มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 35 ฉันสัญญาว่าจะไม่เลิกกันตลอดชีวิต
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก ร่างอ่อนแอของมู่หน่วนปรากฏขึ้นหน้าประตู
“แม่?” เธอเดินมาอย่างประหลาดใจ “แม่ คุณมาได้ยังไงคะ?”
“เสี่ยวหน่วน ทำไมลูกไม่ระวังแบบนี้ ทำไมให้ชิงเหยียนยุ่งกับผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นอีก?” คุณแม่เซียวถอนหายใจจับข้อมือมู่หน่วน ขมวดคิ้วพูดขึ้น
มู่หน่วนหันศีรษะกลับมามองซูหนานจือที่กุมใบหน้า แล้วมองเซียวชิงเหยียนอีกครั้ง ยิ้มเยาะ “แม่ ฉันก็ไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนั้นจงใจทำงานที่นี่ หน้าด้านไม่ยอมไป ฉันเดาว่าคงอยากเข้าใกล้ชิงเหยียนล่ะมั้งคะ”
คุณแม่เซียวดวงตาเบิกกว้างทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ “ลูกว่าไงนะ? ซูหนานจือทำงานที่นี่เหรอ? ผู้หญิงนั่งบาร์ยังทำงานที่โรงพยาบาลได้อีก?!”
ประโยคเหยียดหยามเปลือยเปล่าแต่ละประโยค มันเจ็บปวดกว่าการตบหน้าเยอะเลย ซูหนานจือก้มหน้าหัวเราะเยาะ และไม่รู้ว่าเดินออกมาจากคำพูดดูถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไร
แต่เมื่อเธอได้สติกลับมา ก็เดินมาถึงมหาวิทยาลัยเมืองอันโดยไม่รู้ตัว
ในค่ำคืนหนาวเหน็บเข้ากระดูก เธอสวมชุดพยาบาลบางๆ เดินเข้าไปในวิทยาเขต ส้นสูงของเธอก็วิ่งจนหักแล้วด้วย
ภายในสนามกีฬา มีต้นแปะก๊วยเก่าแก่ ทุกครั้งที่ถึงฤดูใบไม้ร่วง เมื่อใบแปะก๊วยสีทองเต็มต้น เซียวชิงเหยียนก็จะเด็ดใบที่ดีที่สุดมาทำที่คั่นหนังสือให้เธอ
ทุกปีเป็นเช่นนี้ เขามักพูดว่า หนานจือ ผมจะทำที่คั่นหนังสือใบแปะก๊วยให้คุณตลอดชีวิต
ซูหนานจือเดินมาใต้ต้นไม้ ยิ้มเล็กน้อยเงยหน้าขึ้น
ในขณะนี้กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวช้าๆ นอกจากใบไม้แห้งหนาที่ถูกเหยียบใต้ฝ่าเท้า ต้นแปะก๊วยเปลือยเปล่าก็แก่แล้ว
ในปีนั้น เขาจูงมือเธอ โดดเรียนติวเตอร์ภาคค่ำ และจูบเธอใต้ต้นไม้นี้เป็นครั้งแรก
ในคืนนั้น เพื่อรอคอยดาวตก พวกเขานอนเคียงบ่าเคียงไหล่กันที่นี่ ทั้งสองนอนดูท้องฟ้าเหมือนคนโง่
เขาบอกว่ารอดาวตกปรากฏขึ้น ความปรารถนาแรกของเขาคือ ขอให้พวกเขาไม่เลิกกันตลอดกาล
แต่หนึ่งคืนผ่านไป เธอตื่นจนหลับ หลับจนตื่น ดาวตกก็ไม่ปรากฏขึ้น คืนที่สอง เซียวชิงเหยียนเป็นหวัด เพราะเอาเสื้อคลุมให้เธอ
ซูหนานจือหลับตา ราวกับทั้งหมดนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ใต้ต้นไม้นี้ เคยมีความทรงจำงดงามของพวกเขามากมาย
สองขาเธออ่อนแรง นั่งใต้ต้นไม้อย่างไร้เรี่ยวแรง ผลุบตาลง น้ำตาไหลลงมาตามร่างกายที่สั่นเทิ้มของเธอ
มีแค่ค่ำคืนอันเงียบสงบไร้ผู้คนเท่านั้น เธอถึงกล้าแสดงด้านเปราะบางที่สุดของตนออกมาได้
เธอกำลังคิด ยอมหยุดอยู่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดไม่กี่ปีนั้นไปตลอดชีวิต ดีกว่าซ่อนตัวร้องไห้หวนคิดถึงอดีตในไม่กี่ปีต่อมา
ขณะที่เธอแอบเสียใจ จู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงใบไม้กรอบแกรบดังขึ้น
ซูหนานจือลุกขึ้นทันที ขมวดคิ้วมองไปด้านหลัง
ด้านหลังเงาต้นไม้มืด เหมือนมีใครบางคน
“ใคร?” เธอเปล่งเสียงอย่างระมัดระวัง
ด้านหลังลำต้น มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นช้าๆ เธอมองอย่างตั้งใจ เห็นแค่ร่างตรงเดินออกมา รองเท้าหนังสือดำค่อยๆ เหยียบใบไม้ ทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบดังขึ้นเล็กน้อย
“หนิงอวี้เฉิง?” ซูหนานจือมองเขาอย่างประหลาดใจ ในชั่วขณะหนึ่ง ทำอะไรไม่ค่อยถูก “คุณมาได้ยังไง?”
หนิงอวี้เฉิงเดินมาตรงหน้าเธอ ค่อยๆ เอนตัวลงมา สายลมยามเย็นผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ บนตัวเขา และมันติดในจมูกเธอ มีกลิ่นหอมมาก
เขาไม่ได้พูดอะไร ยื่นนิ้วออกมาแตะส่วนบวมบนแก้มเธอ
“เจ็บ……” ซูหนานจือตัวสั่น รีบหลบ
เธอผลุบตาลงอย่างเศร้าๆ ได้ยินเสียงเย็นชาเขาดังขึ้น “ใครตบ?”
“ไม่มีใครตบ” ซูหนานจือเม้มปาก ไม่อยากคุยหัวข้อนี้
“ผมเห็นแม่เซียวชิงเหยียนมาที่โรงพยาบาล เธอตบใช่ไหม?” เสียงเขาหนักอึ้งขึ้น
“คุณรู้แล้วยังถามอีก” ซูหนานจือกดเสียงทุ้มอย่างอุดอู้ วาดวงกลมที่พื้นด้วยเท้า “แต่ตอนแรกมันเพราะฉันไม่ดีเอง”
รู้สึกถึงบรรยากาศเคร่งขรึมตรงหน้า ซูหนานจือรีบเงยหน้า สายตาชัดเจน เฮ้ คุณห้ามไปหาเรื่องเธอเด็ดขาดนะ”
เธอรู้จักชายคนนี้มากเกินไป แม้จะมองเห็นใบหน้าเขาท่ามกลางความมืดไม่ชัด แต่เธอก็เดาได้ ว่าใบหน้าหล่อเหลานั่นต้องมืดมนน่ากลัวแน่ๆ
“คุณยังช่วยเธอพูดอีกเหรอ?” หนิงอวี้เฉิงยกยิ้มอย่างเย็นชา