มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 2 แม้แต่เงินของเขา เธอก็ไม่ต้องการ
ซูหนานจือขับรถออกมา และเข้าไปหยุดลงหน้าประตูภัตตาคารระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่ง
เธอใช้เวลาสักพักเพื่อจัดทรงผมอยู่หน้ากระจก สุดท้ายก็สูดลมหายใจเข้าพลางผลักประตูเข้าไปภายใน
"หนานจือ" ชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา โบกมือเรียกเธอ
ซูหนานจือพยักหน้าเล็กน้อย เธอเดินไปด้วยรองเท้าส้นสูงพร้อมกับกวาดตามองด้วยแววตาที่เย็นชา
"หนานจือ ผมขอแนะนำก่อนนะ เธอคือมู่หน่วน ภรรยาของผม"
น้ำเสียงของชายหนุ่มแจ่มชัดและอ่อนโยน ทำให้คนรู้สึกสบายเมื่อได้ยิน แต่เมื่อมันพัดผ่านเข้าโสตประสาทของซูหนานจือ มันกลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า
เธอเคยคิดอยู่หลายครั้ง ถึงภาพของเธอและเซียวชิงเหยียนเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
พวกเขาอยู่ด้วยกันมา5ปี เอาชนะความกดดันของครอบครัว และอดทนต่อความเจ็บปวดสำหรับความสัมพันธ์ระยะไกล แต่สุดท้าย ยังแย่ไม่เท่ากับการที่เซียวชิงเหยียนเลิกรักเธอมานานแล้ว
ในส่วนหนึ่งของความรู้สึก หากคนสองคนไม่สามารถให้ความรักอย่างเท่าเทียมกันได้ ไม่ว่าจะระยะเวลา5ปี 10ปี ก็ไม่มีผลพอๆกัน
นี้คือสิ่งที่ซูหนานจือเรียนรู้ได้จากส่วนหนึ่งของความรู้สึก
เธอยิ้มเล็กน้อย เงยหน้ามองหญิงสาวที่สวยใสตรงหน้า "คุณมู่เป็นคนสวยมาก มีเคล็ดลับอะไรเหรอคะ"
"เธอเป็นอาจารย์ในมหาลัย สอนวิชาปรัชญา"เซียวชิงเหยียนแย่งเธอตอบ มองไปที่เธอด้วยแววตาที่รักใคร่
"อืม ที่แท้ก็มีคุณค่ากว่าสาวนั่งดริ้งในผับ" ซูหนานจือรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงสงบเช่นเคย
ซูหนานจือยังจำคำพูดตอนที่เธอและเซียวชิงเหยียนบอกเลิกได้——-
"ไม่ใช่เพราะว่าแม่ผมไม่ชอบคุณ แต่เพราะผมเองก็รับไม่ได้ที่คุณต้องผ่านผู้ชายหลายคน"
เซียวชิงเหยียนชะงักงันไปครู่หนึ่ง แล้วลดสายตาลง "หนานจือ ไม่ได้เจอกันนานคุณเป็นยังไงบ้าง"
"ก็เหมือนเดิม ก็ยังอยู่กับเสี่ยเลี้ยงเหมือนเดิม" ซูหนานจือเปิดกระเป๋าและหยิบชุดชุดหนึ่งออกมา พร้อมกับรอยยิ้ม "นี่เป็นชุดที่เขาซือให้ฉัน"
เธอพบว่าสีหน้าของมู่หน่วนจมลงและเผยใบหน้าที่น่าเกลียดเพราะความประหลาดใจ เธอคงคิดว่า ชิงเหยียนคบผู้หญิงอย่างนี้ได้ยังไง
"พวกเรามากินข้าวกันเถอะ"เซียวชิงเหยียนยิ้มอย่างตะขิดตะขวง และรีบกวักมือเรียกพนักงาน
