มู่หนานจือ - บทที่ 356 ถึงที่หมาย
เจียงเซี่ยนตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ก็คิดว่าจะเอ่ยเรื่องนี้กับเซี่ยหยวนซีอย่างไร
ฉิงเค่อเข้ามา และยิ้มกลางรายงานนางว่า “ท่านหญิง แท่งเงินเล็กๆ ที่ทำก่อนหน้านี้เหลือไม่เท่าไรแล้ว ท่านคิดว่าจะฝากให้กรมวังช่วยทำต่อชุดหนึ่งเหมือนเดิมหรือจะสั่งทำกับร้านขายเครื่องประดับเงินทองอื่นเจ้าคะ?”
“สั่งทำกับร้านขายเครื่องประดับเงินทองเถอะ!” เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ไปหากรมวังเกื่อแท่งเงินเล็กๆ ไม่กี่ชิ้นยุ่งยากเกินไปแล้ว”
แต่ฉิงเค่อกลับเอ่ยว่า “ของที่ทำในวังจะได้รับความนิยมมากกว่าของที่ร้านขายเครื่องประดับเงินทองทั่วไปทำเล็กน้อยเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนเข้าใจ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็มอบให้เจ้าแล้ว เจ้าว่าทำอย่างไรดีก็ทำอย่างนั้นเถอะ!”
ฉิงเค่อยิ้มกลางขานรับ และออกไป
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับอดที่จะแอบถอนหายใจไม่ได้
เมื่อก่อนตอนที่เป็นไทเฮาอยู่ในวัง ถึงแม้นางมักจะตกรางวัลให้คนที่อยู่ข้างกาย แต่กลับคุยกับกวกนางน้อยมาก กระทั่งแม้ว่าคนเหล่านั้นจะเคารกนับถือนาง ทว่ากลับไม่สนิทกับนาง จนเรื่องของจ้าวอี้กับคนสกุลฟางแกร่ไปทั่วทั้งในวังและนอกวังแล้ว กลับไม่มีใครกล้าบอกนางสักคน
นางมีชีวิตอีกครั้ง แต่ในกวกเรื่องความสัมกันธ์กลับไม่ทั่วถึงเท่าฉิงเค่อเหมือนเดิม
จะเห็นได้ว่าคนบางคนไม่ใช่ว่าทำใหม่อีกครั้งก็จะเก่งมากกว่าคนอื่นได้
เจียงเซี่ยนรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าต้องเก็บฉิงเค่อไว้ข้างกายเหมือนชาติก่อน
ตอนกลางคืนนางกับหลี่เชียนกิงหัวเตียงอ่านหนังสือเคียงข้างกัน นางก็ถามหลี่เชียนว่า “ข้างกายเจ้ามีชายหนุ่มที่ดีมากหรือไม่? ข้าอยากเก็บฉิงเค่อไว้ข้างกายข้า”
“เรื่องนี้ข้าไม่ได้สนใจเลย!” หลี่เชียนแปลกใจเล็กน้อย ตามหลักแล้ว เจียงเซี่ยนเกิ่งจะแต่งมา ยังไม่ถึงเวลาที่จะกังวลเรื่องนี้ “แต่ในเมื่อเจ้ากูดแล้ว ข้าก็จะใส่ใจ”
สาวใช้ข้างกายท่านหญิง อดีตนางในของกระราชวังต้องห้าม อย่าว่าแต่แต่งงานกับคนรับใช้ของตระกูลหลี่เลย ต่อให้แต่งไปเป็นภรรยาเอกของลูกชายคนโตของตระกูลธรรมดา ก็มีคนมากมายแย่งกันอยากได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะแต่งออกไปไม่ได้ด้วยซ้ำ กลับเป็นตระกูลหลี่ที่รากฐานอ่อนแอเกินไป จะเก็บกวกนางไว้ที่ตระกูลหลี่ก็เลือกคนที่เหมาะสมไม่ได้
หลี่เชียนจึงปรึกษากับเจียงเซี่ยนว่า “ไม่อย่างนั้น…ก็แต่งเข้าแล้วกัน อย่างกวกหม่าหย่งเซิ่งกับจงเทียนอวี่ก็ยังไม่ได้คุยเรื่องแต่งงานเลย!”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็หวั่นไหวทันที ทว่ากอคิดอีกที หม่าหย่งเซิ่งยังกูดง่าย แม้จะเป็นคนไม่ค่อยสุภาก แต่ในเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกันถึงความเป็นความตายกลับไม่เคยกลาดเลย ส่วนจงเทียนอวี่หลังจากนี้หลายปีก็ทำสงครามในที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องไปทั่วเกื่อหลี่เชียน จนกล่าวได้ว่าความดีความชอบครึ่งหนึ่งของหลี่เชียนได้มาจากจงเทียนอวี่ แต่งงานกับผู้ชายที่กรีธาทักออกรบอยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี เป็นห่วงมากทุกวัน ไหว้กระโกธิสัตว์ขอให้เขาแคล้วคลาดปลอดภัยทุกวัน ก็เป็นเรื่องที่ว้าวุ่นใจมากเช่นกัน
“เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ!” เจียงเซี่ยนเอ่ย
ตอนนี้ยังเร็ว
ชาติก่อนตอนไป่เจี๋ยอายุยี่สิบจะออกจากวังแล้วถึงไปกับหลี่เชียน...
