มายันตรา - ตอนที่ 9 วายชนม์ชาติภุมภีร์
“โลหิตกุมภีร์!!!” เอเจร้องบอกคนอื่นทันทีที่เห็นตัวอสูรกลางน้ำ
“อะไรนะ!!!” อาร์คตกใจรีบถามย้ำอีกครั้ง
“ใจเย็นก่อนทุกคน…ตั้งสติไว้” เอียนเอ่ยขึ้นเตือนเพื่อน
“ไฟ!”
“ว่าไงนะ?” ซีเลียที่ตกใจจนได้ยินไม่ถนัดหันไปถามโรเซียร่าอีกครั้ง
“โลหิตภุมภีร์กลัวไฟ…ร่ายเวทย์เพลิงมายาเร็วเข้า…อย่าให้ไฟดับนะ” เอียนเข้าใจความหายที่โรเซียร่าบอก เขารีบหันบอกเพื่อน
กองไฟโหมลุกไหม้เป็นกองใหญ่ แสงเปลวไฟสาดส่องเจิดจ้าทั่วบริเวณที่เด็กทั้งห้ายืนอยู่ โลหิตภุมภีร์เคลื่อนสะบัดตัวไปมาอยู่กลางลำธารอย่างรุนแรงด้วยความหงุดหงิด มันโบกหางหอบเอาน้ำจากลำธารสาดเข้าใส่กองเพลิงอย่างแรง แสงจ้าส่ายสะบัดวูบไหวเกือบมอดดับ
อสูรกายแยกเขี้ยวคำรามด้วยโทสะเมื่อเห็นว่าเพลิงมายายังคงลุกโชนส่องสว่าง มันออกแรงด้วยพลังมายาแห่งสัตว์อสูรระดับสูงคำรามเป็นลมกรรโชกใส่ เอียนและเอเจร่ายเวทย์เกราะมายาต้านแรงลมจนแทบทรงตัวกันไม่อยู่
“เอียน…โลหิตภุมภีร์ตัวนี้เป็นสัตว์อสูรชั้นสูง เราไม่ใช่คู่ต่อกรของมันนะ” เอเจร้องบอก
“เพื่อนๆ พลังมายาของข้ากำลังอ่อนแรงลงอีกแล้ว” อาร์คพูดขณะที่กำลังร่ายเวทย์เพลิงมายาอยู่
“ข้าก็เช่นกัน เราเพิ่งได้พักเพียงไม่นาน พลังมายาเลยไม่มั่นคง” ซีเลียพูดไปขณะที่ยืนโอนไปเอนมาเจียนจะล้มอยู่รอมร่อ
“โรส…เจ้ายังโอเคอยู่หรือไม่” เอเจร้องถามแต่โรเซียร่าไม่ได้ตอบกลับ นางยังคงร่ายเวทย์เพลิงมายาต่อไปอย่างมุ่งมั่น
โลหิตกุมภีร์คืบคลานขึ้นจากน้ำ กรงเล็บแกร่งตะปบเข้าที่เกราะมายา เสียงปะทะดังสนั่นลั่นไปทั่วบริเวณกระตุ้นโทสะอสูรร้ายให้ออกแรงมากขึ้น หางยาวหนาสะบัดฟาดเกราะมายาใส่ด้วยแรงมหาศาล คมเขี้ยวขบฟัดหมายทำลายเกราะมายาให้สลายจงได้
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กทั้งห้าเหนื่อยล้าและกำลังจะหมดแรงไม่เว้นแม้แต่เอียน พลังมายาเริ่มอ่อนกำลัง โลหิตกุมภีร์ฉวยจังหวะนี้สะบัดหางฟาดใส่เกราะมายาอีกครั้ง เกราะมายาสลายทันที เอียนและเอเจกระเด็นห่างออกไปคนละทิศ แรงกระแทกทำให้เอเจและเอียนหมดสติไปทันที เหลือเพียงอาร์ค ซีเลียและโรเซียร่าที่ยังฝืนร่ายเวทย์เพลิงมายากองใหญ่ที่ยังคงเป็นยันต์คุ้มภัยให้ทุกคน อสูรกายเดินกร่างเข้าหาด้วยหมายขย้ำเหยื่ออันแสนโอชะตรงหน้า
แรงคำรามเพียงครึ่งก็สามารถสร้างลมกรรโชกได้ กองเพลิงมายาดับมอดไปพร้อมสติของอาร์คและซีเลีย ทั้งสองคนล้มลงแน่นิ่งไปกับพื้นดิน โรเซียร่าผงะไปเล็กน้อยรีบร่ายเวทย์สร้างเกราะมายาคุ้มกายทุกคนไว้ โลหิตกุมภีร์ชะงักงันกับเด็กสาวที่ยังคงมีแรงร่ายเวทย์ ดวงตาแดงฉานจับจ้องไปที่นาง หางแกร่งขยับไปมาอย่างข่มขวัญ เขี้ยวคมน้ำลายสอหวังขบขย้ำเนื้ออ่อน แต่โรเซียร่าไม่ได้ถอยหนีอย่างหวาดกลัวตามที่มันหวัง
