มีแค่เราที่เป็นเนโครแมนเซอร์ ตอนที่ 42 ผู้คํามนุษย์ในโรงงานร้าง(2)
เขาไม่แน่ใจว่าสกิลมีอยู่ด้วยกันกี่เกรดที่จะต้องพัฒนาต่อไปเพราะเขายังไม่เคยได้ผ่านการอัพเกรดสกิลเลย
“ใช้ไอเทม
แผ่นกระดาษระเหิดหายไปเมื่อเขาพูด ข้อความปรากฏขึ้นมา
(ข้อมูลสกิล
ชื่อ : ที่พักว่าง
-เกรด : ปรมาจารย์
-ประเภท : ใช้งาน
-ค่าร่าย : 0
สร้างที่พักให้สมุนของคุณในมิติย่อย คุณสามารถให้สมุนของคุณอยู่ข้างในได้โดยไม่สนใจจํานวนและขนน คุณสามารถเรียกสมุนออกมาได้ตามใจชอบ(แต่จะใช้งานได้กับสมุนที่อยู่ในสถานะไม่พังทลายเท่านั้น)
+ เฟลเบลด : เมื่อเรียกสมุนจํานวนมากออกมาภายในครั้งเดียวคุณจะกระจายคําสาปมรณะได้ความกว้างและความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามจํานวนสมุนที่เรียกออกมา(คูลดาวน์ : 1 ชั่วโมง)
เขารู้สึกดีเมื่ออ่านข้อมูลสกิล เขาต้องพาฝูงโครงกระดูกติดตัวไปด้วยในทุกที่จนถึงตอนนี้แต่มีหลายเรื่องที่เขาต้องกังวลอย่างเช่นการซ่อนเหล่าโครงกระดูกหรือการผ่านที่แคบอันน่าปวดหัวและเขายังต้องอธิบายเรื่องโครงกระดูกของเขาในทุกครั้งที่เจอกับผู้รอดชีวิต
ตอนนี้ เขาสามารถเก็บโครงกระดูกยักษ์ที่เขามีเอาไว้ในช่องเก็บของและเรียกออกมาได้ทุกเมื่อ นี่คือนวัตกรรมของแท้
“เข้าไป
ซองอูคิดในใจ เหล่าโครงกระดูกกลายเป็นผงที่หายไปเฉย ๆ
สมุนของคุณอยู่ใน “ที่พักว่าง
“เอ๋? พวกโครงกระดูกไปไหนแล้วล่ะ?”
ฮันโฮถาม
“สกิลใหม่น่ะ”
จากนั้นซองอูก็คิดถึงการใช้สกิลเสริม “เฟลเบลด แต่เขาต้องรอเพราะมันอาจจะทําให้ผู้รอดชีวิตคนอื่นบาดเจ็บได้
ฮันโฮสุ่มบอลขึ้นบ้างและได้ “หนังกระทิงแข็งกันหน้าอกที่เป็น “ไอเทมธรรมดา
จีซูไม่ได้โชคดีเช่นกันเธอได้ชุดเอาชีวิตรอดคลาส B ที่มีผ้าบันแผลยาปฐมพยาบาล เชือกและตะเกียง
“ซักวันมันอาจจะช่วยเราได้ก็ได้”
เธอพูดและรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองได้
“ซองอู ไม่คิดว่าแกเอาดวงดีของพวกเราไปหมดแล้วเหรอ? รอบหน้าขอชั้นก่อนบ้างนะ”
“ได้เลย”
พวกเขาตัดสินใจเก็บเงินหลังจากลุ่มลูกบอล พวกเขารู้ที่อยู่ของร้านค้าและรู้ว่าทองไม่ได้ใช้กับร้านค้าเพียงอย่างเดียวเพราะยังใช้คงโซนปลอดภัยได้อีกด้วยพวกเขาจึงต้องเก็บเงินเอาไว้เผื่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
“ไปกันได้แล้ว”
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย ซองอูเดินขึ้นบันได
บางครั้งก็มีเวลาที่ทําให้คุณต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตรง ๆ ซึ่งนั่นจะเกิดกับเขาในอีกไม่ช้า
อีคยองซูเสียใจในทุกขณะ
“ทําไมถึงได้เป็นแบบนี้? แทนที่จะขับรถออกจากมหาลัยเราควรจะอยู่กับคนที่ชื่อ ยูซองอูไม่ใช่เหรอ?ทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
ความคิดของเขาที่ว่ากองทัพปลอดภัยนั้นทําให้ทุกอย่างพังไม่เป็นท่า เขาที่มาถึงหน่วยทัพหลังจากหลบฝูงไวเวิร์นและผ่านมอนสเตอร์มากมายมาได้นั้นพบเจอแต่ความว่างเปล่า เขาชอบดูหนังแนวโลกที่มีแต่ซอมบี้ แต่พอเรื่องจริงเกิดขึ้นกับเขา เขาก็ทําผิดพลาดซ้ําแล้วซ้ําเล่าเหมือนกับที่ตัวละครในหนังทํา
“ให้ตายเถอะ”
นักศึกษาทุกคนรวมถึงคยองซูต่างไม่พอใจ หลังจากที่หยุดหน้าวลวดหนาม คยองซูได้แต่นั่งเงียบหัวชนพวงมาลัยทุกอย่างมีแต่ความสิ้นหวัง
ในตอนนั้นเองเพื่อนของเขายื่นโทรศัพท์มือถือให้ดู
“คยองซู ดูนี่สิ!”
