มานาดวงใจรักฟาโรห์ - ตอนที่ 111 สุสานท่านแม่
"ได้ตามที่เจ้าต้องการ "
"ทั้งสองคงได้ยินที่พวกเรา กล่าวไปแล้วใช่ไหม เจ้าทั้งสองต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะว่าพวกเจ้าเองก็เป็นสามีภรรยากันก่อนเหมือนพวกเรา จากนั้นค่อยเป็นคู่ของเรากับเมนาฟิสต่อตกลงนะ"
"คะ /ครับ"
"ข้าพเจ้า เมนาฟิส ยินดีรับ เนียร์ติฟา เป็นภรรยาของข้าพระองค์ เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อจากนี้เราจะเป็นเหมือนคนๆเดียวกัน กายเดียวกันไม่ว่ายามทุกข์ หรือยามสุขยามเจ็บยามป่วย ไม่ว่าดีหรือร้ายจะขอรักเพียงเนียร์ติฟา และจะครองรักกันไปจนชีวิตจะหาไม่ข้าพเจ้าขอสาบานครับ"
"ข้าพเจ้า เนียร์ติฟา ยินดีรั เมนาฟิส เป็นสามีของข้าพระองค์ เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อจากนี้เราจะเป็นเหมือนคนๆเดียวกัน กายเดียวกันไม่ว่ายามทุกข์ หรือยามสุข ยามเจ็บยามป่วยไม่ว่าดีหรือร้ายจะขอรักเพียงเมนาฟิส และจะครองรักกันไปจนชีวิตจะหาไม่จะขอรักและเชื่อฟังสามีที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ข้าพเจ้าขอสาบานคะ"
"เอาหละ แลกแหวนกันจากนั้นจูบสาบาน เป็นอันว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยา ถูกต้องตามที่พระบิดาบอกไว้แล้ว ต่อไปคู่ของเมนาฟิสกับมานาต่อนะ ส่วนเนียร์ติฟาช่วยไปยื่นข้างๆเพื่อนเจ้าบ่าวก่อนนะ"
"คะ"
"เอาหละ มาถึงคู่ที่แท้จริงของงานวันนี้ก่อนอื่น ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าพวกเราจะไม่แลกแหวนหรือจูบสาบาน เพราะพวกเราได้ทำสัตย์สาบานไปแล้วว่าจะรักแค่คนเดียวจนตายจากัน แต่พวกเราจะแต่งงานกันปกติ มีใครสงสัยไหมหรือคัดคานงาน แต่งพวกเราไหม"
"ไม่มีใครขัดคานก็ถือว่างานแต่งจบเพียงเท่านี้ จากนี้พวกเราจะไปยังสุสานของฟาโรห์ เพื่อทักทายคนในครอบครัว ส่วนพวกท่านที่เหลือที่ไม่ใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือเพื่อนเจ้าบ่าวก็อยู่จัดงานเลี้ยงและเตรียมสงตัวบ่าวสาว เข้าห่อตอนคำ่ด้วยนอกจากจากนั้นตามเราไปที่สุสาน "
"พ่ะย่ะค่ะ"
"นี้ตกลง พวกเจ้าแต่งงานแบบไหนกันแน่นะ "
"เอาไว้ไปที่สุสาน ท่านก็จะเข้าใจเอง"
"ตามนั้นพวกเราสี่คนคือสามีภรรยากันเรียบร้อยแล้ว จากนี้พวกท่านคือคนในครอบครัวข้า ดั้งนั้นพวกท่านกับพวกเพื่อนเจ้าบ่าวมีสิทธิ์ไปสุสานท่านแม่ข้าได้ ที่นั้นจะเป็นพยานถึงความรักของพวกเราสองคน คือเรากับมานา
งั้นเราไปกันเลย "
"ได้ ตามนั้น"
จากนั้นขบวนบ่าวสาวก็มุ่งหน้าไปยังสุสาน และคำตอบของทุกๆอย่างรอพวกเขาอยู่ที่นั้น ที่จะทำให้เจ้าชายมีน้ำตาชนิดที่เขาไม่คิดว่าเขาจะพบและได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งแบบนี้ ส่วนคนในเมืองนั้นก็รู้ทุกอย่างหมดแล้ว ทุกๆเรื่องเพราะฟาสาบอกพวกเขาหมดแล้วเลยทำให้พวกเขาดีใจที่ได้จัดงานแต่งนี้ และดีใจที่ได้พบฝ่าบาทอีกคนพวกเขาด้วย แต่พวกเขาไม่ทำให้แผนพังแน่นอน
"เอาหละถึงแล้ว พวกท่านรออยู่ตรงนี้ ที่เหลือมีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่เข้าไปได้นะ"
"แต่ข้าเป็นแค่พี่ชายในนาม คงไม่จำเป็นต้องเข้าไปด้วยหรอก พวกเจ้าสามคนเข้าไปเถอะ"
"ท่านคือคนที่ต้องเข้าไปมากกว่า พวกเราสองคนนะคะ รู้ไหมเมฆฟิส"
"ทำไม เราไม่ใช่คนในครอบครัวนี่ "
"ตอนนี้ไม่ แต่ท่านแต่งกับเราแล้ว ท่านต้องเข้าไปกับมานา เพราะต้องไปหาท่านแม่ของมานาไงคะ"
"ก็ได้ แม้ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องให้เราไปขนาดนั้น"
"ดีมากน่ารักที่สุด สามีใครนะ"
"ก็ของเจ้าไง ต้องการคำยื่นยัน หรือหลักฐานไหม "
"อันแน่ นางก็เป็นเมียข้าแล้วนะท่านพี่ อย่าทำอะไรนางจนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่องที่ข้างในนั้น จะเป็นที่เราต้องเคลียร์กันหลายอย่างๆเลย เตรียมใจท่านไว้ให้ดีก็พอ"
"มันเป็นเรื่องที่หนักหนา สาหัสเช่นนั้นเลยหรือไร "
"พวกเจ้าเลิกเที่ยงกันสักที พวกเรายิ่งอยากรู้รีบๆไปได้แล้ว พวกเราจะได้รู้สักทีว่า ที่พวกเราคิดไว้มันจะจริงไหมนะ รีบไปเลย เจ้าคนทึ่มเอ๋ย"
"เรานี้นะทึ่ม พวกเจ้าไม่ใช่เหร่อที่โง่กว่าเรา เพราะแพ้เราทุกๆอย่างมาตลอดเลยนะ"
"เอ้อ ยอมรับก็ได้ ไปสักที รำคาญนายแล้ว"
"เอ้อ เข้าไปเดียวนี้แหละ พอใจกันยัง"
"พอใจแล้ว อย่าทำให้มานารอนานแบบนี้อีกรู้ไหม"
"เข้าใจ"
จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปข้างในกัน ในระหว่างทางพบเรื่องราวที่เกี่ยวกับ คนที่พวกเขามาพบและทำให้เมฆฟิส ก้าวไม่ออกได้แต่มองไปรอบๆฝาผนังที่มีเรื่องราวของตน กับท่านพ่อและน้องชายในฝาผนังนั้น พลางนำ้ตา ที่ไม่คิดว่าจะมีให้ใครเห็น เพราะเขาต้องเป็นเจ้าชายที่สมบูรณ์แบบ ไม่ให้ใครเห็นด้านที่อ่อนแอ่ เว้นแต่ท่านพ่อกับหลุมศพท่านแม่กับน้องชายที่เขามักจะไปหาทุกวัน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ทั้งสามฟังเพื่อปลอบใจตัวเอง ให้เข้มแข็ง จากที่ก้าวไม่ออกกลายเป็นทรุดตัวลงไปนั่งพร้อมกับร้องออกมา แบบสุดความคิดของเขาและฉันก็เข้าไปนั่งข้างๆกอดเข้าปลอบใจเขา แต่คนที่ตกใจคือคนที่อยู่ข้างนอกมากกว่า แต่พวกเขาคงต้องรอแบบสงสัยต่อไป