เด็กสาวยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาจับจ้องทุกอิริยาบทของอสูรร้าย นางคิดหาทางช่วยเพื่อนทั้งสี่ให้รอดพ้นจากเกมมรณะที่ทางเวทยาฐานจัดขึ้น ชั่ววูบเดียวกรงเล็บดำทมิฬตะปบเข้าที่เกราะมายาของนางด้วยแรงปะทะมหาศาล เกราะมายาสลายไปในพริบตา อสูรกายย่ามใจเดินเข้าหาโรเซียร่าอย่างช้าๆ หางแกร่งโบกปัดนางล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เด็กสาวสะบัดหน้าหันมองด้วยแววตาวาววับสะท้อนไฟโทสะภายใน
“อย่าเข้ามา!!!” โรเซียร่าตวาดดังก้องป่า
โลหิตกุมภีร์มิได้ใส่ใจในคำเตือนแต่อย่างใด เท้าใหญ่ตะปบทันทีหวังสยบเด็กสาวตรงหน้า แต่ทว่าอุ้งเท้าใหญ่กระแทกเข้ากับแผ่นดิน เด็กสาวที่ล้มอยู่ใต้อุ้งเท้าหายไปแล้ว ดวงตาอสูรแดงฉานเหลียวมองไปรอบบริเวณ กระทั่งพบเจอเด็กสาวยืนนิ่งอยู่กลางลำธาร สายน้ำเชี่ยวไหลวนรอบตัวนางราวกับปราการป้องกันภัย อสูรกายเดือดดาลที่เห็นเหยื่อตัวน้อยยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า
โลหิตกุมภีร์กระโจนลงสายน้ำเชี่ยวกรากมุ่งหน้าไปหาโรเซียร่าทันที สี่เท้าหนึ่งหางแหวกว่ายอย่างเต็มกำลังแต่ไม่ว่ามันพยายามออกแรงมากเพียงใด อสูรร้ายก็มิอาจเข้าใกล้โรเซียร่าได้เลย หนำซ้ำยังโดนกระแสน้ำวนรอบตัวนางดูดให้หมุนวนไปจนไม่รู้ทิศอีกด้วย
“เตือนไม่ฟัง…อสูรชั้นต่ำอย่างเจ้า กล้าดีเยี่ยงไรมาต่อกรกับข้า”
เสียงทุ้มต่ำอย่างทรงอำนาจเอ่ยออกมาจากปากของโรเซียร่า ดวงตาเด็กสาวเหม่อลอยไร้จุดหมาย ปลายมือสะบัดเล็กน้อยดึงเอาอสูรกายอย่างโลหิตกุมภีร์ขึ้นจากน้ำลอยคว้างกลางอากาศ แรงกดดันมหาศาลสร้างความหวาดหวั่นแก่อสูรร้ายเป็นอย่างมาก
“ทำไม?…หวาดหวั่นแล้วหรือ อสูรอย่างเจ้าหวาดหวั่นเป็นด้วยหรือ? ท่าทางตอนนี้กับตอนโจมตีข้าและพวกพ้องช่างแตกต่างยิ่งนัก น่าขันจริงๆ หึๆ ฮ่าๆๆๆ”
โรเซียร่าพูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวกับสนุกสนานอยู่ในงานรื่นเริง โลหิตกุมภีร์ร่างแข็งค้างขยับไม่ได้แม้เพียงนิด มีเพียงแววตาแดงฉานที่กลอกไปมาอย่างร้อนรนด้วยหวาดกลัวเด็กสาวตรงหน้าจับใจ
“อ้าว…อสูรชั้นสูงเมื่อครู่อันตรธานไปไหนเสียล่ะ ตอนนี้หดหัวเป็นทารกอสูรไร้เดียงสาเชียว โถๆๆ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก…ข้าว่าเจ้าดูดีกว่านี้ถ้าไร้เขี้ยวเล็บนะ…” ว่าแล้วโรเซียร่าก็ร่ายเวทย์ถอดเล็บถอนเขี้ยว โลหิตกุมภีร์คำรามโหยหวนลั่นป่าอย่างทรมาน
“ชู่ว…เสียงดังเสียจริงนะเจ้าน่ะ” โรเซียร่าร่ายเวทย์เก็บเสียง ทุกสิ่งเงียบสนิทเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นค้านกับภาพตรงหน้าที่มีอสูรกายกำลังเลือดท่วมตัว
“เอาล่ะ…ข้าเบื่อแล้วล่ะ ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป อสูรอย่างเจ้าคงโกรธแค้นนักหนาล่ะสิ งั้นอย่าเสียเวลาอีกเลย ข้าขอปลดปล่อยเจ้า…อสูรโลหิตกุมภีร์…จงสูญสลายไร้เศษธุลี…แม้เพียงเสี้ยวก็มิอาจเหลือไว้…ตายซะ!!!”