โชคดีที่เขาเจอคิวอาร์โค้ดสําหรับแอพ “คู่มือผู้เล่น” และบอกคยองซูถึงวิธีการติดต่อกับผู้คนในแอพซึ่งนั่นทําให้คยองซูใจเต้น
“หือ? โซนปลอดภัยเหรอ?”
“ใช่ มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่! ซูวอนฮวาซอง น้ํามันเราพอไปถึงที่นั่นใช้ไหม?”
“ชั้นว่าน่าจะถึงนะ”
คยองซูมีหวังอีกครั้ง เขาจับพวงมาลัยอย่างมั่นคง
แน่นอนว่านักศึกษาทั้งสามสิบคนบนรถบัสตัดสินใจเหมือนกับเขา เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบอันหนักอึ้งซึ่งจริง ๆ แล้วทุกคนตามเขามาเพราะรู้ว่าเขาขับรถบัสได้และรู้ทางมากองทัพเท่านั้น
“ดี ไปกันอีกครั้งเถอะ”
เขาเริ่มมีจุดหมาย เขาค่อย ๆ ขับไปอย่างช้า ๆ และระมัดระวังการเดินทางนั้นอันตรายมากแต่เขาก็ไปถึงจุดหมายโดยไร้อุบัติเหตุเขารู้สึกโชคดีมาตลอดการเดินทาง
“พวกเราใกล้ถึงแล้วคอมเมนต์เอาไว้เร็ว!”
“ขอพิมพ์ก่อนนะ”
แต่สิ่งที่เขาได้พบที่นั่นไม่ใช่ผู้ช่วยชีวิตอย่างซองอู
“เดินตรงมา
เมื่อได้ยินเสียงขู่จากด้านหลัง คยองซูรู้สึกตัวและเงยหน้า เขาเดินไปด้วยความหนักใจ
“อะไรของแก? เหนื่อยเรอะ? ถ้าไม่ชอบก็บอกมา เดี๋ยวอีกนิดแกก็จะได้ไปในครัวแล้ว
“ครัว”ที่เสียงนั้นพูดถึงไม่ใช่ครัวที่ใช้ทําอาหารหรือล้างจาน
มันหมายถึงอาหารที่กองอยู่ข้างในจนเรียกว่าเป็นครัวต่างหาก
“อ๊ากกกก! ไอ้บ้านั่นไม่มีเนื้อที่ชั้นกินได้เลย”
คนบ้าพวกนี้คือสัตว์ประหลาดที่ล่อให้คนมารับใช้เป็นทาสไม่ก็ดูดเลือด
คยองซูและนักศึกษาอีกสามสิบคนหนีมาที่นี่เพื่อหาที่ปลอดภัยแต่พวกเขาก็โชคร้ายติดกับ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทาสรับใช้และเป็น “ทาสต่อสู้” ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อล่ามอนสเตอร์และถูกริบเงินทั้งหมดไป
“คนของชั้นเริ่มจะสภาพไม่ไหวแล้วเราหาคนมาแทนไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ก็จริง พวกมันอาจจะแข็งข้อขึ้นมาได้เพราะเลเวลอัพขึ้นมาบ้างแล้ว”
คยองซูกับทาสสี่คนไม่กล้าต่อต้าน เพราะพวกเขาเห็นเพื่อของตัวเองโดนฆ่าอย่างป่าเถื่อนหลังจากขัดขืน สิ่งเดียวที่คยองซูทําได้ในตอนนี้คือเดินก้มหน้า
ในตอนนั้นเองคยองซูเดินชนหลังคนข้างหน้าเพราะคนข้างหน้าที่หยุดเดิน
กรอบ แกรบ
“หา? นั่นมันตัวอะไรน่ะ?”