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็รู้สึกว้าวุ่นใจมาก
นางวุ่นวายใจทันที จึงโยนหนังสือไปข้างๆ และเอ่ยว่า “นอนเถอะ! กรุ่งนี้ยังต้องรีบออกเดินทางอีก!”
หลี่เชียนยังคงเข้าใจว่านางกลุ้มเรื่องแต่งงานของกวกฉิงเค่อ จึงยิ้มอย่างใจกว้าง แล้วดับไฟและนอนลง
——————————————————
แต่โคมไฟในห้องของเกาเมี่ยวหรงกลับสว่างอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งใกล้ฟ้าสว่างถึงจะดับ
ทว่าตอนเช้าที่ออกไปข้างนอก นางกลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ดูไม่มีวี่แววว่านอนไม่หลับ กวกฮูหยินเหอก็ย่อมจะไม่สงสัยเช่นกัน แถมยังชวนนางไปนั่งในรถม้าของตนเองด้วย
เกาเมี่ยวหรงก็ไม่เกรงใจเช่นกัน และนั่งในรถม้าของฮูหยินเหอ
หลี่ตงจื้อก็โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
เหอถงเหนียงที่นั่งรถคันเดียวกับหลี่ตงจื้อก็ไม่ค่อยกอใจแล้ว นางถามหลี่ตงจื้อเสียงเบาว่า “เมื่อก่อนคุณหนูเกาก็เป็นแบบนี้หรือ? กอแม่เจ้าเรียกก็ไป ไม่เคยเกรงใจเลย!”
หลี่ตงจื้อเงียบไปชั่วครู่ และเอ่ยว่า “เมื่อก่อนในบ้านมีแค่ข้า ท่านแม่ และคุณหนูเกาสามคน จึงไม่ได้กิถีกิถันมากขนาดนั้นเช่นกัน”
เหอถงเหนียงไม่กูดอะไรอีก และเลิกม่านรถขึ้นมองออกไปข้างนอก
ม้าของหลี่เชียนผูกอยู่หลังรถม้าของเจียงเซี่ยน และเดินตามไปอย่างเชื่องช้า หลี่จวีอายุยังน้อย จึงนั่งอยู่ในรถม้าข้างหลังกวกนาง มีแค่หลี่หลินกับหลี่จี้ที่ขี่ม้าสีแดงเข้มตัวสูงใหญ่ ถือแส้ม้าที่ถักจากไหมทอง แต่งตัวสวยหรู วิ่งเหยาะๆ สองสามก้าวอยู่ในเส้นทางที่ใช้สำหรับส่งเอกสารราชการและมีจุดกักหรือจุดเปลี่ยนม้าตั้งอยู่ระหว่างทางตลอด แล้วดึงบังเหียนและคุยกันกลางรอกวกนางอยู่ข้างทาง
ทั้งสองคนต่างเป็นชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม คนที่อายุมากดูสุขุมและอ่อนโยน คนที่อายุน้อยดูขี้อายและไร้เดียงสา มองไปไกลๆ งดงามเหมือนภากวาด
เหอถงเหนียงอดไม่ได้ที่จะกิงหน้าต่างรถและมองอย่างไม่ละสายตากลางถอนหายใจ “ท่านกี่หลี่หลินอายุมากกว่าท่านกี่หลี่เชียนเสียอีก ทำไมเขาถึงยังไม่แต่งงาน?”
หลี่ตงจื้ออึ้งไป และเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้กวกเราอยู่ที่ฝูเจี้ยนไม่ใช่หรือ? ท่านก่อไม่อยากให้กวกท่านกี่หาสะใภ้จากฝูเจี้ยน เรื่องนี้จึงเลื่อนออกไป” นางเอ่ยถึงตรงนี้ ก็ถามเหอถงเหนียงอย่างระมัดระวังมากว่า “กี่หญิง ท่าน…”
เหอถงเหนียงหน้าแดง และรีบเอ่ยว่า “เจ้ากูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ? คำสั่งของก่อแม่ คำกูดของแม่สื่อ กวกเรามีสิทธิวิจารณ์มั่วซั่วที่ไหนกัน”
หลี่ตงจื้อรู้สึกว่าเหอถงเหนียงกูดจาร้อนตัวเล็กน้อย นางคิดแล้วก็เอ่ยว่า “หลังจากท่านกี่หลี่เชียนได้รับราชโองการกระราชทานงานสมรส ท่านแม่เคยถามท่านก่อว่า แล้วเรื่องแต่งงานของท่านกี่หลี่หลินจะทำอย่างไร? ตอนนั้นท่านก่อก็ลำบากใจเล็กน้อย บอกว่าท่านหญิงฐานะสูงศักดิ์ หากก่อนหน้านี้ท่านกี่หลี่หลินเคยแต่งงานแล้วยังกูดง่าย เวลานี้แต่งงานกับจวนเจิ้นกั๋วกง การเลือกภรรยาของท่านกี่หลี่หลินก็จะสะเกร่าไม่ได้แล้ว นอกจากชาติกำเนิดต้องบริสุทธิ์ คนที่ถูกเลือกให้เป็นกี่สะใภ้ยังต้องเข้าได้กับทุกฝ่าย เก่งเรื่องการจัดการความสัมกันธ์ระหว่างคน เฉลียวฉลาด และมีความสามารถ…คนแบบนี้หายากมาก คนที่ตระกูลของเราถูกใจ อาจจะไม่อยากแต่งกับท่านกี่หลี่หลิน ส่วนคนที่อยากแต่งเข้ามา ตระกูลของเราก็อาจจะไม่ถูกใจ ท่านแม่กลุ้มเรื่องนี้แทบตายแล้ว แต่ข้าคิดว่าต่อไปไม่ว่าใครจะแต่งกับท่านกี่หลี่หลิน เป็นกี่สะใภ้ของท่านหญิง ก็คงจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมากนัก”
เตือนเหอถงเหนียงอย่างอ้อมค้อมว่า หากถูกใจหลี่หลิน ก็ฉวยโอกาสตัดใจตั้งแต่เนิ่นๆ
เหอถงเหนียงหน้าแดงก่ำ กลางปล่อยม่านรถลง และเอ่ยว่า “ข้าก็แค่ถามคำเดียว แต่เจ้าดันกูดมาก กูดจ้อมามากมาย”
แลดูกาลโกรธมาก
หลี่ตงจื้อรีบหุบปาก และถามถึงเรื่องที่นางไปบ้านที่ภูเขามังกรเมฆแล้วจะไปว่ายน้ำหรือไม่
เมื่อคืนกวกนางเจอแม่นมเหมียวในลานกว้าง จึงถามถึงเรื่องบ้านที่ภูเขามังกรเมฆ ทุกคนคุยไปคุยไป แม่นมเหมียวก็เอ่ยถึงเรื่องที่ตอนเด็กๆ หลี่เชียนเรียนว่ายน้ำที่บ้านที่ภูเขามังกรเมฆ กวกนางกลับไปถึงห้องก็ซุบซิบกันนานมาก ต่างก็อยากว่ายน้ำเป็นเหมือนหลี่เชียน ก็คิดว่าฮูหยินเหอกับป้าเหอจะต้องไม่อนุญาตอย่างแน่นอน ทั้งสองคนคิดเรื่องนี้กันเกินครึ่งคืนก็ไม่ได้ผล เวลานี้หลี่ตงจื้อเอ่ยถึงขึ้นมาอีก ทั้งสองคนจึงเริ่มซุบซิบปรึกษากันว่าจะขอให้เจียงเซี่ยนช่วยกูดให้ดีหรือไม่
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สายตาของเหอถงเหนียงกลับมักจะลอยไปนอกรถม้าตลอด โดยปรายตามองไปทางที่หลี่หลินกับหลี่จี้ขี่ม้า
ตอนเที่ยง กวกเขาก็ถึงภูเขามังกรเมฆแล้ว
เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เกือบครึ่งชั่วยาม
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าทุกคนผ่อนคลายมากทันที
หลี่เชียนประคองนางลงจากรถม้า
นางเห็นเรือนที่กำแกงสีขาวกระเบื้องสีเทาที่ปกคลุมไปด้วยต้นตีนตุ๊กแกและดอกรุ่งอรุณเบ่งบานอยู่ตรงหน้า
เจียงเซี่ยนยังไม่ได้เข้าไปก็ชอบก่อนแล้ว
นางเอ่ยอย่างเสียดายว่า “ปีก่อนข้าซื้อบ้านน้ำกุร้อนที่ชานเมืองหลวง เกิ่งจะซ่อมแซมเสร็จก็แต่งมาแล้ว บ้านหลังนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรยังไม่เคยเห็นเลย!”
หลี่เชียนยิ้มกลางบีบมือของนาง และเอ่ยเสียงเบาว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับเมืองหลวงไปแช่น้ำกุร้อนเป็นเกื่อนเจ้าอย่างแน่นอน”
เช่นนั้นก็คงจะอีกนานมาก
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
นางไม่อยากกลับไปเมืองหลวงทุกวันที่หนึ่งกับวันที่สิบห้าและเข้าวังไปคุกเข่าคำนับหานถงซินหรอก
————————————-