มู่หนานจือ - บทที่ 350 โกรธจนแตกหัก
ไป่เจี๋ยทำหน้าบึ้งพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” แล้วหันตัวจะเดินออกไปข้างนอก
ฮูหยินจวงโกรธจนแทบจะเป็นลม
นางคิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนจะวาจาคมคายแบบนี้
หากให้เจียงเซี่ยนกุเรื่องขึ้นมาและแพร่ข่าวที่หน้าของลูกสาวนางถูกน้ำร้อนลวกออกไปจริงๆ ต่อให้หน้าของลูกสาวไม่เป็นไร พอถึงตอนที่คุยเรื่องแต่งงาน ฝ่ายชายก็จะต้องสืบว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน กระทั่งอาจจะคิดหาทางใช้เงินซื้อคนที่อยู่ข้างกายลูกสาว และถามว่าบนตัวลูกสาวมีรอยแผลเป็นหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง ก็เป็นการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตต่อชื่อเสียงของลูกสาวนางทั้งนั้น
ลมหายใจของฮูหยินจวงติดอยู่ในลำคอของนาง ครู่หนึ่งถึงจะเอ่ยเสียงแหบว่า “ท่านหญิง อย่าได้ยินข่าวที่ไม่แน่ชัดเพียงนิดเดียวก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ข้าบอกตอนไหนว่าบนหน้าของลูกสาวข้ามีรอยแผลเป็น?”
“เช่นนั้นก็ดี! เช่นนั้นก็ดี!” เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นข้าคงเป็นห่วงคุณหนูจวงจริงๆ!”
นางทำสีหน้าอย่างขอไปทีอย่างสิ้นเชิง ทำให้คนแค่เห็นก็รู้ว่านางเพียงแค่กำลังเอ่ยคำพูดเกรงใจเท่านั้น
ฮูหยินจวงจึงยิ่งโกรธ
นางอดที่จะเอ่ยเสียงเฉียบขาดไม่ได้ว่า “ท่านหญิงเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าลูกสาวข้าถูกหลี่ตงจื้อรังแก ตระกูลของพวกท่านยังมีเหตุผลอย่างนั้นหรือ?”
“ฮูหยินจวงเอ่ยเช่นนี้ก็ไม่ถูกแล้ว!” เจียงเซี่ยนเอ่ยแทรกฮูหยินจวง และนั่งลงตรงฝั่งที่ตำแหน่งค่อนข้างสูงศักดิ์ แล้วเอ่ยเสียงทุ้มว่า “หากข้าจำไม่ผิด ปีนี้คุณหนูจวงอายุสิบสองปีแล้วใช่หรือไม่! ปีนี้น้องหญิงของพวกเราเพิ่งจะอายุแปดปี!”
เด็กสาวที่อายุสิบสองปีถูกเด็กสาวที่อายุแปดปีรังแก เป็นเพราะเด็กสาวที่อายุสิบสองปีไร้ความสามารถเกินไปหรือเพราะเด็กสาวที่อายุแปดปีเก่งเกินไปแล้ว?
ฮูหยินจวงพูดไม่ออก
เจียงเซี่ยนยิ้มเยาะ
ภาพที่ลูกสาวซบหัวเข่าของนางและร้องไห้อย่างเสียใจจนถึงที่สุดผุดขึ้นในความทรงจำของฮูหยินจวง นางจึงโกรธขึ้นมาทันที จนพาลโกรธและวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะชาอย่างแรง แล้วมองเจียงเซี่ยนพลางเอ่ยว่า “ตามที่ท่านหญิงเอ่ย ลูกสาวข้าเป็นคนรังแกคุณหนูหลี่หรือ? ตอนนั้นไม่เพียงแต่คุณหนูเหอที่อยู่ด้วย คุณหนูสามตระกูลซือ กระทั่งคุณหนูเกาของบ้านพวกท่านก็อยู่ด้วยเช่นกัน!”
ได้ยินฮูหยินจวงเอ่ยถึงเกาเมี่ยวหรง เจียงเซี่ยนก็อดที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ฮูหยินพูดมีเหตุผล ข้าว่าแบบนี้ดีกว่า เชิญพวกคุณหนูที่อยู่ด้วยในตอนนั้นมาให้หมด ทุกคนพูดให้ชัดเจนกันต่อหน้า หากเป็นความผิดของน้องหญิงของพวกเรา ฮูหยินของพวกเราย่อมออกหน้าลงโทษนาง อาจจะคุกเข่าที่หอบรรพบุรุษหรืออาจจะคัด ‘เตือนสตรี’ สักสามร้อยรอบ แต่หากไม่ใช่ความผิดของน้องหญิงของพวกเรา ข้าว่าก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้นเช่นกัน ฮูหยินจวงบุกเข้ามาตระกูลหลี่อย่างไร ก็ไสหัวออกไปอย่างนั้น!” นางเอ่ยพลางเชิดคางขึ้นเล็กน้อยและมองฮูหยินจวงอย่างเย็นชา จะบอกว่าท้าทายแค่ไหนก็ท้าทายแค่นั้น “ในเมื่อท่านไม่กลัวเสียหน้า ข้าย่อมร่วมมือด้วย!”
