มายันตรา - ตอนที่ 8 ภัยร้ายไม่ผ่านพ้น
ทางด้านเอียน หลังจากที่เขาหลอกล่อให้อสรพิษเกล็ดเงาออกห่างจากเพื่อนทั้งสี่มาไกลพอสมควรแล้ว เอียนตัดสินใจร่ายเวทย์ระดับสูงซึ่งจะทำให้เขาอ่อนแรงไปเกินกว่าครึ่งเพื่อสยบสัตว์อสูรอย่างอสรพิษเกล็ดเงา
แต่อสรพิษร้ายตัวนี้เป็นสัตว์อสูรที่กำลังจะเลื่อนระดับขึ้นเป็นอสูรเทวะ ความแข็งแกร่งของมันมีมากเกินกว่าเอียนจะสยบมันได้โดยง่าย ดังนั้นเพียงชั่วครู่เอียนก็อ่อนแรงลงจนใกล้หมดกำลัง เขารวบรวมพลังมายาโจมตีอสรพิษเกล็ดเงาเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมันไว้ก่อน
เอียนกำลังร่ายเวทย์มายาจำแลงเพื่อย้อนกลับไปหาเพื่อนทั้งสี่ที่รออยู่ใต้ต้นไพรีพฤกษา แต่ยังไม่ทันได้ร่ายเวทย์ อสรพิษเกล็ดเงาที่หลุดรอดจากพลังมายาได้แล้วพุ่งเข้ามาหาเขาทันที เอียนพยายามรวบรวมสติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดเพื่อร่ายเวทย์เกราะมายาคุ้มครองตน
อสรพิษร้ายโจมตีใส่เกราะมายาหลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งเอียนทนไม่ไหวหมดสติกลิ้งตกไปด้านข้าง มหาบุตรนอนแน่นิ่งด้วยหมดกำลัง อสรพิษเกล็ดเงาคืบคลานตรงมาด้วยความว่องไวอย่างกระหายจัด มันทะยานตัวชูคอสูงตระหง่าน อ้าปากกว้างอวดเขี้ยวแหลมคมอาบด้วยพิษร้าย
เอียนนอนสลบไสลไม่อาจรับรู้ถึงความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาเยือนเขา ณ เบื้องหน้า อสรพิษร้ายฉกวูบหมายชิงเอาชีวิตของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่อาจหาญต่อกรกับมัน ทันใดนั้นเอง…ร่างยาวของอสรพิษเกล็ดเงากระเด็นออกห่างจากร่างไร้สติของมหาบุตรทันที ทั้งที่มันยังไม่ทันได้แตะต้องส่วนใดในร่างกายของเขาเลย
อสรพิษร้ายแว้งกลับหมายโจมตีทันที แต่มันกลับต้องชะงักราวต้องมนต์สะกดเพียงเพราะเห็นร่างชายหนุ่มรูปงามดวงตาสีทองเปล่งประกายเจิดจ้าจนมันไม่สามารถจับจ้องได้ เขากำลังยืนอุ้มมหาบุตรไว้ในอ้อมแขนประหนึ่งมารดาปกป้องทารกน้อยอันเป็นแก้วตาดวงใจ
“ไปซะ!!! อสูรชั้นสวะ…อย่าให้ข้าต้องหลู่เกียรติแห่งสัตว์ชาติเทวะลงไปปลิดชีพเจ้าเลย” จินหลงกล่าวขึ้นด้วยเสียงทรงอำนาจ
อสรพิษเกล็ดเงาตัวสั่นเทาหดหัวลงแนบพื้นแสดงการเคารพต่อจินหลงก่อนหันหัวพุ่งทะยานออกไปด้านข้างทันทีด้วยความหวาดกลัวต่อชายหนุ่มร่างจำแลงนี้
จินหลงก้มมองเด็กหนุ่มในอ้อมแขนพลางพ่นลมหายใจเป็นไอร้อนระอุใส่หน้าเขาเบาๆ ชั่วพริบตาเอียนได้สติทันที เมื่อเห็นดังนั้นจินหลงจึงวางเอียนลงบนพื้นดิน เอียนยังดูอ่อนแรงและงุนงงอยู่นิดหน่อยจนกระทั่งเห็นจินหลงเต็มตา
“จินหลง!!! ท่านออกมาได้ไง?” เอียนถามขึ้นพลางมองสำรวจไปทั่ว
“ถ้าข้าไม่ออกมา ร่างเจ้าก็คงสลายไปกับพิษของอสรพิษเกล็ดเงาแล้ว”
“แล้วอสรพิษนั่น…ไปไหนแล้ว ท่านฆ่ามันแล้วหรือยัง?”
