มายันตรา - ตอนที่ 7 รู้จักกันพลันร่วมใจ
“ข้ามีนามว่า…ซีเลีย ฟรานซิส เป็นชาวเมืองวู้ดดาเรียร์” เด็กสาวที่เพิ่งได้สติแนะนำตัวเอง
“เพราะเหตุนี้ เจ้าถึงรู้ว่าต้องทำเช่นไรถึงจัดการกับกับเถาวัลย์ร้อยพิษได้อย่างนั้นสิ” เอเจพูดพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วเจ้าล่ะ…เจ้าเป็นใคร?” อาร์คหันมาถามเด็กสาวอีกคนที่ยังคงยืนนิ่ง สายตาจับจ้องไปยังต้นไพรีพฤกษาอย่างไม่ลดละ
“เป็นใบ้ไปเสียแล้ว…สงสัยสติหลุดไปแล้วล่ะ” เอียนเปรยขึ้นทำให้เด็กสาวชะงักและหันมาทางเขาทันที เอียนยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ แววตาซุกซ่อนความสนุกเอาไว้อย่างแนบเนียน มีเพียงเอเจสหายคู่ใจที่พอจะมองออกว่าผู้เป็นนายคิดอย่างไร
“เอ่อ…เจ้ามีนามว่าอย่างไรหรือ?” ซีเลียเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบ
“ข้าคือ โรเซียร่า กราเซียส”
“แล้วเจ้ามาจากที่ใดล่ะ?” อาร์คถามต่อ
“ดินแดนไม่ควรเอ่ยนาม…” โรเซียร่าตอบพลางอมยิ้มเล็กน้อย
ทั้งซีเลียและอาร์คนิ่งเงียบไปด้วยความตกใจ เอียนมองหน้าโรเซียร่าเล็กน้อย นางมีผิวขาวเนียนละเอียด เรือนผมสีดำขลับถูกดัดให้เป็นลอนคลื่นพาดยาวไปถึงกลางหลัง หน้าตาสะสวยด้วยโครงหน้ารูปไข่ คิ้วสีน้ำตาลไหม้พาดโค้งอยู่เหนือดวงตาชั้นเดียวที่ยาวรี นัยน์ตากลมสีน้ำตาลเข้มดูคมเฉี่ยว จมูกเรียวรับกับริมฝีปากบางที่สวยได้รูป
….ช่างคุ้นตานัก…เอียนคิดคำนึงในใจ
“เจ้ามาจากมิติแห่งความวิบัติ ดินแดนของคนตายงั้นหรือ?” เอเจเอ่ยถาม
ซีเลียรีบปิดปากตนเองทันทีด้วยความหวาดกลัว อาร์คเอามือปิดหูเอาไว้ มีเพียงเอียนกับเอเจที่ทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดสองคนถึงได้มีพฤติกรรมเช่นนี้ โรเซียร่าลอบยิ้มก่อนอธิบาย
“ไม่มีผู้ใดในมิติแห่งชีวิตจะกล้าเอ่ยนามดินแดนแห่งข้าหรอก เพราะมีคำเตือนที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นมายาวนานยังไงล่ะ”
“คำเตือนหรือ…อย่างไร?” เอียนถามขึ้น
“ยามใดที่นามแห่งดินแดนมรณะถูกขานขับ ยามนั้นเสียงกระซิบแห่งพรายพรากวิญญาณจะดังขึ้นข้างหู” โรเซียร่าตอบเสียงเรียบราวกับได้เอ่ยชมนกชมไม้ตามประสา
“เจ้าไม่ควรเอ่ยนามดินแดนแห่งนั้นนะ…มีเพียงผู้ใกล้วาระแล้วเท่านั้นที่เอ่ยถึงนามดินแดนแห่งนั้นแล้วจากไปพร้อมรัศมีแห่งมายา” ซีเลียเตือนขึ้นด้วยความร้อนใจ
“เฮ้! แต่เจ้ายังมีชีวิตอยู่นี่ ทำไมถึงไม่เกิดอันใดขึ้นกับเจ้าเลยล่ะ?” อาร์คพูดพร้อมเดินสำรวจไปรอบๆ ตัวของเอเจ
“เพราะเขาสองคนไม่ได้มาจากมิติแห่งชีวิตไงล่ะ…” โรเซียร่าพูดแล้วหันกลับไปจดจ้องที่ต้นไพรีพฤกษา
“ถูกต้อง…เจ้าเลิกสำรวจรอบตัวข้าเสียที ข้ารำคาญ”
“แล้วเจ้าสองคนเป็นใครกันเล่า? หรือว่า…” อาร์คพูดไปพลางคิดขึ้นได้จึงรู้สึกตกใจอย่างมาก