เลือดของฮูหยินจวงพุ่งขึ้นบนศีรษะอย่างต่อเนื่อง และโกรธจนพูดไม่ชัดแล้ว “เจ้า…เด็กสาวที่ยังอายุไม่ครบสิบห้าปีเต็มอย่างเจ้า กลับกล้าสั่งตามใจชอบต่อหน้าข้า มิน่าถึงได้ถูกคนนินทา…”
เจียงเซี่ยนเบิกตาโต ถ้วยชาในมือถูกนางขว้างลงบนพื้น
“เด็กๆ ตบปาก!”
ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่ออดที่จะแลกเปลี่ยนสายตากันไม่ได้
ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินจวงก็เป็นสตรีสูงศักดิ์ระดับสาม
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับโกรธแทบแย่แล้ว
เมื่อก่อนพวกคนในวังเพื่อเอาใจคนสกุลฟาง ก็วิพากษ์วิจารณ์นางลับหลังว่าบิดามารดาเสียชีวิตทั้งคู่ตั้งแต่เด็ก เหล่าขุนนางใหญ่เถียงไม่ชนะนาง ก็แอบเสียดสีนางว่าบิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก…เวลานี้ก็มีคนพูดออกมาอีกแล้ว
แถมยังต่อหน้านาง
ความรู้สึกที่เดิมทีมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่นของนางมลายหายไปในชั่วพริบตา ทำให้นางโกรธ
ดังนั้นพอเห็นไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อแลกเปลี่ยนสายตากันอยู่ตรงนั้น และไม่ขยับตัวทันที นางจึงโกรธจนหน้าซีด และมองไปด้วยสายตาโหดเหี้ยมมาก
ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อกัดฟันไปเรียกแม่นมที่ทำงานหนัก
ฮูหยินจวงถึงได้สติกลับมา และคิดได้ว่าเจียงเซี่ยนเอาจริง
แต่นางก็ไม่ใช่คนที่ล่วงเกินได้ง่ายๆ เช่นกัน จึงเรียกคนรับใช้ที่แข็งแรงที่มากับนางทันที
เจียงเซี่ยนยิ้มเยาะ นางยืนอยู่บนที่วางเท้าหน้าเตียงอรหันต์ มองฮูหยินจวงอย่างเย่อหยิ่ง แล้วเอ่ยกับไป่เจี๋ยและฉิงเค่อด้วยสายตาน่ากลัวว่า “ทำงานไม่ดี พวกเจ้าก็ไม่ต้องอยู่ข้างกายข้าแล้วเช่นกัน”
ทั้งสองคนตกใจ
พอรู้ว่าเจียงเซี่ยนตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วเช่นกัน พวกคนรับใช้ที่แข็งแรงก็เริ่มออกแรงผลักกันตรงนั้น
ฮูหยินจวงโกรธจัด และชี้เจียงเซี่ยนพลางเอ่ยว่า “เจ้าบังอาจมาก! นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะตีสตรีบรรดาศักดิ์ของราชสำนัก! มิน่าเด็กสาวอย่างหลี่ตงจื้อถึงกล้าลงมือกับลูกสาวของข้า ที่แท้เจ้าเป็นคนสอนนี่เอง!”
เจียงเซี่ยนเบ้ปากอย่างดูถูก และหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “แค่ระดับสามเล็กๆ กลับกล้าสั่งตามใจชอบต่อหน้าข้า เจ้ามีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วใช่หรือไม่! พวกเจ้าไม่ต้องกลัว รุมตีออกไป! ข้าจะดูว่า นางจะทำอะไรข้าได้?”
“ข้า…ข้าจะเข้าเมืองหลวงไปฟ้องฝ่าบาท!” ฮูหยินจวงก็โกรธจนสติเลอะเลือนแล้วเช่นกัน จึงพูดจาไม่มีระเบียบแล้ว “ข้าไม่เชื่อหรอกว่า ท่านหญิงแต่งงานกับผู้ชายที่ฐานะต่ำ ก็สามารถรังแกคนได้ตามใจชอบ!”
