มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 14 ประธานหนิง ทำแบบนี้ไม่ดีมั้งคะ
“อย่าเล่นลิ้น คุณคบกับชิงเหยียนมาห้าปี ฉันมองออก คุณยังชอบเขา!”
ซูหนานจือถอนหายใจ น้ำเสียงเกียจคร้านตามชอบใจ “ก็แล้วแต่ว่าคุณมู่จะคิดยังไง”
“ฉันอยากเตือนคุณซูสักหน่อย ถึงตอนนี้คุณเป็นนางพยาบาล แต่มันก็เปลี่ยนความจริงที่คุณเป็นสาวนั่งดริ้งค์ไม่ได้ คุณไม่มีทางได้ชิงเหยียนไป” มู่หน่วนยิ้มเยาะพูดขึ้น
ซูหนานจือตวัดอย่างรวดเร็ว พูดอย่างสบายๆ “ทำไมฉันต้องอยากได้เขาคะ? ฉันไม่ได้ขาดผู้ชาย”
“เฮอะ ซูหนานจือเธอลดคุณค่าผู้หญิงแท้ๆ !คำพูดแบบนี้มีแค่สาวนั่งดริ้งค์อย่างเธอเท่านั้นแหละที่จะพูดออกมา!” มู่หน่วนกัดฟันกรอดอย่างอดไม่ได้
ซูหนานจือปักปากกาลูกลื่นลงบนกระเป๋าเรียบๆ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า “คุณมู่ ขอเตือนสักหน่อย คุณกับฉันก็ได้รับค่าตอบแทนจากความสามารถ จะแบ่งสูงต่ำดีเลวไปทำไม? ฉันมีปัญญาทำให้ผู้ชายชอบฉัน นี่มันคือความมั่งคั่งของฉัน”
“แก……” มู่หน่วนบีบผ้าห่ม แต่เถียงไม่ออก
ซูหนานจือโน้มตัวลงไปห่มผ้าให้เธอเรียบร้อย ยิ้มที่มุมปาก “คุณมู่ พักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่านะคะ แทนที่จะพูดกับฉันเรื่องสูงต่ำดีเลว ไปคิดวิธีอธิบายว่าทำไมคุณถึงแท้งลูกให้เซียวชิงเหยียนฟังดีกว่า”
พูดจบ เธอก็ย่ำส้นสูงเดินจากไปอย่างใจเย็น ขณะที่ผลักประตูออกไป ฝีเท้าก็ชะงักเล็กน้อย
เซียวชิงเหยียนอยู่ประตูทางเข้า หน้าตาจมลง เม้มปากกำลังมองเธอ
“คุณเซียว” ซูหนานจือยิ้มเล็กน้อยพยักหน้าให้เขา แล้วหันตัวจะเดินไป
เซียวชิงเหยียนเรียกเธอไว้ “ขอโทษนะ มู่หน่วนเธอเพิ่งแท้ง เกิดอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปหน่อย ถ้าทำให้คุณไม่พอใจตรงไหน ผมขอโทษแทนเธอด้วย”
“ไม่เป็นไร” ซูหนานจือส่ายหน้า ใบหน้าผ่อนคลายเต็มเปี่ยม “คำพูดแบบนี้ฉันฟังมาเยอะแล้ว มีภูมิคุ้มกันแล้ว”
ตั้งแต่ที่เธอมีอาชีพในบาร์ ก็ไม่เคยหยุดได้รับการเยาะเย้ยดูถูก จากคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก จนถึงชายคนที่เธอรักสุดหัวใจ เธอได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วน จึงไม่สนใจประโยคสองประโยคนี้หรอก
อีกอย่าง คำขอโทษของเซียวชิงเหยียน เธอไม่เคยต้องการมัน
หลังจากส่งแบบฟอร์มให้แพทย์ ซูหนานจือกลับมาที่ห้องทำงานเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า สะพายกระเป๋าเป้ไปที่นัดหมาย
เธอสวมเสื้อกันลมเรียบง่าย คู่กับกางเกงขายาวสีดำ มัดหางม้าเรียบๆ เข้ากับใบหน้าสวยงามของเธอ
โรงน้ำชาเมืองปิง เป็นสถานที่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่มีชื่อเสียงของเมืองอัน เมื่อซูหนานจือผลักประตูเดินเข้าไป ท่าทีของบริกรก็ไม่แย่แส “คุณคะ ได้นัดไว้ไหม? ตอนนี้ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่ะ”
