้ไม่บอกเจ้า หาเรื่องใส่ตัว ไว้คนพวกนั้นแต่ละคนทำต่อไปไม่ได้แล้ว เจ้าก็จะรู้เอง”
————————————