มู่หนานจือ - บทที่ 378 ที่แท้
“แน่นอนว่ากลับไปพร้อมเจ้า” หลี่เชียนเอ่ยโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ “ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ข้างหลังคนเดียวได้อย่างไร”
เจียงเซี่ยนรู้สึกดีใจมากทันที
หลี่เชียนเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางบีบจมูกของนางเบาๆ แต่เจียงเซี่ยนหลบได้
เขาหัวเราะเสียงดัง
ทั้งสองคนไปคารวะหลี่ฉางชิงด้วยกัน
แน่นอนว่าหลี่ฉางชิงไม่มีทางที่จะกลั่นแกล้งลูกสะใภ้ที่เขาพอใจมาก คุยไม่กี่คำ ก็บอกให้พวกเขารีบกลับไปแล้ว “พรุ่งนี้ออกเดินทางไปเฝินหยางแต่เช้า ระหว่างทางต้องเดินทางหลายวัน รีบนอน พักผ่อนให้เต็มที่”
ลูกชายเขาไม่เป็นห่วง เป็นห่วงก็แต่ลูกสะใภ้
ว่ากันว่าตอนที่ลูกสะใภ้มาซานซี กินแต่น้ำที่นำมาจากภูเขาอวี้เฉวียน
เขาเกาผมอย่างกลุ้มใจเล็กน้อย และคิดว่าเรื่องนี้ให้ลูกชายไปกังวลดีกว่า เขาไม่ยุ่งแล้ว
—————————————————–
ทว่าตระกูลติงที่อยู่เยื้องกันนั้น สามีภรรยาสกุลติงกลับกำลังซุบซิบคุยกันอยู่
“ท่านหญิงเจียหนานผู้นี้ดูเป็นมิตร แต่ความจริงแล้วเข้ากับคนยากมาก ในสิบประโยคที่ข้าพูด นางไม่ตอบครึ่งหนึ่ง ที่เหลือไม่ตอบอย่างขอไปทีก็บอกปัด ทำให้ข้าหาช่องโหว่ไม่เจอแม้แต่ประโยคเดียว เมื่อก่อนข้าแค่คิดว่าท่านหญิงเข้าสังคมไม่เก่ง ตอนนี้ดูเหมือน...เกรงว่าจะไม่ใช่เข้าสังคมไม่เก่งแต่ไม่เห็นคนอย่างพวกเราอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ จึงขี้เกียจที่จะคบหา” ฮูหยินติงฝืนยิ้ม “แถมข้ายังประมาทมากเกินไป คิดว่านางอายุน้อย ไม่มีทางที่จะทำอะไรรอบคอบ จึงเมินนางโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ” พอเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะถามใต้เท้าติงว่า “ท่านหญิงเจียหนานเป็นคนฟ้องต่อหน้าใต้เท้าสยงจริงๆ ดังนั้นใต้เท้าสยงถึงได้ช่วยนางลงมือจัดการเวินเผิง? ท่านว่า…หากนางฟ้องพวกเราต่อหน้าใต้เท้าสยงเช่นกัน ใต้เท้าสยงจะยืนอยู่ฝ่ายนางเหมือนกันหรือไม่?”
“ไม่มีทาง!” ติงหลิวเอ่ยอย่างเด็ดขาดโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ “เวินเผิงไม่เหมือนกับพวกเรา ก่อนที่เขาจะถูกแต่งตั้งให้เป็นขุนนางท้องถิ่นเป็นเพียงขุนนางระดับสี่ แม้จะความสามารถโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มของใต้เท้าสยงจริงๆ ข้าเป็นผู้ว่าราชการมณฑลซานซีมาหกปีแล้ว ไม่ว่าจะผลงานในการปฏิบัติหน้าที่หรือบทบาท ต่างก็แข็งแกร่งกว่าเวินเผิงมาก ยิ่งกว่านั้นใต้เท้าสยงยังเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณของข้า แล้วก็มีพี่เขยช่วยสนับสนุนอยู่ หากเป็นข้า ท่านอาจารย์ไม่มีทางที่จะลงมือ” เขาพูดอยู่ น้ำเสียงก็ชะงักไป และเอ่ยต่อว่า “ที่ข้าบอกว่าท่านหญิงเจียหนานเก่งมากนั้น หมายถึงความเข้าใจในสถานการณ์ปัจุจบันของนาง เวินเผิงไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้น ยิ่งกว่านั้นท่านหญิงเจียหนานเป็นพระญาติ คนในแวดวงปัญญาชนไม่อยากคบหาที่สุด ตามหลักแล้ว…ท่านอาจารย์เจอเรื่องที่นี่ยอมอ่อนข้อให้ยังไม่ทัน จะลงมือช่วยเหลือได้อย่างไร? จริงๆ แล้วเป็นเพราะช่วงนี้วังจี่เต้าบีบคั้น ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์แพ้เรื่องภาษีของเจียงหนานกับการดูแลแม่น้ำของไคเฟิงสองเรื่องติดกันแล้ว หากพลาดเรื่องงานอภิเษกสมรสของฝ่าบาทอีก การปรับเปลี่ยนบุคลากรหลังจากตรวจสอบสามปีครั้ง ท่านอาจารย์คงจะจัดให้พวกศิษย์พี่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว เวลานี้เฉิงเอินกงขอให้ท่านอาจารย์ช่วย แน่นอนว่าท่านอาจารย์สามารถปฏิเสธได้ แต่หลังจากท่านอาจารย์ปฏิเสธ เฉิงเอินกงจะต้องไปขอร้องวังจี่เต้าอย่างแน่นอน”
“ถึงตอนนี้จะไม่จำเป็นต้องสนใจเฉิงเอินกงมากนัก แต่ตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลมากมายจริงๆ แม้จะตกต่ำ ทว่าก็ยังไม่ถึงกับสลายไปอย่างสิ้นเชิง ใครจะรู้ว่าเฉาไทเฮายังเหลือทางหนีทีไล่อะไรไว้ และข้างหลังท่านหญิงเจียหนานก็มีเจิ้นกั๋วกงยืนอยู่”
“หากข้าเดาไม่ผิด เรื่องงานอภิเษกสมรสของฝ่าบาท เป็นไปได้มากว่าจะมอบให้ท่านอาจารย์เป็นคนจัดการ”
“พี่เขยให้พวกเราผูกมิตรกับท่านหญิง ก็เพราะอยากดูว่าครั้งนี้เป็นความบังเอิญหรือว่าท่านหญิงตั้งใจลอบวางแผนทำร้าย…”
หากเป็นเพียงความบังเอิญ ท่านหญิงเจียหนานก็ไม่น่ากลัว
ทว่าหากตั้งใจลอบวางแผนทำร้ายล่ะ?
ฮูหยินติงรู้สึกหนาว
นางเกิดในตระกูลขุนนาง สิ่งที่เรียนตั้งแต่เด็กคือจะช่วยให้เส้นทางการเป็นขุนนางของสามีราบรื่นขึ้นอย่างไร ไม่ใช่ให้นางไปถกเถียงเรื่องในราชสำนักกับผู้ชาย
ผู้หญิงที่ออกมาจากในวังล้วนแข็งแกร่ง กล้าหาญ และมีพลังแบบนี้อย่างนั้นหรือ?
ตอนแรกก็เฉาไทเฮา ต่อมาก็ท่านหญิงเจียหนาน...
ฮูหยินติงมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกัน จนบอกไม่ถูกว่าอิจฉาหรือริษยามากกว่า
นางรีบส่ายหน้า และรีบเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้ในใจ แล้วช่วยสามีเปลี่ยนเสื้อผ้าและขึ้นเตียง
—————————————————–
ในเรือนที่เงียบเหงาแห่งหนึ่งทางตะวันตกของตระกูลหยวนที่อยู่ไกลยังไท่หยวน ฮูหยินเฒ่าสกุลหยวนที่ผมขาวทั้งศีรษะนั่งอยู่บนเตียงอรหันต์อย่างเคร่งขรึม ลูกชายสี่คนนั่งล้อมรอบนางอย่างนอบน้อม และฟังนางถาม
“เมื่อวานติงหลิวรีบไปภูเขามังกรเมฆตอนที่ประตูเมืองใส่กุญแจ” ฮูหยินเฒ่าเอ่ยอย่างเชื่องช้า “วันนี้ก็ฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับคนของตระกูลหลี่อีก?”
นายท่านใหญ่หยวนพยักหน้า และเอ่ยว่า “คำพูดที่ส่งนกพิราบสื่อสารมาบอกแบบนั้น”
ฮูหยินเฒ่าขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ติงหลิวเหมือนหินไข่ห่านที่ถูกน้ำในแม่น้ำกัดเซาะมาเป็นเวลานาน ควบคุมยาก หากตระกูลหลี่ไม่มีสิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่มีทางที่จะวิ่งไปประจบแบบนี้อย่างแน่นอน แสดงว่าข่าวที่ในเมืองหลวงส่งมาถูกต้อง เวินเผิงถูกท่านหญิงเจียหนานล้ม!”
นายท่านใหญ่หยวนเป็นคนให้ข่าว เขาเดาคำตอบได้ตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีอะไร ทว่านายท่านอีกสามคนของตระกูลหยวนกลับเกือบจะลุกขึ้นมาอย่างประหลาดใจพร้อมกัน นายท่านรองเอ่ยทันทีว่า “ท่านแม่ พี่ใหญ่ เข้าใจผิดหรือเปล่า ต่อให้ท่านหญิงสูงศักดิ์แค่ไหน ก็เป็นผู้หญิง ยังอายุไม่ครบสิบห้าปีเต็ม นางจะมีอิทธิพลต่อการแต่งตั้งและการปลดขุนนางในราชสำนักได้อย่างไร?”
