มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 36 เล่าเรื่องคุณกับเขาให้ผมฟังหน่อย
“จริงๆ นะ ฉันไม่เป็นไร” ซูหนานจือกัดปากเบาๆ รีบเปลี่ยนหัวข้อ “จริงสิ คุณมาที่นี่ได้ยังไง? หรือคุณส่งฉันที่โรงพยาบาลแล้วไม่ได้ไปไหนเลย จากนั้นก็ตามฉันมาที่นี่?”
“ตอนแรกก็จะไปแล้ว เห็นคุณร้องไห้ออกมาจากโรงพยาบาล ก็รู้ว่ามันมีอะไรผิดปกติ” หนิงอวี้เฉิงทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา
“อ่อ” ซูหนานจือพยักหน้า “งั้นคุณอยากเดินรอบๆ โรงเรียนกับฉันไหม?”
“มีอะไรให้เดิน” หนิงอวี้เฉิงเบือนสายตาออกไปอย่างไม่แยแส “ที่ที่คุณเดตกับผู้ชายคนนั้น ผมปรากฏตัวขึ้น มันไม่เหมาะสมมั้ง”
ซูหนานจือได้ยินเสียงเย็นชาคาดเดาไม่ได้ของเขา อดไม่ได้ที่จะผลุบตาลงแล้วยิ้ม
แต่ยิ้มแล้วมันโดนแผล เธอเจ็บจนถอนหายใจ
“ผมจะไปส่งคุณกลับ” หนิงอวี้เฉิงเป็นห่วงบาดแผลของเธอ ดึงข้อมือเธออย่างช่วยไม่ได้
“ไม่เอา ฉันอยากเดินรอบๆ โรงเรียนจริงๆ นะ ให้ตื่นตัวสักหน่อย” ซูหนานจือส่ายหน้าคัดค้าน เม้มปากมองเขา เสียงอ่อนนุ่มเล็กน้อย “คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันเถอะ”
ความอ้อนของเธอ มันใช้ได้ผลกับเขามากที่สุด
หนิงอวี้เฉิงนวดหางคิ้วด้วยความปวดศีรษะ ทำอะไรกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆ
“งั้นสิบนาทีนะ ถึงเวลาแล้วค่อยออกมา” เขาประนีประนอมอย่างเย็นชา
ซูหนานจือผลุบตาลงยิ้มเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”
วิทยาเขตตอนกลางคืนเงียบสงบมาก แสงไฟในอาคารเรียนแต่ละอาคารสว่าง เห็นเงาลูกศิษย์ผ่านหน้าต่างได้
แต่ส่วนมากเป็นคู่รักหนุ่มสาวที่แอบเดตกันภายในป่ามืด
ซูหนานจือเหยียบใบไม้ที่ร่วงตามสองข้างทาง หนิงอวี้เฉิงอยู่ข้างกายเธอ หันศีรษะกลับไปมองเธอเป็นครั้งคราว
มุมปากเธอมักยกขึ้น ในดวงตาราวกับมีรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวา
ได้อยู่กับเขา เธอไม่ค่อยยิ้มมีความสุขแบบนี้
หนิงอวี้เฉิงทำหน้าหนักอึ้ง เส้นเสียงอ่อนโยน “เล่าให้ผมฟังหน่อย เรื่องคุณกับเขา”
“ฉันกับเขาเหรอ?” ซูหนานจือตกตะลึง จากนั้นก็เข้าใจ พูด “อ่อ” เบาๆ “คุณหมายถึงฉันกับเซียวชิงเหยียนสินะ”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย
ซูหนานจือถอนหายใจ สีหน้าทรุดตัวลงทีละนิด “ฉันคบกับเขาตอนม.ปลาย เขาผลการเรียนดี ฉันอยู่ระดับกลางๆ บวกกับตอนนั้น พ่อแม่บุญธรรมของฉันชอบให้ฉันไปเข้าคลาสฝึกอบรม คะแนนของฉันเข้าได้แค่มหาวิทยาลัยเมืองอันเท่านั้น ส่วนเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้”
“เพื่ออยู่กับฉัน เขาทิ้งโอกาสไปมหาวิทยาลัยปักกิ่งไป แล้วอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมืองอัน ทุกวันนอกจากเราเรียนด้วยกัน ก็จะเหมือนตอนนี้ เดินเล่นในวิทยาลัยเขต”
เสียงซูหนานจือเบาเหมือนสายลมในคืนนี้ ภายในความนุ่มผสมไปด้วยความหนาวเหน็บขมขื่นเล็กน้อย
“จำได้ครั้งหนึ่ง ฉันเคยโดนใส่ร้ายว่าโกงข้อสอบ ในลิ้นชักมีกระดาษโกงข้อสองแผ่นหนึ่งที่คนอื่นทิ้งไว้ พอชิงเหยียนรู้ ก็เลือกที่จะเชื่อใจฉันด้วยความกล้าหาญ เขาใช้คอนเน็กชั่นดูวิดีโอเทปกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้อง ไปเคาะประตูคณบดีทุกวัน ขอร้องให้เขาอย่าลงโทษฉัน”
ซูหนานจือยิ้ม “ต่อมาคณบดีก็โดนเขารบกวนจนรำคาญ ยกเลิกการลงโทษฉัน คืนนั้นเลี้ยงหม้อไฟเขาหนึ่งมื้อ แต่สุดท้ายเขาก็แอบไปจ่ายเงิน”
หนิงอวี้เฉิงเม้มปากฟังเงียบๆ เส้นเสียงเธอสั่นระรัว แต่เรื่องราวผสมไปด้วยความขมขื่นปวดใจ
“ในฤดูหนาวหนึ่ง ฉันเก็บลูกหมาตัวหนึ่งในโรงเรียนได้ หอพักไม่ให้เลี้ยง ฉันแอบเลี้ยงมันที่โรงรถร้างใต้หอพัก ค่าอาหารฉันมีจำกัด ทำได้แค่กินหมั่นโถว ให้ซี่โครงหมูน้ำแดงที่โรงเรียนกับลูกหมา เขารู้ก็โกรธมาก ทั้งด่าว่าฉันโง่ ทั้งใช้ค่าใช้จ่ายอาหารของเขาซื้อซี่โครงให้ฉัน ส่วนตัวเองก็หิว”
ซูหนานจือหลับตาเล็กน้อย “ในช่วงเวลานั้น ถึงเราจะพึ่งครอบครัวได้เงินค่าขนมนิดหน่อยใช้ชีวิตอย่างยากจน แต่มีความสุขมากกว่าตอนนี้เยอะ”
หนิงอวี้เฉิงหยุดฝีเท้า ขมวดคิ้วเห็นหางตาเธอแอบมีน้ำตาไหล หยิบทิชชูออกมา แล้วส่งให้ตรงหน้าเธอ
“ขอโทษ……” ซูหนานจือรับมา ก้มหน้าเช็ดน้ำตา ปลายจมูกเล็กร้องไห้จนแดง น่าสงสารมาก
หนิงอวี้เฉิงเม้มปากเรียบๆ โอบไหล่เธอ กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “เหลือเวลาไม่มากแล้ว เรากลับกันเถอะ”
“อืม” ซูหนานจือพยักหน้า พิงอ้อมแขนอบอุ่นของเขา จู่ๆ ก็รู้สึกร้องไห้แบบนี้ เหมือนมันทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก
ระหว่างทางกลับบ้าน ไปเจอเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา จ้องมองใบหน้าผู้ใหญ่ของหนิงอวี้เฉิงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์