เพลิงบรรลัยกัลป์สีนิลลุกโหมกระพือไปทั่วร่างโลหิตกุมภีร์ จิตอสูรกำลังถูกแผดเผาร่างอสูรกำลังมอดไหม้ หมอกสีมุกแผ่ขยายคลุมร่างมอดไหม้ย่อยสลายทุกสิ่งจนไม่เหลือแม้เศษผง…อวสานอสูรโลหิตกุมภีร์…
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ รัศมีแห่งมายาปรากฎขึ้นพร้อมเสียงทรงอำนาจ
“ลูกรัก…”
“พระบิดา…” โรเซียร่าคุกเข่าลงเบื้องหน้ารัศมีแห่งมายาแสดงการเคารพ
“เจ้าจำเป็นต้องทำเยี่ยงนี้หรือ?”
“ลูกไร้ทางเลือก…ขอพระบิดาโปรดอภัยเจ้าค่ะ”
“มิมีสิ่งให้ต้องอภัย…ลูกรัก จงจำเอาไว้…อย่าเผยตัวตนหากไม่จำเป็น…”
“ลูกรู้เจ้าค่ะ”
“ดูแลตัวเองให้จงดี…ลูกรัก” สิ้นประโยคสุดท้าย รัศมีแห่งมายาสลายหายไปในทันที
โรเซียร่าร่ายเวทย์อุ้มเอาเพื่อนทั้งสี่คนไปนอนบนเปลที่พวกเขาช่วยกันสร้างเอาไว้ หลังพิจารณาแล้วว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องร่ายเวทย์เยียวยา นางจึงร่ายเวทย์เรียกปลาที่ถึงวาระแล้วกระโจนขึ้นฝั่งตรงริมลำธารดิ้นรนเกลือกกลิ้งมาสิ้นใจตรงเท้านาง นางร่ายเวทย์เพลิงมายาอีกครั้งเพื่อก่อกองไฟย่างปลากองโต
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เพื่อนทั้งสี่เริ่มฟื้นคืนสติ อาร์คได้กลิ่นหอมปลาย่าง เขาลุกพรวดขึ้นนั่งพลางมองหาที่มาของกลิ่นทันที
“โรส…นั่นเจ้าไปเอาปลาย่างมาจากที่ใด?”
อาร์คกระโดดลงจากเปลมานั่งข้างโรเซียร่าทันที เด็กสาวอมยิ้มพลางส่งปลาย่างหอมกรุ่นให้เขา ซีเลียลุกขึ้นตามมานั่งด้วยอีกคน เอเจกับเอียนตามมาสุดท้าย เด็กทั้งห้านั่งกินปลาย่างกันอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิวโหย
“โลหิตกุมภีร์ล่ะ…เจ้าฆ่ามันแล้วหรือ?” เอียนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“เออ นั่นสิ หิวจนลืมอสูรกายยักษ์นั่นไปเลย” อาร์คพูดขึ้น
เพื่อนทั้งสี่หันมามองโรเซียร่าเป็นตาเดียว โรเซียร่านั่งนิ่งหน้าตาเฉย นางยักไหล่เล็กน้อยโดยไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้เพียงสักนิด
“ไม่รู้สิ…”
“โธ่…ไม่เอาน่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ โลหิตกุมภีร์มันสลายไปเองไม่ได้แน่” อาร์คโวยวายออกมา
“โรส เจ้าไม่รู้จริงหรือ…ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อืม…ถึงข้าตอบไม่ได้เรื่องโลหิตกุมภีร์ แต่ข้าตอบได้ว่าใครเป็นคนหาปลามาย่างให้พวกเจ้ากิน…ก็ข้าไงล่ะ” โรเซียร่าอมยิ้มหันมาตอบซีเลีย
โรเซียร่าไม่ได้รับรู้เลยว่าในเวลานั้นเอียนได้สตินานแล้วตั้งแต่โลหิตกุมภีร์พ่นลมหายใจดับกองเพลิงมายา เขาพยายามจะช่วยโรเซียร่าแต่กลับเห็นท่าทีของนางแปลกไปเสียก่อนจึงทำแค่เพียงนอนนิ่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยใจระทึก
…โรเซียร่า นางเป็นใครกันแน่ ทั้งที่ภายนอกนางเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กดูอ่อนแอไร้พิษสงแต่แท้จริงแล้วแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ใด เหตุใดนางจึงซุกซ่อนพลังมหาศาลเช่นนี้เอาไว้…