“ข้าสองคนมาจากมิติแห่งเทพ ดินแดนโกล์ดอริก ข้ามีนามว่า…” เอเจยังพูดไม่ทันจบ เอียนก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน…
“พวกเจ้าเรียกเขาว่า เอเจ เถอะ ส่วนข้า…เรียกว่า เอียน ก็ย่อมได้”
“ได้หรือ…พวกเจ้าสืบสายเลือดแห่งเทพเชียวนะ” ซีเลียเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ
“ณ ดินแดนแห่งนี้ทุกชีวิตเท่าเทียม พวกเจ้าอย่ากังวลเลย…เราเพื่อนกันทั้งนั้น” เอียนตอบซีเลียไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“มิน่าเล่า…เจ้าถึงจัดการเถาวัลย์ร้อยพิษด้วยตัวคนเดียวได้อย่างสบาย” อาร์คหันไปพูดกับเอเจด้วยความชื่นชม
“เถาวัลย์ร้อยพิษถูกทำลายจนสิ้นแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะ” ซีเลียพูดขึ้นอย่างโล่งอก
“อืม ที่ควรกังวลน่ะ…ยัยตัวเล็กนั่นไง” เอียนพูดขึ้นพลางมองไปที่โรเซียร่า
“โรเซียร่า…เจ้ามองสิ่งใดอยู่รึ” เอเจเอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัย
“นั่นสิ จับจ้องไม่วางตาเลย” ซีเลียพูดจบจึงเดินไปยืนเคียงข้างโรเซียร่า สายตาเพ่งมองไปยังจุดที่นางมองอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
“ชู่ว…พวกเจ้าฟังก่อนสิ”
โรเซียร่าพูดโดยไม่ละสายตาจากต้นไพรีพฤกษา ทั้งสี่คนเงียบเสียงนิ่งฟังอย่างที่นางบอก ท่ามกลางเสียงลมพัดใบไม้เสียดสีกันเป็นเสียงรื่นหู แต่มีบางอย่างแปลกไป…มีเสียงหวีดหวิวแสนเบาดังแทรกอยู่
“เสียงอะไรน่ะ…”
“เงียบก่อน!” เอียนเอ่ยขึ้นเสียงเฉียบ
ขณะนั้นงูใหญ่ลำตัวยาวที่พรางตัวอย่างแนบเนียนบนยอดไม้ปรากฏร่างขึ้น มันยืดลำตัวจากต้นไพรีพฤกษาลงมาชูคอสูงบนผืนแผ่นดิน ปากอ้ากว้างอวดเขี้ยวแหลมคมที่หยาดเยิ้มด้วยพิษร้าย ส่งเสียงคำรามขู่ฟ่ออย่างประสงค์ร้าย
“อสรพิษเกล็ดเงา!!!” เอียนได้สติก่อนเพื่อนร้องบอก เขาร่ายเวทย์เรียกเกราะมายาคลุมร่างทั้งห้าไว้แล้วหันมาสั่งทันที
“เอเจ เจ้ากับอาร์คร่ายเวทย์โจมตีมันพร้อมกัน ซีเลีย…เจ้าร่ายเวทย์ใช้รากพฤกษากับเถาวัลย์ยึดตรึงลำตัวมันไว้ให้อยู่กับที่ ส่วนเจ้า เอ่อ…อยู่นิ่งๆ อย่าขยับก็พอ”
โรเซียร่าได้ยินแบบนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่นางไม่ได้เอ่ยคัดค้านแต่อย่างใดด้วยสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ในขั้นวิกฤติ
“เอียน อสรพิษเกล็ดเงา มันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงนะ เกล็ดของมันแข็งแกร่งเกินไป พลังมายาระดับเราทำอะไรมันไม่ได้เลย ข้าว่าเราจัดการฆ่ามันไม่ได้เป็นแน่” เอเจร้องขึ้นด้วยความร้อนใจ
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าฆ่ามัน แต่ให้เจ้าขู่ให้มันกลัวแล้วจากไปเสียโดยดี เพียงเท่านี้พวกเราทั้งหมดจะได้ปลอดภัย” เอียนตอบ