”ฆ่าหรือ? ไม่จำเป็น…ข้าไล่มันไปแล้ว มันจะไม่รบกวนเจ้าหรอก”
“ไล่อย่างนั้นหรือ ท่านไล่ยังไง มันยอมไปด้วยรึ”
“มหาบุตร เจ้ายังตั้งสติไม่ได้สินะ”
จินหลงพูดพร้อมมองเอียนด้วยสายตาหงุดหงิด เอียนไม่สนใจสายตาของมังกรร่างจำแลงแต่อย่างไร เขายังคงถามในสิ่งที่เขาสงสัย
“ข้าอยากรู้ว่าทำไมอสรพิษเกล็ดเงาถึงยอมไปเพียงเพราะถูกท่านไล่”
“ข้าคือสัตว์เทวะชาติมังกร มันเป็นเพียงอสรพิษ สัตว์ชั้นอสูรชั้นต่ำเท่านั้น ตามกฎของพิภพมายาแล้วบรรดาอสรพิษเป็นเพียงบริวารของมังกรเท่านั้น พวกมันไม่สามารถขัดคำสั่งของข้าได้ด้วยธรรมชาติของพวกมัน พวกมันต้องเชื่อฟังและรับใช้ข้าโดยไร้ข้อแม้”
เมื่อจินหลงอธิบายจนจบเอียนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขากำลังจะหันมาถามต่อแต่จินหลงไม่เปิดโอกาสให้ ร่างจำแลงมังกรกลายเป็นแสงจ้ากลับคืนสู่สภาพรอยสักพาดบนไหล่ของเอียนตามเดิม
“อ้าว…ไปเสียแล้ว เฮ้อ~”
เอียนถอนใจแล้วร่ายเวทย์ไปปรากฏร่างขึ้นต่อหน้าเพื่อนทั้งสี่ เอเจปรี่เข้าไปหาเขาทันที สายตาองครักษ์หนุ่มมองสำรวจไปทั่วร่างของเอียนอย่างโล่งอกที่เห็นนายเหนือชะตาของตนปลอดภัยดีเพียงแค่อ่อนแรงไปบ้าง
เอียนไม่ได้อธิบายอะไรแต่รีบเตือนเพื่อนให้ไปจากบริเวณนี้ทันที เพราะที่นี่เป็นอาณาเขตของอสรพิษเกล็ดเงาและมันอาจกำลังกลับมาก็ได้ เด็กทั้งห้าจึงเดินทางออกจากอาณาเขตนั้นทันที
หลังจากพากันเดินมานานจนตะวันจวนเจียนจะลับขอบฟ้าแล้ว เด็กทั้งห้าจึงเลือกบริเวณที่คิดว่าปลอดภัยเหมาะสำหรับการพักผ่อนให้คลายจากความเหนื่อยล้าที่พบเจอกันมาทั้งวัน
ณ ริมลำธารที่ใสสะอาด พวกเด็กๆ ร่วมมือร่วมแรงกันสร้างที่พักชั่วคราวขึ้นจากเวทย์พฤกษามายา ไม้ใหญ่พุ่งทะยานขึ้นมาจากพื้นดินทยอยแตกกิ่งก้านสอดประสานจับยึดกันแน่นกลายเป็นศาลาห้าเสา เถาวัลย์ถักทอระโยงระยางเป็นเปลนอนแกว่งไกวอยู่ระหว่างเสาแต่ละต้น ใบไม้ขึงตัวแผ่เรียงยึดเกาะกันเป็นผืนหนานุ่มรองเป็นเบาะนิ่มอยู่ในเปล เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพเด็กทั้งห้าจึงเลือกสรรหามุมให้ตัวเองได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย
“คืนนี้พวกเราต้องค้างในป่านี้สินะ…” ซีเลียเอ่ยเสียงเบาขณะนั่งชันเข่าอยู่ในเปล
“เราไม่มีอาหารสักอย่างเลยนะ ทำอย่างไรดี…ข้าเริ่มหิวแล้วล่ะ” อาร์คเริ่มโวยวายออกมาด้วยความเหนื่อยและหิวโหย
“อาร์ค เจ้าหลงลืมคำของคุรุเกรแฮมพ์แล้วล่ะสิ” เอเจเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง
“หลงลืมงั้นหรือ ข้าหลงลืมคำใดของคุรุนั่นหรือ?”