“กระดูกเหรอ? เห็นทีแรกนึกว่าพวกกอบลินซะอีก”
คยองซูค่อย ๆ เงยหน้า มีบางอย่างที่มีสีขาวและตัวเล็กขวางทาง
พวกเขา
“พวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์ใหม่หรอกเหรอ? ฆ่ามัน!”
แต่คยองซูคิดว่าตัวเองตาฝาด
เองตาฝาด
“ซองอู?”
“อะไร? มันพูดอะไร? ซองอู? ใครนะ?”
เป็นธรรมดาที่เขาจะโพล่งออกมา เพราะโครงกระดูกขาวที่เขาเห็นคือโครงกระดูกกอบดินที่ซองอูมีติดตัวจากนั้นซองอูได้เดินออกมาจากซอยที่อยู่ทางซ้าย
“คยองซู ดวงที่ยืมชั้นไปคราวที่แล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลยสินะ”
ทันทีที่เขาพูด โครงกระดูกก็โผล่มาจนเต็มไปหมด
คยองซูสับสน
ยูซองอูราวกับคิดล่วงหน้ามาหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่โลกได้เปลี่ยนเป็นเกมเขาทําทุกอย่างได้อย่างใจเย็นและเอาตัวรอดได้ดี
เป็นไปได้ด้วยหรือ? เขาไม่ใช่นักศึกษาธรรมดาหรอกเหรอ? แม้แต่ตอนนี้สายตาเขาก็ยังเฉียบแหลม เขาระบุตําแหน่งอันตรายที่มี แวมไพร์ห้าตัวได้อย่างไร?
ถั่วะ! นิ้วะ! ฉ่วะ!
ตั้งแต่ก่อนที่จะได้พูดคุยกัน ซองอูก็ขว้างหอกสี่เลมใส่พวกแวมไพร์ไปแล้วมันเร็วจนแวมไพร์ตั้งตัวไม่ทัน
“อ๊ากกก! แกเป็นใค…อ๊ากกกกก!”
จากนั้นโครงกระดูกที่มีหัวเป็นสัตว์ก็เข้ามาจัดการฉีกกระชากแวมไพร์มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองจนคยองซูกับเพื่อนทนดูไม่ไหวแต่แวมไพร์นั้นฟื้นตัวได้นอกเสียจากจะแหลกเป็นชิ้น ๆ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลือกอื่น
“เหลือไว้หนึ่ง”
หลังจากฆ่าแวมไพร์ ซองอูปล่อยคยองซูกับทาสคนอื่นให้เป็นอิสระ
“ซองอู ไอ้แวมไพร์ลอร์ดโรคจิตนั่นจะต้องรู้ว่าพวกเรามาแล้วใช่ไหม? ไม่คิดว่ามันกําลังจะมาเหรอ?”
“ได้ยินว่ามันไม่ได้อยู่แถวนี้นะ”
แวมไพร์สามารถรับรู้การตายของแวมไพร์ด้วยกันได้ ไม่ยากที่จะเดาว่าการตายของแวมไพร์สี่ตัวเป็นฝีมือของซองอู
แต่จากที่แทซองบอก ที่เขตนี้ไม่มีแวมไพร์ลอร์ด
และเขาบอกว่า “โรงงานร้าง” ศูนย์กลางการค้ามนุษย์ที่ซองอูโจมตีนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของแวมไพร์ที่ถูกแวมไพร์ลอร์ดควบคุม
“ขอบคุณที่ช่วยเป็นครั้งที่สองนะ ซองอู”
คยองซูพูดด้วยสภาพอิดโรย
“เกิดอะไรขึ้น?”
ซองอูถาม
“ ชั้นไม่มีหน้ามาบอกนายหรอก”
เขาบอกว่าเขาไปที่โซนปลอดภัยในซูวอน-ฮวาซองตามโพสต์ในกระดานข่าว
MANGA DISCUSSION