“เอ่อ…ทุกคน พลังมายาของข้าอ่อนแรงมากแล้วนะ ข้าจะรั้งมันไม่อยู่แล้ว” ซีเลียร้องบอกด้วยเสียงหอบเหนื่อย เอียนหันมาถามโรเซียร่าทันที
“เจ้าน่ะ…ร่ายเวทย์เกราะมายาให้เราทั้งหมดไหวหรือไม่”
โรเซียร่าไม่ตอบแต่เริ่มพึมพำร่ายเวทย์เกราะมายาให้ทุกคนทันที เอียนเห็นดังนั้นจึงถอนเวทย์เกราะมายาของเขาแล้วร่ายเวทย์โจมตีอสรพิษร้ายทันที
ยื้อเวลากันอยู่พักใหญ่อสรพิษร้ายไม่มีท่าทียอมจำนนแต่อย่างไร ซีเลียใช้พลังมายาร่ายเวทย์ไปจนอ่อนแรง นางทรุดตัวล้มลงไปกับพื้นด้วยหมดกำลังไม่สามารถตรึงอสรพิษร้ายได้อีกต่อไป
“ซีเลีย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” อาร์คร้องถามด้วยความเป็นห่วงทั้งที่เขาเองก็อ่อนแรงลงไปมากเช่นกัน
เมื่อหมดตัวช่วยอย่างซีเลีย อีกสี่คนที่เหลือต้องรับแรงโจมตีมหาศาลจากสัตว์อสูรอย่างอสรพิษเกล็ดเงา ไม่นานอาร์คก็หมดแรงทรุดลงไปกับพื้นเช่นกัน เหลือเพียงเอียนกับเอเจที่ยังคงร่ายเวทย์โจมตีอสรพิษเกล็ดเงาอย่างหนักหน่วงและโรเซียร่าที่ร่ายเวทย์เกราะมายาปกป้องทุกคน
“เอียน…ข้าจะไม่ไหวแล้วล่ะ” เอเจบอกเพื่อนรักเสียงสั่น
“เจ้าพักเถอะ เก็บแรงที่เหลือไว้ก่อน ข้าจัดการเอง” เอียนบอกเพื่อนก่อนเพิ่มแรงโจมตี
“เอียน เจ้าจะทำอะไร” อาร์คร้องถามเมื่อเห็นเอียนถอยห่างจากเพื่อนทั้งสี่ไปอีกทางช้าๆ
“เขาจะล่อสัตว์อสูรไปจากพวกเรา” โรเซียร่าตอบ
“เอียน เจ้าทำอย่างนี้ไม่ได้นะ มันอันตรายเกินไป” ซีเลียร้องห้ามออกมา
“ข้าจะไปช่วยเจ้าเอง…คนเดียวทำไม่ไหวแน่ เจ้าจะกลายเป็นอาหารหรือไม่ก็เป็นของเล่นชิ้นใหม่ให้กับมันน่ะสิ ข้ายอมไม่ได้…”
“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก พวกเจ้าอ่อนแรงกันหมดแล้ว นั่งพักกันไปก่อน ข้ายังมีพลังมากอยู่ ยังพอสู้ไหว เดี๋ยวข้าจัดการสัตว์อสูรให้พวกเจ้าเอง” เอียนตอบกลับเอเจที่ทำท่าจะตามเขามา
เอียนโจมตีพลางถอยร่น หลอกล่อให้อสรพิษเกล็ดเงาหลงกล มันพุ่งตามเข้าไปทันที ทั้งสองต่อสู้ห่างออกไปจากเด็กทั้งสี่คนพอสมควรแล้วแต่โรเซียร่ายังคงไม่ถอนเวทย์เกราะมายา
“โรเซียร่า…เจ้าเก็บพลังมายาไว้ก่อนเถอะ ออมแรงไว้เผื่อเราต้องใช้อีก” ซีเลียหันมาบอกด้วยความเป็นห่วง
“โรส…”
“หือ?…เจ้าว่าอย่างไรนะ?” อาร์คหันมาถาม
“โรส…เรียกข้าว่า โรส” โรเซียร่าตอบเสียงเบา
“อ่อ ได้สิ โรส…” ซีเลียยิ้มกว้างอย่างดีใจที่สาวน้อยผู้เคร่งขรึมจากดินแดนไม่ควรเอ่ยนามเริ่มยอมรับพวกเธอบ้างแล้ว
โรเซียร่ายังคงร่ายเวทย์เกราะมายาที่เสมือนเป็นปราการบางเบาดั่งอาภรณ์แพรพรรณปกป้องเพื่อนทั้งสามและตนเองเอาไว้ ส่วนเอียนเพราะเขาอยู่ห่างไปจนลับสายตาทำให้ไม่สามารถแผ่ขยายเกราะมายาไปครอบคลุมเขาไว้ได้
“ทางนั้นคงไม่เป็นไร…” โรเซียร่าพึมพำเบาๆ พลางมองไปทางที่เอียนหายไปพร้อมสัตว์อสูรด้วยสีหน้าเรียบเฉยมองไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไร