มานาดวงใจรักฟาโรห์ - ตอนที่ 7 ตัดสินคดี
อียิปต์ ปัจจุบัน
หลังจากที่ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่ม รู้สึกมีความสุขมากๆ ฉันรู้สึกว่าเมื่อคืนเหมือนเขานอนอยู่กับฉันเลย
มันอบอุ่นมากๆอ้อมกอดของเขา อ้อมกอดที่ฉันคิดถึงที่สุด แต่ตอนนี้ต้องหยุดคิดเรื่องเขาก่อนเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ต้องรวบรวมสำนวนคดีทั้งหมด ทั้งวั้นของวันนี้คือต้องสรุปและหาสาเหตุผลที่น่าจะเป็นปมของคดี วันนี้ก็เป็นเวลาของฉันจะเป็นวันที่ฉันต้องคิดหนัก เพราะเป็นคดีที่มีแต่คนมีระดับสูงทั้งนั้นที่ทำผิด และโยนให้ลูกน้องซึ่งฉันเกลียดที่สุดกับการโยนความผิดให้กับคนไม่ผิด วันนี้จะต้องกระฉากหน้ากากผู้ที่มีอิทธิพลที่ออกมา เพื่อสังคมจะได้น่าอยู่ขึ้น ฉันต้องรีบตัดสินคดีทันที ที่รวบรวมข้อมูลได้ครบ ซึ่งมีแค่ฉันที่สั่งการได้หากหาคนผิดได้แล้ว ซึ่งก็หาได้แล้ว ไม่อยากให้คนไม่ผิดต้องรอนาน เพราะทุกคนในคณะช่วยหาข้อมูล เป็นผลให้ตัดสินได้พรุ่งนี้เลย พวกเขาช่วยฉันในการคัดกรองข้อมูล และค่อยช่วยเสริมยามฉันเจอปัญหาที่แก่ไม่ตก ทั้งวันของวันนี้พวกเราก็สามารถหาข้อมูลพยาน โจทย์ จำเลย ผู้ต้องหาได้ครบ และรีบกลับโรงแรมเพื่อไปพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเตรียมตัวตัดสินคดีพรุงนี้
รุ่งเช้าของวันใหม่ วันแห่งการชี้ชะตาชีวิตของผู้คนกำลังรอเราอยู่ เราต้องรีบช่วยคนที่ไม่ผิดให้เร็วที่สุด พวกเราตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปที่ศาลกัน วันนี้ต้องแต่งตัวเต็มยศ ทำเอาฉันเด่นไปเลยเพราะตัวเล็กด้วย ชุดก็เด่นเป็นสง่ากว่าตุลาการของอียิปต์อีกด้วย เพราะชุดของพวกเขาต่างจากพวกเราเลยทำให้คณะของพวกเราเด่นที่สุดในศาลตอนนี้ ทางอียิปต์พวกเขาที่มาเพื่อช่วยและมาเป็นพยานช่วยตัดสินอีกทีหากตัดสินไม่ได้ มาขนาบข้างฉันทั้งสองฝั่งซ้ายคือคณะของพวกเรา ขวาคือคณะของอียิปต์ ฉันนั่งตรงกลางสูงเด่นเป็นสง่าเลย และตอนนี้ฉันขอกำลังใจจากพระเจ้า และขอสติปัญญาในการตัดสินคดีนี้ ที่จะไม่มีใครเป็นแพะรับบาปอีกต่อไป ทุกคนยิ่งเห็นฉันในชุดนี้ยิ่งเคารพและเกรงกลัวเมื่อสบสายตาฉัน ที่ตอนนี้ได้เปิดตาเป็นสายตาแห่งจิตวิญญาณแล้วเพื่อจะวิเคราะห์หาคนร้ายก่อนเริ่มคดี เพื่อที่จะไม่มีอะไรปิดบังจากสายตาของฉันได้ พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด ใครก็ตามที่ทำผิดแล้วไม่ยอมสารภาพเองละก็ แค่ให้ฉันได้ถามหรือสบตากับฉัน เป็นต้องช็อค หรือกลัวจนตัวสั้น ฉันพยายามที่จะไม่ใช้สายตาแบบนี้ใช้ให้น้อยที่สุด เพราะมันเหมือนกับฉันได้ฆ่าคนทางสายตา ทันทีที่ผู้ตัดสินคดี คณะลูกขุนทุกคนประจำตำแหน่งครบ ฉันก็ให้เบิกผู้ต้องหา โจทย์ จำเลย พยานมาขึ้นศาล เพื่อให้คำสัตย์สาบานว่าจะพูดแต่ความจริงไม่โกหกต่อหน้าศาลสูงสุดทั้งหมด ทั้งหมดมองมาทางที่นั่งฉัน ฉันมองพวกเขาด้วยสายตานั้น ทำให้ผู้ต้องหาบางคนชะงักไปเล็กน้อย และนั้นทำให้ฉันยิ้มออกมา แบบผู้ถือไพ่เหนือกว่านั้นเอง และฉันก็รับรู้แล้วว่าใครผิด โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ดันเผลอมองตาฉัน จนทำให้ปิดคดีได้ในอีกไม่กีนาทีนี้แน่นอน
"เอาละ ข้าพเจ้าลัดดาวรรณ วงค์พระคริสต์ ในนามตัวแทนประเทศไทย เพื่อมาตัดสินคดีที่นี่ ขอให้ทุกคนช่วยให้ความร่วมมือด้วย เพราะข้าพเจ้าเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครโยนความผิดใส่ใคร และอยากให้ทุกคนเป็นพยานในการตัดสินคดีของข้าพเจ้าในครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบังศาล หากใครปิดบัง ขอบอกไว้ว่ามีพระเจ้าคนเดียวที่รู้ความจริงนี้ และพระองค์จะช่วยข้าพเจ้าในการตัดสินคดีด้วย เพื่อสืบส่วนเพื่อหาคนผิดจริงๆให้เจอ หากไม่ใช่ผู้ต้องหาข้าพเจ้าก็จะรู้ ข้าพเจ้าไม่ได้ตัดสินใจด้วยอารมณ์ความรู้สึกได้ ขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าที่อยู่กับข้าพเจ้าและทุกคนที่เชื่อพระเจ้า นำทางในการตัดสินคดีนี้ เพราะข้าพเจ้ามีหน้าตัดสินคดี ไม่ใช่ตัดสินตามความคิดของท่าน พระเจ้าให้เสรีภาพแก่ท่าน และข้าพเจ้าแล้วท่านจะรู้ว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนตัดสิน แต่พระเจ้าที่อยู่ข้าพเจ้า เป็นคนทำแทนข้าพเจ้า เพื่อช่วยคนบริสุทธิ์ให้รอดเท่านั้นเอง เอาละฟังเรื่องข้าพเจ้าพอแล้วอมาฟังเรื่องแต่ละคนดีกว่า"
จากนั้นพวกเราก็ทำการ เปิดตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพื่อฟังคำตอบพวกเขา ตามที่ทนายถาม และค่อยสังเกตุและหาผู้ต้องสงสัย ซึ่งฉันรู้แล้วตอนนี้ ว่าคือใคร แค่รอเวลาเท่านั้นเองเบิกตัวจำเลย พอฟังสักพักสายตาฉัน ก็บอกว่าไม่ใช่ เขาบริสุทธิ์มันเกือบทำให้ ฉันใช้สายตาแห่งพระเจ้าเพื่อจัดการผู้ต้องหาที่บริสุทธ์ ดีที่พระเจ้าช่วยเตือนสติ ตลอดเวลาตัดสิน และก็ฟังมาจนถึงคนสุดท้ายนั้นแหละ ที่ตอนนี้สายตาฉันฉายรังสีที่ทำให้ทุกคนในห้องต่างเงียบเกรียบ และไม่มีใครกล้าสบตาฉันตอนนี้ ซึ่งฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามันน่ากลัวตรงไหน แค่หันไปหาใคร ทุกคนต่างคำนับกันเป็นแถวและผู้ต้องหาตัวดีที่มาในคราบพยาน เพื่อปรักปรำคู่แค้นให้โดนโทษ แต่ขอโทษนะพระเจ้ามีจริง และจะคอยช่วยทุกคนที่ไม่ผิดให้รอดจากคนชั่วช้าสามาน ใจที่แค้นไม่ยอมเลิกรา คิดแต่จะทำร้ายคนอื่นคนอย่างนี้ พระเจ้าจะตัดสินเขาเอง แต่บนโลกพระเจ้าให้คนตัดสินกันเองไปก่อน เมื่อถึงเวลาพระเจ้า