“ฉันคือแขกของคุณหนิงอวี้เฉิงค่ะ” ซูหนานจือสองมือล้วงกระเป๋าเรียบๆ แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
บริกรใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ที่แท้ก็แขกของคุณหนิง เชิญตามฉันมาค่ะ”
ซูหนานจือถูกพาไปที่ประตูทางเข้าห้องพักหรูในร้านอาหาร ผลักประตูเข้าไป สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือชุดสูทเป็นทางการ นั่งเป็นวงกลมด้วยท่าทางเข้มงวด
หนึ่งในนั้นไม่กี่ท่านซูหนานจือเคยพบมาก่อน เป็นทีมทนายความของบริษัทหนิงอวี้เฉิง
และไม่กี่ท่าน ดูเหมือนเป็นชายชราที่มีอายุมีคุณธรรมและบารมีสูง ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ซูหนานจือคาดเดาในใจ อาจจะเป็นประธานกรรมการของบริษัทอวี้เฟิงกรุ๊ป
หนิงอวี้เฉิงนั่งตรงกลางตัวตรง ยอดคิ้วเหมือนใบมีด ดวงตาสีเข้มเหมือนย้อมด้วยน้ำค้างแข็ง เจาะเข้ามาในดวงตาเธออย่างแม่นยำ
หัวสมองซูหนานจือคิดอย่างรวดเร็ว มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม รอยยิ้มมั่นคงเหมือนฝีเท้า “ฉันนึกว่านัดตามลำพังกับประธานหนิงซะอีก ไม่คิดว่าจะมีผู้ฟังเยอะขนาดนี้”
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาะและช้า ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสที่เข้มงวดรอบข้างหนักอึ้งเล็กน้อย
“นั่งลง” หนิงอวี้เฉิงเงยหน้าอย่างไม่แยแส มองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
ซูหนานจือจ้องมองชายหนุ่มสักครู่หนึ่ง แอบครุ่นคิดกับตัวเอง
เขาพาเธอมาในโอกาสแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
คิดในแง่บวก หรือหนิงอวี้เฉิงจะต้องการแนะนำเธออย่างเป็นทางการ?
เธอเป็นแค่กิ๊กเท่านั้น จะแนะนำเพื่ออะไร
ซูหนานจือเดินไปข้างกายหนิงอวี้เฉิงอย่างเชื่อฟัง มือเรียววางบนไหล่ชายหนุ่ม ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวกับบริกรว่า “รบกวนช่วยเพิ่มเก้าอี้ให้ฉันหนึ่งตัว”
เมื่อเธอพูดออกไป ก็ดึงดูดสายตาวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยทันที สถานที่เข้มงวดแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่อนุญาตให้ใช้วิธียั่วยวนที่โต๊ะ
แต่ หนิงอวี้เฉิงไม่ได้เอ่ยปาก พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก แค่บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เก้าอี้ย้ายมาแล้ว คนข้างๆ ถูกบังคับให้หลีกทาง แน่นอนว่าซูหนานจือต้องนั่งข้างหนิงอวี้เฉิง ขาเรียวสองข้างไขว้ซ้อนกันอย่างสง่างาม ขาวและผอมบาง สะดุดสายตาเป็นพิเศษ
หนิงอวี้เฉิงเหลือบมองเธอ นิ้วยาวยื่นออกมา ดึงเสื้อกันลมของเธอลงมาอย่างเฉยเมย ปิดบังขาน่าดึงดูดสองข้างนั้น
นิ้วสัมผัสผิวหนังเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ซูหนานจือยิ้มบางๆ เธอกดมือชายหนุ่มเบาๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยนดุจน้ำ “ประธานหนิง ทำแบบนี้ไม่ดีมั้งคะ”