“เราสามารถใช้เวทย์มายาได้อย่างอิสระ ไร้ข้อจำกัดไงล่ะ”
“แล้วอย่างไรเล่า…ข้าร่ายเวทย์เรียกหาน้ำกับอาหารมาสักพักแล้วไม่เกิดสิ่งใดขึ้นเลย”
“เจ้าไม่สามารถเรียกหาสิ่งที่อยู่นอกป่ามหาม่านมายาได้หรอก…เช่นนั้นจงหาเอาจากในป่าสิ”
เอียนอมยิ้มให้คำตอบเพื่อยุติการโต้ตอบของสองหนุ่ม เขาหันไปมองโรเซียร่าที่เดินไปยังริมลำธาร สองหนุ่มมองตามสายตาเขาแล้วเข้าใจความหมายทันที
โรเซียร่าเดินเตร่มองสายน้ำที่ไหลรินเป็นกระแสไม่หยุดยั้ง สายตาพลันสะดุดเข้ากับฝูงปลาตัวน้อยที่กำลังซุกซ่อนตามโขดหินเพื่อหลบภัยจากบางอย่าง เอเจและอาร์คเดินเข้ามาหานางพอดี
“นี่ล่ะ…อาหารของเราไง เจ้าเก่งมากเลย…โรส” อาร์คยิ้มกว้างเอ่ยปากชมทันที
“ยิ้มกว้างเชียวนะ เอาล่ะ เราลงไปจับมันกันเถอะ” เอเจพูดแล้วเดินมากอดคออาร์คเตรียมลากเขากระโจนลงไปในลำธาร
“อย่าลงไปนะ!!!” โรเซียร่าสั่งเสียงเข้ม ทำให้ทั้งเอียนและซีเลียปรี่เข้ามาหาทันที
“อะไรกันโรส ห้ามเสียงดังลั่นป่าเชียว” ซีเลียเอ่ยถามอย่างตกใจสายตาสำรวจไปรอบป่าทันทีด้วยความหวาดระแวง
เอียนเห็นโรเซียร่าไม่ตอบอะไรเอาแต่จับจ้องลงไปในลำธาร เขามองตามสายตาของนางแล้วสังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน สายน้ำที่ใสสะอาดมีบริเวณกว้างขวางแต่ปลาจำนวนมากกลับหลบนิ่งซุกซ่อนอยู่ตามโขดหิน
“อะไรกัน…เอียน เจ้ามองหาสิ่งใดกัน” เอเจสังเกตอาการเอียนแล้วเอ่ยถาม
“ลำธารกว้าง น้ำใสสะอาด แต่ฝูงปลากลับไม่ไปแหวกว่าย เจ้าว่าปกติหรือไม่ล่ะ…เอเจ”
“จริงด้วย…ปลาพวกนี้เอาแต่หลบว่ายไปตามซอกหินเท่านั้น”
ทั้งเอเจและอาร์คมองสำรวจไปทั่วบริเวณลำธารเห็นเป็นจริงดังที่เอียนสงสัย อาร์คร่ายเวทย์จุดเพลิงมายาขนาดใหญ่ขึ้นที่ริมธารทันที เด็กทั้งห้าถอยมายืนรวมกันใกล้เพลิงมายา ทุกสายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ที่นี่มีอะไรผิดปกติอีกแล้วใช่ไหม?” ซีเลียเอ่ยเสียงเบา
“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าอย่ากังวลเลยซีเลีย พวกเรารวมกันต้านได้ทุกอย่างแน่นอน” อาร์คเอ่ยขึ้นเสียงสั่นเล็กน้อย
เอียนและเอเจมองสำรวจไปรอบบริเวณ โรเซียร่าที่เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอด จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น
“มันมาแล้ว…ทางนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปยังใจกลางลำธารเรียกสายตาเพื่อนทั้งสี่ให้มองตามทันที
กลางลำธารมีดวงตาขนาดใหญ่สีแดงฉานราวโลหิต จะงอยปากยาวโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดฟันแหลมคมอย่างช้าๆ ลำตัวอวบขนาดใหญ่ลอยปริ่มน้ำเล็กน้อย มีหนามสั้นแข็งแกร่งประดับไปทั่วทั้งตัว หางยาวโบกแกว่งอย่างเรื่อยเชื่อย อุ้งเท้าขนาดใหญ่มีกรงเล็บหนาสีดำทมิฬ มันกำลังจ้องเขม็งมาทางเด็กทั้งห้าอย่างมุ่งร้าย…