มู่หนานจือ - บทที่ 370 เสริมกำลั
พอจินเซียวเอ่ยแบบนี้ หลี่เชียนก็เข้าใจว่าจินเซียวคิดอะไรแล้ว
แต่หากได้เกี่ยวดองกับตระกูลจิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับจินเซียวที่มีความสามารถโดดเด่นแน่นแฟ้นมากขึ้น การเป็นญาติกับจินเซียวก็เป็นทางเลือกที่ดีมากจริงๆ
เขาแสร้งทำเป็นตัดสินใจไม่ได้และครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็เอ่ยว่า “เรื่องนี้ยังต้องขอให้เจียหนานออกหน้าจริงๆ ข้าไม่รู้เรื่องของน้องเหอจริงๆ”
ฮูหยินเหอเป็นแม่เลี้ยง เหอถงเหนียงก็เป็นญาติทางฝั่งฮูหยินเหอ หลี่เชียนรู้เรื่องของเหอถงเหนียง นั่นถึงจะไม่ปกติ
จินเซียวไม่ใส่ใจ และกำชับหลี่เชียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องใส่ใจเรื่องนี้ “ถึงเวลานั้นข้าจะมอบอั่งเปาที่ใหญ่มากให้ท่านหญิงอย่างแน่นอน”
หลี่เชียนยิ้มพลางขานรับ ทั้งสองคนคุยเล่นกันอีกครู่หนึ่ง หลี่เชียนรับประทานอาหารเย็นเป็นเพื่อนจินเซียว ปรึกษาเรื่องการเดินทางในวันพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว ถึงจะกลับเรือน
เจียงเซี่ยนกลับมาแล้ว และถอดปิ่นปักผมกับต่างหูแล้ว หลังจากหวีผมและล้างหน้าแล้วกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งให้อิ้นไฉ่หวีผมให้นางอยู่
พอได้ยินเสียงนางก็หันหน้ามา และยิ้มออกมา ความสุขที่เต็มหัวใจมาปะทะหน้าอย่างปิดไม่มิด
“เจ้ากลับมาแล้วหรือ!” นางเอ่ย “ข้าให้ห้องครัวทำน้ำแกงสร่างเมาให้เจ้า เจ้าดื่มแล้วค่อยไปล้างมือล้างหน้า”
หลี่เชียนเอ่ยว่า “อืม” และอดไม่ได้ที่จะเข้าไปลูบศีรษะของเจียงเซี่ยน ดื่มน้ำแกงสร่างเมาตามคำพูดของนาง แล้วก็ตามสาวใช้เข้าไปในห้องน้ำ
ตอนที่เขาออกมา เจียงเซี่ยนเกล้ามวยและเปลี่ยนเป็นเสื้อชั้นในผ้าแพรสีขาวแล้วพิงหัวเตียงพลางอ่านนิยายอยู่
หลี่เชียนก็เข้าไปดูใกล้ๆ เห็นบนหน้าปกยังเป็นคุณหนูพาสาวใช้คนหนึ่งไปไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมในวัด นอกประตูวัดชายหนุ่มที่ดูเหมือนบัณฑิตกำลังแอบมองอยู่ ก็อดที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “หนังสือเล่มนี้สนุกมากหรือ? ข้าเห็นเมื่อวานเจ้าก็อ่านเล่มนี้เหมือนกัน!”
“ไม่สนุกแม้แต่นิดเดียว!” เจียงเซี่ยนพูดไปก็โยนหนังสือลงบนเตียงอย่างโกรธเล็กน้อย และเอ่ยว่า “คนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ชื่อไป่เสี่ยวเซิง เขาต้องเป็นซิ่วไฉที่สอบตกอย่างแน่นอน เลยทำได้เพียงเขียนของที่คร่ำครึแบบนี้ออกมา…บัณฑิตในหนังสือเล่มนี้ฐานะครอบครัวยากจนมาก จึงยืมอาศัยเรียนหนังสือในวัด มีวันหนึ่ง…ลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งมาจุดธูปในวัด เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น จึงอยากแต่งงานกับคุณหนูตระกูลมั่งคั่ง พ่อของคุณหนูตระกูลมั่งคั่งดูถูกบัณฑิตที่ยากจน ไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา เขาจึงมุมานะเรียนหนังสือ จนสอบติดจอหงวน…”
“นี่ก็ดีมากไม่ใช่หรือ?” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และเก็บหนังสือที่นางโยนลงบนเตียงขึ้นมา แล้วพลิกไปพลางเอ่ยว่า “บัณฑิตคนนั้นสร้างผลงานจนมีชื่อเสียงแล้ว ก็สามารถไปสู่ขอที่บ้านของลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งได้แล้ว เรื่องมงคลสองเรื่องมาถึงพร้อมกัน บุปผางามพระจันทร์เต็มดวง ก็กลายเป็นเรื่องดีพอดี”
“ที่ไหนกันล่ะ!” เจียงเซี่ยนยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ และเอ่ยว่า “บัณฑิตคนนั้นสอบติดจอหงวนแล้ว ก็คิดจะไปเหยียดหยามพ่อแม่ของลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งสักครั้ง บังเอิญอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขามีลูกสาวคนหนึ่ง อยากหาสามี และถูกใจเขา เขาจึงเป็นลูกเขยของอาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างอยากปฏิเสธแต่ก็รับไว้ หลังจากแต่งงานยังตั้งใจพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานไปเดินผ่านหน้าประตูของลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งโดยเฉพาะด้วย พ่อแม่ของลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งนั้นเสียดายมาก จึงไปขอร้องถึงบ้านขอให้บัณฑิตให้อภัยพวกเขาที่มีตาหามีแววไม่ สุดท้ายก็ยังจะให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา นึกไม่ถึงว่าลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งจะเห็นด้วย ลูกสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาจึงต้องเลียนแบบเอ๋อหวงและหนี่ว์อิงกับลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่ง…”
หลี่เชียนหัวเราะเสียงดัง และกระซิบข้างหูนางว่า “สรุปแล้วเจ้าโกรธที่บัณฑิตคนนั้นจิตใจคับแคบหรือโกรธที่พ่อของลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งคนนั้นถูกเหยียดหยามแล้วยังยอมแต่งงานกับบัณฑิตกันแน่?”
ลมหายใจอันอบอุ่นของเขากระทบหลังหูของเจียงเซี่ยน หูของเจียงเซี่ยนแดงทั้งแถบทันที ในใจยิ่งลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
“น่า…น่าโกรธทั้งนั้น!” นางเอ่ยพลางขยับไปข้างหลัง อยากหลบเลี่ยงท่าทางที่สนิทสนมเกินไปของหลี่เชียน “บัณฑิตคนนั้นใจแคบ ส่วนลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่งยอมเป็นเมียน้อยให้คนอื่น ก็ไม่รู้จักละอายใจ ลูกสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณยิ่งแปลกมาก ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกระหว่างพวกเขาสามีภรรยา นางคงจะไม่ชอบสามีของนางด้วยซ้ำ เพียงแค่อยากได้ชื่อเสียงอันจอมปลอมเท่านั้น…”
เจียงเซี่ยนบ่นไม่จบไม่สิ้น ยิ่งแลดูร้อนตัว
หลี่เชียนยิ้มเล็กน้อย และงับหูของนางเบาๆ
ราวกับมีแสงไฟแล่นผ่านร่างของนาง เจียงเซี่ยนร้องว่า “อ๊ะ” และหนีไปที่มุมเตียง นางถลึงตามองหลี่เชียน และเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าทำแบบนี้อีก ก็ไปนอนห้องข้างนอก”
หลี่เชียนหน้าด้าน จึงไม่ใส่ใจแม้แต่นิดเดียว เขายิ้มพลางขอโทษ และยอมรับผิดอย่างจริงจังมาก
เจียงเซี่ยนทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงเลิกผ้าห่มและห่อตนเองเป็นดักแด้ใหม่ แล้วเอ่ยอย่างทั้งอายและโกรธว่า “ดับไฟ นอน”
หลี่เชียนดับไฟ
และถอนหายใจเล็กน้อยในความมืด
เป่าหนิงของเขา…เมื่อไรถึงจะโต!