“ไปฟ้องเถอะ!” เจียงเซี่ยนเห็นนางโกรธจัด กลับใจเย็นลง จึงนั่งลงใหม่ และค่อยๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ แล้วเอ่ยว่า “ไปฟ้องพี่ชายของเจ้าที่อยู่เมืองหลวงจะดีที่สุด ข้าจะดูว่า ใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนที่กล้ายุ่งเรื่องของข้า”
ฮูหยินจวงมองเจียงเซี่ยนอย่างตกใจ
ในใจของนาง ขุนนางฝ่ายบู๊ระดับสามยังสู้นายอำเภอระดับเจ็ดไม่ได้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมนางถึงกล้าทะเลาะเช่นกัน
ทว่านางกลับลืมไปว่า เจียงเซี่ยนเป็นท่านหญิง และไทฮองไทเฮายายของเจียงเซี่นยังมีชีวิตอยู่
และเวลาเพียงแค่ชั่วครู่นี้ ชีกูที่ไม่รู้เข้ามาทางไหน ก็จับฮูหยินจวงที่ถูกคนรับใช้ที่แข็งแรงของตระกูลจวงล้อมอยู่ตรงกลางเอาไว้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ฮูหยินจวงกรีดร้อง และตบตีมือที่ยื่นมาของชีกู
พวกคนรับใช้ที่แข็งแรงก็รู้ตัวเช่นกัน จึงรีบใช้ของอย่างไม้กระบองรุมตีชีกูอย่างรุนแรง
แต่ชีกูกลับหลบซ้ายหลบขวา ไม่เพียงแต่หลบการโจมตีของพวกนางได้ ทว่ายังลากฮูหยินจวงออกมาจากในวงล้อมของพวกนางด้วย
ฮูหยินจวงกรีดร้อง
เจียงเซี่ยนเพียงแค่นึกถึงตอนที่วังฉือหนิงถูกโจมตี
นางไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว แล้วก็อดที่จะส่งสัญญาณมือให้ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อไม่ได้ และเอ่ยว่า “ก็ไม่ต้องไล่คนออกไปหมดแล้วเช่นกัน จะทำให้ฮูหยินจวงเสียหน้า มัดคนพวกนี้ทั้งหมดเอาไว้และโยนใส่ในรถม้า ส่งไปให้ใต้เท้าจวง”
เรื่องนี้ค่อนข้างง่าย!
ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อถอยออกมา ชีกูพาเซียงเอ๋อร์ จุ้ยเอ๋อร์ และพวกคนรับใช้ที่แข็งแรงไปมัดฮูหยินจวงเอาไว้
หลังจากตีมั่วซั่วอยู่พักหนึ่ง ฮูหยินจวงก็ถูกอุดปากและโยนเข้าไปในรถม้า แล้วถูกคนขับรถม้าของตนเองลากกลับบ้านอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่น
ใต้เท้าจวงเห็นแล้วก็โกรธจนพูดไม่ออก นี่ยังไม่ต้องเอ่ยถึง ตอนที่ฮูหยินจวงไปหาถึงบ้านก็ไม่ได้พยายามซ่อนอย่างสุดกำลัง ดังนั้นตอนที่เจียงเซี่ยนโยนคนออกไปก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเช่นกัน
เพียงแค่หนึ่งชั่วยาม ตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจในเมืองไท่หยวนก็รู้เรื่องนี้แล้ว
ฮูหยินติงฝืนยิ้มให้ติงหวั่นลูกสาวที่กำลังคุยกับนาง และเอ่ยว่า “ข้ายังคิดว่าท่านหญิงเจียหนานจะพยายามโต้เถียงตามเหตุผลกับฮูหยินจวง คิดไม่ถึงว่านางจะแสดงกำลังทหารเลย เดิมทีข้ายังลังเลอยู่ว่าต้องช่วยตระกูลหลี่สักหน่อยหรือไม่ เวลานี้ก็ไม่ต้องทำให้ตนเองลำบากใจแล้วเช่นกัน ท่านหญิงเจียหนานกับตระกูลหลี่ เรียกได้ว่าเป็น ‘นิสัยเหมือนกันมาก’ จริงๆ!”
ติงหวั่นก็ตกใจมากเหมือนกัน นางเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านหญิงทำแบบนี้ ไม่เป็นไรหรือ? ถึงอย่างไรตระกูลจวงก็ยังมีลุงที่เป็นขุนนางอยู่ที่เมืองหลวง!”
“ดังนั้นพวกเราคอยสังเกตความเป็นไปของเหตุการณ์อย่างสงบดีกว่า!” ฮูหยินติงเอ่ยว่า “ปีหน้าจะเป็นเวลาที่ประเมินสามปีของพ่อเจ้า ข้าหวังเพียงว่าไท่หยวนอย่าเล่นลูกไม้อะไรอีกแล้ว และให้พ่อเจ้าได้ย้ายกลับไปเมืองหลวงอย่างปลอดภัย”