จะตัดสินแล้วคุณจะรู้ไม่มีอะไรที่ปิดปังพระเจ้าได้หรอก พอจับคนร้ายได้ถูกคนแล้ว ฉันก็หลับตาอธิฐานขอบคุณพระเจ้า และปิดดวงตาแห่งพระเจ้าก่อนที่ทุกคนที่นี่ จะกลัวฉันไปมากกว่านี้ และพอลืมตาขึ้นทุกคนก็เหมือนหลุดจากมนต์สะกดบางอย่าง ที่ก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับดวงตาคู่นี้ของฉันหรือเปล่า ครั้นทุกคนเห็นการตัดสินคดีที่ใช่แค่สายตา และพลังอำนาจบางอย่างที่ทำให้พวกเขาต้องก้มลงไป ไม่สามารถมองได้ แต่รับรู้ถึงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่ออกมาจากฉันกันและทุกคนก็หันมามองฉัน แบบอึ่งงง สับสนว่าคดีที่เขาเฝ้าสืบมาเป็นปี จนลุกลามไปถึงไทย จนที่นี่ไม่มีใครทำหน้าที่ตัดสินได้ด้วยกลัวเกรงในอำนาจคนที่นี้ด้วยกัน จนต้องขอตัวฉันมาตัดสินที่ทุกคนเคยได้ยินว่า ไม่มีจับผิดตัวอย่างกับตาเห็น พอมาอยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนพูดได้คำเดียวว่าเชื่ออย่างสุดใจ เพราะวันเดียวก็สามารถปิดคดีได้ ทั้งที่เขาไม่สามารถสรุปได้ พอฉันกับคณะมาแค่ยื่นส่งเอกสารให้ฉัน และฉันส่งให้ทุกคนตามความถนัดของพวกเขา แป็ปเดียวครึ่งวันคณะก็วิเคราะและฉันจับจุดได้และสรุปทันที่ วันนี้พวกเขาและทุกคนในอียิปต์ ยิ่งอึงถึง งงสับสน ไปอีกด้วยว่ายังไม่ถึงวันปิดคดี แต่สามารถปิดได้แล้วแบบที่ว่าถ้าผู้ต้องหายังไม่เปิดปาก ก็ถามจนเขาต้องกลัวกับสายตาจนสารภาพออกมาทั้งหมด แน่นอนยิ่งมีพลังอำนาจที่ใหญ่ปกคลุ้มยามฉันหลับตาภาวนา และลืมตา มาทุกคนแทบจะกราบ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา เพียงเวลานิดเดียวพอจับคนร้ายได้ แล้วก็หลับตาภาวนาอีกครั้ง ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติทุกคนโล่งใจ ดีใจที่รอดตายกัน และทุกคนก็ลุกขึ้นคำนับให้ศาลฉันและคณะทุกคน ที่ช่วยในการตัดสินคดีที่ปิดได้แล้ว อย่างอัศจรรย์และทันที่ๆปิดคดีได้ ฉันเหนื่อยสุดๆกับพลังที่ใช้ไป นับวันมันเหมือนมีมามากขึ้นจนฉันเองไม่แน่ใจว่าจะได้รับมาอีกเท่าไร ที่แน่ๆรู้ว่าพระเจ้าทำทั้งนั้นลำพังตัวฉันที่ตัวเล็ก จนแทบจะไม่มีใครเชื่อว่าฉันเป็นผู้พิพากษาอัยการสูงสุด วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พระเจ้าช่วยให้คดีปิดได้เร็วขึ้น และทุกคนที่ตัดสินคดี ทุกคนก็กลับบ้านของตนมีแต่ฉันที่ขอนั่งพักแป็ปหนึ่ง ขอนั่งเอาแรงกำลังจากพระเจ้าก่อน รู้สึกว่าการตัดสินครั้งนี้ใช้ พลังในร่างกายของฉันจนหมดเลย ทุกคนในคณะให้ฉันพักก่อน พวกเขาจะไปเอาของที่ฉันชอบมาทำให้มีแรง เพราะทุกคนรักและเคารพในการตัดสินใจของฉันทุกเรื่องและเทิดทูลฉัน เป็นเจ้าหญิงองค์น้อยของพวกเขา ที่ทำให้พวกเขามีทุกวันนี้ได้เพราะฉัน ที่ไม่เคยมองข้ามสิ่งเล็ก และให้ความสำคัญกับทุกคนเสมอ ดังนั้นทุกคนจึงยอมฉันทุกอย่างแล้วแต่ฉันจะบัญชา ชีวิตของพวกเขาก็ยอมตายแทนได้ และพวกเขากลับมาพร้อมกับ ช็อคโกเลตแท่งกับชาเชียวน้ำผึ้งมะนาวเย็นๆ เสริฟให้ถึงที่เพราะรู้ว่าฉันชอบมาก จะกินแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันใช้พลังหมดกับการตัดสินคดี สิ่งที่ทุกคนกลัวคือสายตาที่ไม่ได้แค่เห็นถึงความคิดแต่เห็นในสิ่งที่ทุกคนไม่เห็นด้วย และได้ยินทุกอย่างที่อยากได้ยินหรือไม่อยากได้ยินเวลาใช้สายตานี้ ทำให้ไม่คอยอยากใช้ แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหนีได้ในเมื่อเรามีพรสวรรค์เรื่องนี้ก็ต้องใช้ในสิ่งที่ถูกต้องนั้นคือใช้ในการช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
"น้อง มานาพวกพี่ๆเอาของชอบมาให้ทาน จะได้มีแรงขึ้นนะ"
"ขอบคุณที่พี่ๆรู้ใจมานาเสมอ ขอบคุณที่ช่วยให้คดีปิดได้เร็วคะ ถ้าไม่ได้พี่ๆช่วยสรุปแต่ละข้อ เพื่อหาปมก็คงไม่เสร็จงันวันนี้มานา ขอเลี้ยงข้าวขอบคุณพวกพี่ๆนะ แต่ทานที่โรงแรมเพราะอาหารที่นี่เขาอร่อยดีนะ อิๆๆ"
"แล้วแต่จะสั่งการเลยครับ"
" ฮาๆ เรานี้ตลอดเลย แบบนี้ตลอดเลยนะครับน้องสาวพี่"
"มานาอยากให้พี่ๆช่วยส่งบัตรเชิญคณะของอียิปต์ไปงานเลี้ยงด้วยคะ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกพี่จัดการเรียบร้อยแล้วระหว่าที่เราพัก พวกพี่แบ่งหน้าที่กันไปทำในสิ่งที่พวกพี่คิดว่าเราจะขอให้พวกพี่ทำมาเรียบร้อยแล้วครับหัวหน้า"
"ขอบคุณคะ งั้นเรากลับกันเลย มานาหายเหนื่อยแล้ว"
"ได้ครับเจ้าหญิงน้อยของพวกเรา"
ทุกคนตกลงเรื่องงานเลี้ยงเสร็จ และหัวเราะกับนิสัยของฉันที่ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ขอแค่ทำให้ให้พวกเขายิ้ม
และหายเครียดได้ ฉันมักจะทำเพื่อให้พวกเขาสบายใจ หลังจากที่ทานของชอบเสร็จก็เดินทางกลับที่พักเพื่อพักผ่อน เพราะตอนเย็นนี้มีงานเลี้ยงปิดคีตอบแทนทุกคนที่ช่วยกันทำงานจนปิดคดีได้ เพื่อขอบคุณทุกคน เธอก็ชวนเหล่าคณะทางอียิปต์มาด้วย เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันด้วย
จากนั้นก็ถึงเวลาที่พวกเราคอย ผลสุดท้ายฉันก้ไม่ได้เลี้ยงพวกเขา เพราะทางโรงแรมบอกว่า ทางโรงแรมจัดงานนี้เพื่อขอบคุณที่ปิดคดีได้เร็วขนาดนี้ และทำให้พวกเราไม่สามารถขัดพวกเขาได้ เลยให้พวกทางโรงแรมจัดงานเลี้ยงให้ตามที่พวกเขาต้องการ งานนี้แค่ปิดคดีได้เร็วก็ได้เที่ยวเร็วขึ้น แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว สำหรับฉันการสำรวจอียิปต์คือสิ่งที่ต้องการมากกว่าทำงานเสียอีก ไม่รู้ทำไมถึงชื่นชอบ หลงไหลได้ขนาดนี้นะ ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน รอก่อนนะอียิปต์จ๋า มานาจะสำรวจและเที่ยวให้อิ่มไปเลย