เจียงเซี่ยนก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เช่นกัน
หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก พวกเขาก็ไม่ควรแต่งงานกันเร็วขนาดนี้
นางก็ไม่อยากเป็นคนเลวเหมือนกัน
ทว่าตอนที่นางออกเรือน ป้าสะใภ้ใหญ่เคยกำชับนางครั้งแล้วครั้งเล่าว่า หากมีลูกตอนอายุน้อยเกินไป ไม่เพียงแต่จะอันตรายมากตอนคลอด ทว่าเด็กที่เกิดออกมาก็จะไม่ค่อยแข็งแรง กระทั่งทายาทในภายภาคหน้าก็จะลำบากมากเช่นกัน
ชาติก่อนนางก็เคยได้ยินความคิดแบบนี้เหมือนกัน
ว่าเด็กที่ผู้หญิงคลอดออกมาหลังอายุยี่สิบจะค่อนข้างฉลาดและเลี้ยงง่าย
อีกหกปีนางถึงจะอายุยี่สิบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลี่เชียนจะรอถึงตอนนั้นไหวหรือไม่
เจียงเซี่ยนหลับไปอย่างสะลืมสะลือ
ตอนที่นางถูกไป่เจี๋ยปลุก หลี่เชียนเตรียมตัวเสร็จแล้ว และนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่บนเตียงอุ่นใกล้หน้าต่างในห้องนอน กำลังจะออกเดินทางไปไท่หยวนแล้ว
เจียงเซี่ยนกลายเป็นรู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที อยากลุกไปส่งหลี่เชียน แต่กลับถูกหลี่เชียนกดลงไปในผ้าห่ม แถมยังปลอบใจนางนานมาก บอกประมาณว่า “อีกไม่นานข้าก็จะมาเยี่ยมเจ้าแล้ว” ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นอย่างยากลำบาก จินเซียวก็ส่งคนมาเร่งให้หลี่เชียนออกเดินทางแล้ว
หลี่เชียนถึงนึกถึงสิ่งที่รับปากจินเซียวเมื่อวาน
เขาทำได้เพียงบอกเจียงเซี่ยนอย่างลวกๆ หอมหน้าผากของเจียงเซี่ยน และพาผู้ติดตามไปจากบ้านที่ตั้งอยู่ที่ภูเขามังกรเมฆของตระกูลหลี่
เจียงเซี่ยนเศร้าจนถึงเที่ยงถึงจะลุก
เพราะหลี่เชียนไปแล้ว ไม่มีคนที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงฝึกคัดตัวอักษรแล้วก็มาเล่นกับเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนมองเหอถงเหนียงที่นุ่มนวลจนเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย แล้วก็คึกคักขึ้นมาทันที
นางแต่งตัวพักหนึ่งแล้วไปหาฮูหยินเหอกับหลี่ตงจื้อและเหอถงเหนียง
หายากที่วันนี้ฮูหยินเหอจะไม่สวดมนต์อยู่
เจียงเซี่ยนหลบเลี่ยงหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง และเอ่ยถึงจินเฉิง
พอฮูหยินเหอได้ยินก็ตกลงทันที กลัวแต่ว่าตระกูลจินจะไม่ตกลง จึงจูงมือของเจียงเซี่ยนเข้าไปในห้องนอน และถามนางเสียงเบาว่า “เรื่องนี้เชื่อถือได้หรือไม่? อย่าให้ทางพวกเราตกลงแล้ว แต่ตระกูลจินกลับไม่ได้คิดเช่นนี้อย่างสิ้นเชิง!”
“เรื่องทางนั้นมีท่านแม่ทัพอยู่แล้ว พวกเราสนใจแค่เรื่องทางพวกเราก็พอ” เจียงเซี่ยนไม่มีประสบการณ์แบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะตอบฮูหยินเหออย่างไรเช่นกัน จึงดึงหลี่เชียนออกมาเป็นโล่ “ท่านลองหยั่งเชิงความเห็นของท่านป้าก่อน ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้จัดการไปตามสถานการณ์”
ฮูหยินเหอโบกมือ และเอ่ยว่า “ไม่ต้องถามนาง ข้าคิดว่าอาถงหาคู่ครองที่ดีมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแทนนางแล้ว ท่านแค่ไปหยั่งเชิงความเห็นของตระกูลจินก็พอ”
เจียงเซี่ยนรับปาก และส่งคนไปไท่หยวน
ไม่กี่วัน ตระกูลจินก็ส่งคนมาเป็นแม่สื่อ
ป้าเหอดีใจจนยิ้มไม่หุบ ตระกูลจินพูดอะไรก็ตกลงหมด อยากจะให้ลูกสาวแต่งไปทันที ทำงานให้เสร็จจนแก้ไขอะไรไม่ได้อีก ตระกูลจินไม่มีทางกลับคำได้ถึงจะดี แม้แต่ฮูหยินเหอ ก็รู้สึกว่าป้าเหอประจบประแจงเกินไปเช่นกัน ทว่าเตือนหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้ผล จึงทำได้เพียงไม่พูดอะไรทั้งนั้น
————————————