ฮูหยินเฒ่าหยวนได้ยินก็ทำเสียง “หึ” หนักๆ
นายท่านสามกับนายท่านสี่ของตระกูลหยวนคิดว่ามารดาของตนเองอายุสิบสามแต่งมาตระกูลหยวน อายุสิบหกเริ่มช่วยบิดาดูสมุดบัญชี อายุยี่สิบเริ่มดูแลธุรกิจของตระกูลนี้ผ่านบิดา ก็กลืนคำถามในใจลงไปแล้ว
“ดังนั้นถึงให้พวกเจ้าระวังอย่างไร!” ฮูหยินเฒ่าหยวนเอ่ย “ท่านหญิงเจียหนานผู้นี้ไม่ธรรมดา สะใภ้ใหญ่ทำได้ไม่เลว ไม่เพียงแต่ไปเยี่ยมท่านหญิงเจียหนานและมอบของขวัญล้ำค่าให้ ยังสั่งของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์ให้ตระกูลหลี่ด้วยตนเอง ไว้อีกไม่กี่วันหญิงสามออกเรือน หากท่านหญิงมา พวกเจ้าต้องปฏิบัติอย่างมีมารยาทที่สุด หากท่านหญิงไม่มา สะใภ้ใหญ่ก็ไปส่งของชำร่วยให้ท่านหญิงด้วยตนเอง โดยท่าทางจะต้องนอบน้อม”
เหล่านายท่านของตระกูลหยวนขานว่า “ขอรับ”
ฮูหยินเฒ่าหยวนพึมพำว่า “ข้าจำได้ว่าตระกูลหลี่มีลูกชายที่เกิดจากอนุภรรยาคนหนึ่ง เขาคุยเรื่องแต่งงานหรือยัง? ถ้ายังไม่คุยเรื่องแต่งงาน เจ้าดูว่าตระกูลของพวกเรามีคนที่เหมาะสมหรือไม่?”
พวกนายท่านมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ตระกูลหยวนมีคำสั่งสอนที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ อายุเกินสี่สิบไม่มีลูกชายถึงจะสามารถรับอนุภรรยาได้
ดังนั้นตระกูลหยวนจึงแทบจะไม่มีลูกชายกับลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยา ต่อให้มี นั่นก็เป็นเพราะภรรยาที่แต่งงานมีลูกไม่ได้เช่นกัน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเกิดเรื่องที่ครอบครัวไหนมีทั้งลูกที่เกิดจากภรรยาเอกและอนุภรรยา ก็หมายความว่า ฮูหยินเฒ่าหยวนอยากให้ลูกสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของตระกูลหยวนแต่งงานกับลูกชายที่เกิดจากอนุภรรยาของตระกูลหลี่
เหล่านายท่านของตระกูลหยวนต่างก็ไม่ยอม
นายท่านรองหยวนเอ่ยทันทีว่า “เหมือนจะไม่มีคนที่เหมาะสม”
ฮูหยินเฒ่าหยวนก็ไม่ซักไซ้เรื่องนี้เช่นกัน
ในความคิดของนาง เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานตอนนี้ยังเร็วไปหน่อย
ถึงแม้นางจะคิดว่าเจียงเซี่ยนเป็นคนทำเรื่องนี้ แต่เมืองหลวงกลับไม่สามารถสืบข่าวอะไรได้เลย
เวลานี้นางจึงยิ่งอิจฉาตระกูลติง
เพราะตระกูลติงเป็นตระกูลขุนนาง และติงหลิวก็มาจากจิ้นซื่อ พวกเขาจึงได้ข่าวเร็วและถูกต้องมากกว่าตนเอง
เสียดายที่ตระกูลหยวนมีพรสวรรค์ในด้านทำการค้า ไม่มีพรสวรรค์ในด้านเรียนหนังสือ พยายามมาหลายรุ่นแล้ว ก็ไม่มีบัณฑิตที่สามารถดำเนินแผนการอันยิ่งใหญ่ในเส้นทางการเป็นขุนนางได้
ทั้งสองตระกูลคิดว่าตนเองทำอย่างลับๆ ทว่ากลับไม่สามารถปิดบังคนที่เข้าได้กับทุกฝ่ายอย่างฮูหยินหลี่ได้
รู้ความเคลื่อนไหวของตระกูลติงกับตระกูลหยวนแล้ว ฮูหยินหลี่เงียบไปนานมาก แล้วก็ยิ้มพลางส่งจดหมายไปหาเจียงเซี่ยน
ตอนที่จดหมายไปถึง เจียงเซี่ยนเพิ่งจะเข้าพักที่บ้านเก่าของตระกูลหลี่ โดยหลี่เชียนพาเดินเล่นในบ้านเก่าของตระกูลหลี่
————————————