มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 16 อยู่ใกล้เขามากที่สุด แต่อยู่ห่างกับเขาไกลที่สุด
สีหน้าซูหนานจือจมลง “ขอโทษนะ ฉันไม่เคยรู้จักนักข่าวจากสื่อบันเทิงไป๋สยงอะไรนี่เลย รบกวนคุณให้วิธีติดต่อนักข่าวคนนี้กับฉันหน่อยได้ไหม ฉันอยากจะดูว่าใครมันแอบทำอะไรบางอย่างลับหลังฉัน”
“ซูหนานจือ หลักฐานแน่นหนาคุณยังอยากปฏิเสธอีกเหรอ? ” จี้หลงขมวดคิ้วจ้องมองเธอ “งั้นคุณกล้าเอาโทรศัพท์คุณออกมาต่อหน้าคณะกรรมการผู้บริหารและประธานหนิงไหม ดูสิว่าในนั้นมีเนื้อหาเสียงหรือเปล่า? ”
สิ้นสุดเสียงเขา ซูหนานจือก็ช็อกในใจ เธอกำนิ้วมือแน่นเบาๆ ฝ่ามือมีเหงื่อออก
เธอมีบันทึกเสียง ยังไม่ทันได้ลบ ถ้าหยิบออกมาจริงๆ ……
พยานหลักฐานแม่ยำ พยานวัตถุครบถ้วน เธอจะหลุดพ้นข้อหานี้ได้อย่างไร
ซูหนานจือหัวใจเต้นระรัว หันศีรษะไปมองชายข้างกายโดยไม่รู้ตัว สีหน้าเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักนิด และไม่พูดอะไรสักคำ
เธอยกริมฝีปากหัวเราะเยาะ ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เชิญเธอมาที่ “งานเลี้ยงสังหาร” แห่งนี้ เพื่อรวบรวมหลักฐานวัตถุในโทรศัพท์เธอ ทำให้ข้อกล่าวหาเธอผิดจริงจัง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตั้งแต่มีข่าวออกมาถึงตอนนี้ หนิงอวี้เฉิงก็ไม่เคยเธอใจเธออีก
ซูหนานจือยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร อย่างไรแล้วในใจเขา เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงเห็นแก่เงินเท่านั้น
ภายใต้สายตาของทุกคน ซูหนานจือค่อยๆ ลุกขึ้น รอยยิ้มสงบอยู่ที่มุมปากตลอดเวลา “ประธานหนิงพยายามนัดหลายๆ คนมาทำให้ฉันกลัว ที่แท้ก็เพื่อต้องการหลักฐานในโทรศัพท์ฉันนี่เอง”
หนิงอวี้เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ว่าใครจะเอ่ยปากพูดก็ไม่ทำให้การแสดงออกของเขาหวั่นไหว ยิ้มเยือกเย็นน่าขันของซูหนานจือนี้ กลับทำให้เขาอุดอู้ในอกอย่างบอกไม่ถูก มุมปากเขายกขึ้นอย่างไม่แยแส ถามขึ้นเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดเหมือนปกติ “คุณคิดว่าผมไม่ยุติธรรมกับคุณเหรอ? ”
“ฉันหมายความว่า ประธานหนิงต้องการอะไรจากฉันก็บอกฉันตรงๆ ฉันยอมรับฉันบันทึกเสียงไปแล้ว แต่เพราะคืนนั้นฉันนอนไม่หลับ เลยบันทึกแป๊บเดียวเพราะความอยากรู้ล้วนๆ ”
ซูหนานจือยิ้มสงบขณะพูดขึ้น เธอยังพูดไม่จบ ทีมทนายความมืออาชีพก็เปิดปากกาบันทึกเสียง และจดลงบนสมุดอย่างรวดเร็ว
หนิงอวี้เฉิงมีแววตาลึกซึ้งขึ้น “คุณยอมรับว่าคุณทำมันเหรอ? ”
ซูหนานจือยิ้มขณะมองเขา ยิ้มด้วยความกระตือรือร้นแต่ห่างเหินกับเขาอยู่เสมอแล้วพูดขึ้น “ฉันบอกว่า ฉันบันทึกไปแล้ว แต่ฉันไม่เคยส่งให้ใคร”
“ประโยคนี้ของคุณมันขัดแย้งกัน!คุณบอกคุณไม่ได้ให้ใคร งั้นถามหน่อยว่านักข่าวเอามาได้ยังไง? ” จี้หลงขัดจังหวะคำพูดเธอด้วยความโกรธ
ซูหนานจือเบือนหน้านี้อย่างเพิกเฉย “เรื่องแบบนี้ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ ในเมื่อคุณสงสัยฉันแล้ว ฉันก็บอกคุณแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามีใครที่คิดทำร้ายฉันลับหลังทำอะไรกับโทรศัพท์ฉันบ้าง แต่คุณเล็งเป้าฉันแบบนี้ ทำให้ฉันสงสัยแรงจูงใจของคุณมากเลยล่ะ ทนายจี้”
“คุณ……” สีหน้าจี้หลงตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด กัดฟันกรอด “ซูหนานจือคุณคิดว่าตัวเองฉลาดมากเลยสินะ? คุณรู้ไหมว่าข่าวในตอนนี้สร้างความเสียหายให้กับอวี้เฟิงแค่ไหน? ผลลัพธ์ที่ตามมาพวกนี้คุณแบกรับมันได้ไหม? ”
ซูหนานจือหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกถึงความกดดันทั้งหมดในขณะนี้กำลังทิ่มแทงเธอ
ถึงแม้เธอจะผ่านการฝึกฝนอันโหดร้ายทุกประเภทในสังคมมาแล้ว นึกว่าตัวเองฝึกจนร่างกายถึก แต่ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ในใจเกิดภาระเกินพิกัด
“เข้าคุก? ชดใช้ด้วยเงิน? พวกคุณต้องการอะไร พูดมาตรงๆ เถอะ” ซูหนานจือเหนื่อยมากแล้วจริงๆ โต้เถียงกับทนายความคนหนึ่ง นอกจากเธอจะเป็นทนายความที่มากประสบการณ์กว่า ไม่งั้นเธอรนหาที่ตายเอง
“คุณซู ดูจากพฤติกรรมที่คุณทำลายภาพลักษณ์กับชื่อเสียงบริษัทและประธานหนิง เดิมทีคุณควรมีโทษจำคุกน้อยกว่าสามปี” ทนายจี้เอ่ยปากยิ้มด้วยความพึงพอใจ “แต่ประธานหนิง คณะกรรมการผู้บริหารและทีมทนายความให้โอกาสคุณครั้งหนึ่งอย่างเป็นเอกฉันท์ แค่คุณตกลงเงื่อนไขหนึ่งของเรา ก็จะยกโทษความผิดของคุณ”
ซูหนานจือได้ยินคำพูดของเขา ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้
ที่แท้อ้อมไปอ้อมมา อ้อมโค้งใหญ่ขนาดนี้ ก็คือต้องการบังคับให้เธอตกลงเงื่อนไขหนึ่ง
เธอหันศีรษะไปมองดวงตาสีดำลึกซึ้งของหนิงอวี้เฉิงอย่างอดไม่ได้ ยกมุมปากเรียบๆ หนิงอวี้เฉิง การป้องกันเธอนั้นลึกมากพอจริงๆ
ร่วมเตียงกับชายคนนี้มาสามปี อยู่ใกล้เขามากที่สุด แต่อยู่ห่างกับเขาไกลที่สุด