ซูหนานจือยิ้มบางๆและลุกขึ้นยืน "ฉันขอบายล่ะ ไม่รบกวนพวกเธอสองคนดีกว่า ยังมีธุระที่ต้องทำน่ะ "
สิ้นเสียงพูด เธอหันกลับไปราวกับว่าแทบรอไม่ไหวที่จะออกไป เธอผลักประตูและรีบวิ่งออกจากภัตตาคาร พิงตัวกับกำแพงและหายใจหอบ ในที่สุดความเจ็บปวด หดหู่ในใจก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ —–
อากัปกิริยาที่นิ่งและดูสงบในตอนแรกล้วนเป็นสิ่งที่เธอเสแสร้งทำทั้งนั้น
ซูหนานจือกดแผ่นหลังเข้ากับกำแพง โดยไม่สนใจว่ามันจะอยู่ริมถนน และนั่งลงอย่างหมดแรง สองแขนกระชับกอดเข่าตัวเองไว้แน่น ลมหนาวพัดมากระทบแก้มที่กำลังร้องไห้ของเธอ
ไม่ไกลมีเบนท์ลีย์สีดำจอดอยู่ตรงข้ามถนน แววตาสีน้ำตาลของชายคนนั้นสบเข้ากับใบหน้าที่ร้องไห้และทำอะไรไม่ถูกของซูหนานจือ
เขานั่งอย่างสง่าอยู่ที่เบาะหลังของรถ อาการที่แข็งทื่อของเขา บีบคั้นพื้นที่แคบในรถ
เธอบอกว่าเธอต้องไปเจอกับคนสำคัญคนหนึ่ง ขอร้องจนใบหน้าที่ไม่พอใจของเขากลับมาพึงพอใจกับความหอมหวานที่เขาได้สัมผัส ไม่คิดเลยว่าที่แท้ก็ทำเพื่อมาเจอแฟนเก่า
"ประธานหนิงครับ ดูจากสภาพอากาศแล้ว ฝนกำลังจะตกหนักนะครับ เราควรไปรับคุณซูขึ้นรถดีไหม"ผู้ช่วยจ้าวของหนิงอวี้เฉิงเดาไม่ออกเลยว่าท่านประธานของเขากำลังคิดอะไรอยู่
"ออกรถ"หนิงอวี้เฉิงพูดออกมาแค่สองคำ ดึงสายตากลับมามองจอคอมพิวเตอร์ ไม่ได้คิดจะรักหยกถนอมบุปผาแต่อย่างใด
พายุฝนโหมกระหน่ำ ซูหนานจือซ่อนตัวอยู่คนเดียวใต้ชายคาร้านสะดวกซื้อเพื่อหลบฝน เป็นเวลานานกว่าจะเรียกรถแท็กซี่ได้สักคัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน สภาพเธอที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่ต่างจากผีสาว ชุดก็เปียกโชก
เธอเปิดประตูเข้าไป พบกับสายตาอาฆาตสองคู่ คือพ่อแม่ที่เลี้ยงเธอมา "เกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน"
ซูหนานจือรู้สึกเสียใจมาก ซ้ำยังต้องโดนฝนจนเปียกโชก สมองเธอไม่ทำงานแล้ว เธอนั่งลงบนเก้าอี้ "ฉันหิวแล้ว"
"เมื่อวานหนิงอวี้เฉิงนัดเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ เขาให้มาเท่าไหร่"เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงเธอมาสนใจแต่เงินของเธอ
"ไม่ได้ให้"
"อะไรนะ เธอบ้าไปแล้วเหรอ เธอไม่ต้องการเงินของหนิงอวี๋เฉิงเลยเหรอ"เสียงกรีดร้องสองครั้งดังขึ้นสลับกัน ซ้ำยังเขย่าไหล่ของซูหนานจืออย่างแรงเหมือนเขย่าต้นไม้
เงินคือความโลภจริงๆ
******รักหยกถนอมบุปผา สำนวนจีนแปลว่า บุรุษควรทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรี********