มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 7 : กระสุนที่เขาต้องการเหนี่ยวไก
ตอนที่ 7 : กระสุนที่เขาต้องการเหนี่ยวไก
ในขณะที่หญิงคนนั้นยังคงพยายามดิ้นรนเอาขาออกมาจากการยึดเหนี่ยวจากชายคนนั้น เธอเห็นว่าศรีษะของชายคนนั้นค่อยๆล้มกระแทกลงไปจมอยู่กับกองเลือดที่นองอยู่บนพื้น เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้หลุดออกไป แต่กลับกันชายคนนั้นกลับจับแน่นมากกว่าเดิม
หลังจากนั้นชายคนนั้นก็ได้นิ่งไป ซอมบี้ที่กำลังเคี้ยวขย้ำคอของชายนั้นอยู่ก็หยุดลง และจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวที่ติดสอบอยู่กับชายนั้นโดยฉับพลัน มีเสียงกระดูกที่แตกดังออกมาจากคอของมันเนื่องจากการหมุนศรีษะอย่างรวดเร็วที่หันเปลี่ยนมาจ้องหญิงคนนั้น มันเริ่มที่จะปรับเปลี่ยนร่างกายให้พร้อมเพื่อจะกระโจนเข้าใส่ผู้หญิงที่ตอนนี้ร้องไห้คร่ำครวญอยูุ่ด้วยความกลัว
“พอลลา! ไปเอาเด็กผู้หญิงมา!”
หนึ่งในเด็กนักเรียนหญิงที่ผมสีน้ำตาลตะโกนออกไป ในขณะที่เธอนั้นพลวดพลาดวิ่งหนีออกมาจากฝูงซอมบี้ เด็กนักเรียนหญิงอีกคนที่ถูกเรียกว่าพอลลาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะวิ่งตามเพื่อนเธอไป
เมื่อเห็นนักเรียนหญิงวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆด้วยความเร็วสูง ซอมบี้มันก็ได้เปลี่ยนเป้าหมายและเตรียมพุ่งเข้าหาเหยื่อรายใหม่ทันทีเมื่อพวกเธอได้ใกล้เข้ามาถึงในระยะของมัน
หลังจากนั้นซอมบี้ได้เร่งความเร็ววิ่งผ่านผู้หญิงและเด็กไปก่อนที่จะกระโดดพุ่งเข้าหานักเรียนหญิง
เด็กหญิงหยุดวิ่งไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าซอมบี้มันกำลังจะโดดเข้ามาใส่เธอ เธอใช้เท้าขวาก้าวไปข้างหลังเพื่อรับแรงผลักดันจากนั้นเธอเหวี่ยงขาขวาของเธอขึ้นด้านบนด้วยความรุนแรงที่เธอที่เธอจะสามารถเฟ้นมันออกมาได้ เท้าของเธอโดนไปที่คอและคางของมันอย่างรุนแรง เหมือนกกับว่าตรงนั้นมันจุดสำคัญของการโจมตี การถีบซอมบี้ไปอย่างรุนแรงทำให้พวกมันล้มถอยและไถไปกับพื้นออกไปประมานสามเมตร
ซอมบี้อีกสองตัวที่วิ่งมาจากข้างหลังก็ล้มลงไปเมื่อเท้าของมันสะดุดฟาดกับซอมบี้ที่โดนถีบถอยออกมา ในขณะที่ซอมบี้อีกตัวนั้นก็ทรงตัวไม่ได้เมื่อร่างของมันชนกับซอมบี้สองตัวก่อนหน้าที่ล้มลงไป
ด้วยเวลาที่เหลือน้อยนิดที่จะจัดการ เธอช่วยงัดมือของซากศพชายคนนั้นออกไปจากขาของผู้หญิงอีกคน แต่โชคไม่เข้าข้าง เธอค่อนข้างที่จะประหลาดใจ เพราะเธอไม่สามารถงัดมือของชายที่เสียชีวิตคนนั้นออกมาได้ และกลับกันมือของเขายิ่งรัดแน่นเข้าไปกว่าเดิมจนหญิงคนนั้นเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมา
ร่างของชายที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นเริ่มกระตุกขึ้นอย่างรุนแรงแต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือออกไปจากขาหญิงคนนั้น
“แองเจ! เร็วๆ! พวกมันกำลังมา!”
พอลลาผู้ซึ่งได้เข้าไปปกป้องเด็กและอุ้มไว้ในอ้อมกอดของเธอตะโกนบอกเพื่อนของเธอ ในขณะที่เธอเห็นว่าซอมบี้สามตัวนั้นมันกำลังจะลุกขึ้นมา
“ซวยแล้ว!”
นักเรียนหญิงที่ผมสีน้ำตาลซึ่งถูกเรียกว่าแองเจได้สบถขึ้นมา เธอกัดฟันเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเพื่อน และเธอก็มองกลับไปดูร่างที่กระตุกไม่หยุดของชายคนนั้น
“อย่าโทษฉันสำหรับเรื่องนี้ละกันนะ!”
สถานการณ์เริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ แองเจได้ตัดความลังเลของเธอทิ้งออกไป เธอยกเท้าขวาของเธอขึ้นมาและกระทืบมันลงไปด้วยความแรงเต็มที่
บั่ก!
เสียงกระดูกแตกอันน่าขนลุกดังทะลุเข้าหูเขา แองเจเริ่มกระทืบเข้าไปที่แขนของชายคนนั้นด้วยความแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระดูกบางส่วนก็ได้แตกไปบ้าง แต่น่าแปลกใจที่การรัดเหนี่ยวของชายนั้นก็ไม่ได้อ่อนลงเลย เมื่อเธอเห็นเช่นนี้ เธอก็กระทืบลงไปที่แขนของชายนั้นซ้ำๆหลายต่อหลายครั้งแบบไม่หยุดยั้ง กระดูกแขนของเขาก็แตกขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่กระทืบแล้วกระทืบอีก การรัดเหนี่ยวของชายคนนั้นที่เสียชีวิตไปแล้วก็ได้หลวมลงบ้าง
อย่างไรก็ตาม เวลาที่แองเจต้องช่วยเหลือหญิงคนนั้นก็พอทำให้ซอมบี้สามตัวนั้นตั้งตัวขึ้นมาได้บ้าง มากไปกว่านั้น ซอมบี้ตัวอื่นๆที่อยู่ข้างหลังก็เริ่มวิ่งไล่ตามกันมา รูม่านตาของแองเจก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเธอเห็นว่าซอมบี้สามตัวที่ล้มลงไปนั้นกระโดษเข้ามาหาเธอพร้อมกัน
“แองเจ!”
พอลลาตะโกนออกมาเมื่อเธอมองดูเพื่อนของเธอตกอยู่ในความเลวร้าย
ปัง!
หูของพวกเธอได้อื้อไปทันที ในเวลาเดียวกันนั้นซอมบี้สามตัวที่กำลังจู่โจมเข้าไปหาแองเจก็ได้ปลิวกระเด็นไปหลายเมตรพร้อมกับร่างของมันที่โชกไปด้วยเลือด ซอมบี้อีกสองตัวก็พยายามที่จะลุกขึ้นมาทันทีทันใด แต่การบาดเจ็บของมันสองตัวที่ได้รับไปก็ทำให้พวกมันลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก พวกมันเริ่มขยับร่างกายด้วยความเจ็บปวดและปล่อยเสียงคำรามออกมา ในขณะที่อีกตัวล้มลงไปนอนอยู่กับพื้นไม่สามารถขยับได้
ผู้หญิงทั้งสี่คนปิดหูของเธอเนื่องจากความปวดหูเพราะว่าเสียงลั่นลูกกระสุนปืน แต่ก็ยังคงมองหาต้นเสียงนั้นโดยอัตโนมัติ สิ่งที่พวกเธอเห็นคือชายที่สวมใส่ชุดสีดำและแจ็คเก็ตที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเธอกับซอมบี้ ชายคนนั้นจ้องมองไปที่ซอมบี้ที่กำลังวิ่งมาและบ่นพึมพำไปด้วย
“ในที่สุดก็โดนหัวมันสักที”
เด็กหญิงสองคนได้ยินเสียงบ่นของชายคนนั้น
***
มาร์ควิ่งตรงไปยังกลุ่มที่เรียกตะโกนเขา
เขาเห็นซอมบี้จับชายคนอื่นๆที่อ่อนล้าอยู่ท้ายกลุ่มและกระโจนเข้าไปหาชายคนนั้น มาร์คไม่ได้แสดงอาการอะไรเมื่อเห็นชายที่ถูกจับ แต่เขาทำได้แค่ไม่พอใจเมื่อเห็นสิ่งที่ชายคนนั้นทำ
“สารเลวเอ้ย”
‘เวลาที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถเผยให้เห็นนิสัยที่แท้จริงของคนเราออกมา’
นั่นมันเป็นสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอด
มาร์คได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ถูกโยนออกไปร้องไห้ด้วยความเจ็บ และแน่นอนคนอื่นๆที่อยู่ข้างหน้าของกลุ่มก็เช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่มีใจจะไปชำเลืองมองกับสิ่งที่อยู่ภายหลังพวกเขา และพวกเขายังคงวิ่งหนีไปทางมาร์คอย่างไม่มีการหยุด
แต่เด็กนักเรียนหญิงคนกลับหยุดและเข้าไปช่วยแม่และเด็กทั้งๆที่พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่เหมือนกัน
ผู้รอดชีวิตที่กำลังวิ่งหนีไปทางมาร์คและพยายามจะหยุดเขาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา แต่พวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นท่าทีที่เย็นชาของมาร์ค และมาร์คก็ได้วิ่งผ่านพวกเขาไป
เมื่อมาร์คได้วิ่งผ่านพวกเขาไป หนึ่งในคนที่ต้องการจะหยุดเขากัดฟันและชำเลืองมองเขาด้วยความโกรธก่อนที่เขาจะได้วิ่งหนีต่อไป
พนักงานที่อยู่ข้างหลังมาร์คต่างก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็เมินเฉยกับกลุ่มชายที่วิ่งหนีไปเช่นกัน
ขณะที่วิ่งอยู่นั้น มาร์คก็ได้เบิกตากว้างเมื่อได้เห็นหนึ่งในนักเรียนหญิงถีบซอมบี้ที่จับชายผู้ซึ่งรัดเหนี่ยวขาของแม่เด็กปลิวออกไป เขาไม่สามารถช่วยด้วยแต่ก็เผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางของเด็กหญิงคนนั้นและวิธีที่ทำให้แม่เด็กนั้นรอดเป็นอิสระ
โชคร้ายก็มาเยือนเด็กหญิงคนนั้น เวลาของเธอนั้นมีไม่พอที่เธอต้องการ พวกซอมบี้ได้กระโดดเข้ามาหาเธอพร้อมกันเมื่อตอนที่เธอได้ช่วยให้แม่เด็กรอดเป็นอิสระจากการรัดเหนี่ยวของชายชั่วนั่นได้แล้ว
แต่โชคดีพอ มาร์คเข้าไปถึงตัวเธอพอดี โดยที่เด็กหญิงนั้นไม่ทันได้สังเกตุเห็น
ปัง!
มาร์คเหนี่ยวลูกกระสุนเข้าไปที่ปอดของพวกซอมบี้ทำให้มันกระเด็นปลิวออกไปหลายเมตร
ซอมบี้ทั้งสามตัวนั้นต่างก็ไม่ได้สะทกสะท้านและพยายามที่จะพุ่งเข้าไปหาเด็กนักเรียนหญิงคนนั้นพร้อมๆกัน เมื่อมาร์คได้ยิงซอมบี้ที่อยู่ข้างหน้า กระสุนลูกกลมๆเป่าหัวพวกมันเละเป็นข้าวต้ม และลูกกระสุนที่เหลือก็เป่าหัวซอมบี้ตัวอื่นๆเป็นรู
จากนั้นเขาก็มองไปที่ข้างหลังของเขาและตะโกนออกมา
“จ้องอะไรผมล่ะครับคุณผู้หญิง? รีบๆแล้วก็วิ่งออกไปสะสิ!”