มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 6 : เหล่าผู้รอดชีวิตจากฝั่งด้านตะวันออก
- Home
- มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
- ตอนที่ 6 : เหล่าผู้รอดชีวิตจากฝั่งด้านตะวันออก
ตอนที่ 6 : เหล่าผู้รอดชีวิตจากฝั่งด้านตะวันออก
จากฝั่งตะวันออกของชั้นสาม กลุ่มผู้คนต่างก็เต็มไปด้วยสิ้นหวังเมื่อต้องเอาแต่วิ่งหนีจากการไล่ล่าที่ดุร้ายจากพวกซอมบี้ที่ว่องไว
ท่ามกลางกลุ่มนั้น มีนักเรียนหญิงอยู่สองคน พวกเธอสวมใส่ชุดเครื่องแบบโรงเรียน เป็นเสื้อสีเหลืองและกางเกงสแล็คสีเขียวมืดอันสกปรก เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้ามีใบหน้าที่เล็ก ดวงตาอันสดใส และ ผมสีน้ำตาลเป็นคลื่นยาวปะบ่า เด็กหญิงอีกคนที่อยู่ด้านหลัง มีใบหน้าที่เคร่งเครียด ดวงตาดูจริงจัง และผมดำยาวถึงกลางหลังของเธอถูกถักเปียยาวเป็นหางม้า
ด้วยสายตาของพวกเธอนั้นสามารถที่จะอธิบายออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่ลักษณะสายตาเหล่านั้นไม่เฉิดฉายออกมาเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเธอทั้งสองจับมือกันไว้อย่างแน่นแฟ้น การตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังนัั้นปรากฏอยู่บนใบหน้าของเด็กหญิงคนที่อยู่ข้างหน้า ในขณะที่เธอก็พยายามปลอบเด็กหญิงอีกคนหนึ่งที่ดูท่าทีเกือบจะยอมแพ้ เด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นแทบจะสลบลงไปอยู่แล้ว ลอยเลือดขนาดใหญ่เปื้อนไปเต็มเสื้อของเธออย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาพยายามอย่างมากที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวพวกเขานั้นหมดแรงและวิ่งหนีอยู่ล้าหลัง
ในที่สุดเมื่อพวกเขาได้ปีนขึ้นมาอยู่บนชั้นนี้อย่างยากลำบาก มีประมาณเกือบสิบคนที่ยังวิ่งหนี แต่ตอนนี้เนื่องจากการไล่ล่าของพวกซอมบี้อย่างไม่มีการหยุดยั้ง พวกเขาจึงถูกล่าและถูกกินไปทีละคน
ณ ขณะนี้ พวกเขาก็เหลือกันอยู่แค่เจ็ดคนที่กำลังวิ่งหนี พวกเขาทำได้แค่กัดปากปิดหูและทำใจให้แข็งเอาไว้ เมื่อต้องได้ยินเสียงร้องไห้ตะโกนขอความช่วยเหลือ เสียงแห่งความกลัวและความเจ็บปวดของคนที่ถูกจับกิน
หัวใจของเด็กหญิงนั้นรู้สึกด้านชากับสิ่งนี้ไปแล้ว พวกเขาจับมือกันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เพื่อให้มั่นใจว่าอีกคนยังไม่จากไปไหน พวกเธอรู้สึกว่าถ้าหากมีใครคนหนึ่งหายไป พวกเขาจะต้องรู้สึกใจหายและสิ้นหวัง
เมื่อเช้านี้ พวกเขายังคุยกันสนุกสนานมีความสุขกับเพื่อนของพวกเขาที่โรงเรียน พวกเขาเพิ่งจะได้บ่นเรื่องตารางเรียนสำหรับวันนี้ที่มีแต่วิชาคณิตศาสตร์สะเป็นส่วนใหญ่ แถมช่วงแรกของวิชาทั้งหมดนั้นถูกจัดแจงโดยอาจารย์ที่ไม่ค่อยสบอารมณ์
หลังจากนั้นพวกเขาก็รู้ว่าอาจารย์ของพวกเขาทั้งหมดไม่มาเข้าสอนในวันนี้และไม่มีใครรู้สาเหตุว่าทำไม ทั้งชั้นเรียนของพวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่ไม่ต้องมานั่งเรียนทรมานทั้งวัน เพื่อนของพวกเขาจำนวนหนึ่งในชั้นเรียนจึงตัดสินใจที่จะไปห้างสรรพสินค้าเพื่อฆ่าเวลาไป
ทั้งหมดผ่านไปด้วยความสนุกสนาน แม้ว่าหลายร้านค้าจะปิดไปอย่างไม่มีสาเหตุ พวกเขาซื้ออาหารฟาสต์ฟู้ดมากินด้วยกัน ขณะที่กินไปด้วยพวกเขาได้ใช้เวลาหัวเราะและคุยเรื่องต่างๆสนุกสนานไปด้วยกันใน
แต่ใครจะคิดล่ะว่า…
นั่นมันเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้หัวเราะและกินอาหารด้วยกัน
อยู่ๆทุกอย่างก็ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง เมื่อพวกเขานั้นได้ยินเสียงปืนลั่นและเสียงร้องตะโกน หลังจากที่พวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างล่างห้างสรรพสินค้า พวกเขาตัดสินใจที่จะหนีออกไปจากที่แห่งนี้โดยที่กินอาหารยังไม่ทันเสร็จ
พวกเขาทั้งหมดวิ่งหนีไปพร้อมกันกับเหล่าฝูงชน อย่างไรก็ตาม การหลบหนีของพวกเขาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อทางออกที่พวกเขาควรที่จะสามารถผ่านไปได้แต่มันกลับกลายเป็นทางไปสู่นรก พวกซอมบี้ที่ว่องไววิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งผ่านประตูทางออกที่ทุกคนต้องการจะหนีออกไป
จากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่สยดสยอง ทั้งเศร้า เสียขวัญ ทำร้ายจิตใจ และโชคร้าย เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในตอนท้าย คนทั้งหมดในกลุ่มเพื่อนของพวกเธอ มีแค่เพียงเธอสองคนเท่านั้นที่เหลือรอดอยู่และพยายามหนีรอดในจุดที่สิ้นหวังที่สุดในชีวิต
พวกเธอทำได้เพียงแค่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปกับฝูงชนที่ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน
จากนั้นเหล่าฝูงชนนี้เริ่มเห็นแสงแห่งความหวัง เมื่อพวกเธอเห็นกลุ่มคนขนาดใหญ่อยู่ห่างออกไปจากทางที่เธอกำลังวิ่งไป พวกเธอได้ยินพวกเขาตะโกนและดูเหมือนพวกเขาพยายามบอกทางที่จะไปสามารถไปหลบภัย แม้ว่ากลุ่มนั้นจะอยู่ห่างออกไป พวกเธอก็รู้ว่าฝูงชนที่วิ่งไปทางเดียวกันกับพวกเธอต่างก็รู้สึกเหมือนเจอกู้ภัย
ทำไมพวกเธอถึงรู้? คำตอบก็เพราะว่านั่นมันเป็นสิ่งเดียวที่พวกเธอหวังที่จะพบตอนนี้ ณ ตอนที่พวกเธอโดนไล่ล่าความตายอยู่
ตอนนี้ ในความคิดจิตใจของแต่ละคนในกลุ่มผู้รอดชีวิตอยู่นั้น มีเป้าหมายที่เหมือนๆกัน นั่นคือวิ่งตามกลุ่มฝูงชนมากมายนั่นไปสู่ที่ปลอดภัย
คำถามเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ผู้ไล่ล่าจะยอมให้พวกเขาไปสู่ที่ปลอดภัยมั้ย
และแน่นอน ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆหรอก ไม่เพียงไม่เกิดขึ้นเท่านั้นยังไม่พอ อยู่ๆพวกซอมบี้ที่ไล่ล่าอยู่หลังพวกเขานั้นก็ก้าวร้าวดุเดือดมากขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ
“อาาาาห์ ช่วยยยด้วยย!! ช่วยผมด้วย!! ไม่นะ!! ไม่ไม่ไม่ไม่! หยุดดดที! อ่าาาห์!!!!”
ชายอีกคนที่อยู่หางแถวของกลุ่มถูกจับได้ ซอมบี้หลายตัวพุ่งกระโจนเข้าไปที่เขา และฉีดกัดเนื้อหนังด้วยปากของพวกมัน และฉีกหนังท้องของเขาด้วยเล็บของพวกมัน เลือดสดและอวัยวะภายในของเขาพุ่งออกมาท่วมทั้งตัวและพื้น เขาร้องตะโกนอย่างน่าเวทนาจนเสียชีวิตไป
โชคร้ายนัก แม้กระทั่งความตายของชายคนนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความกดดันของกลุ่มชนนั้นรู้สึกบรรเทาลง เพราะไม่ใช่ซอมบี้ทุกตัวที่จะหยุดลิ้มลองซากศพของชายคนนั้น การไล่ล่าอันดุเดือดโหดร้ายของพวกมันยังคงมีอย่างต่อเนื่อง พวกมันไล่จับคนที่ยังเหลืออยู่
เหล่าฝูงชนวิ่งและวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ ไม่มีใครในฝูงชนที่จะกล้าหันกลับไปมองข้างหลัง พวกเขาก็กลัวที่จะทำมันเช่นกัน พวกเขาได้ยินแต่เสียงหิวกระหายของพวกมันที่กำลังคำรามอยู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
พวกเขามองไปข้างหน้าทางที่มีคนวิ่งอยู่ห่างออกไป จากนั้นพวกเขาก็สังเกตุเห็นว่า มีอยู่สองคนที่แยกแตกห่างไปจากกลุ่มและกำลังวิ่งมาทางพวกเธอ
“ช่วยด้วย! ขอร้อง! ช่วยเราได้!”
ชายคนหนึ่งวิ่งมาข้างหน้าของกลุ่ม เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากตะโกนขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นสองคนนั้นที่กำลังวิ่งมา
สองคนนั้นกำลังวิ่งตรงมา และพวกเขาสองคนถือบางอย่างอยู่ในมือ เมื่อเขาสองคนเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาถืออยู่ในมือ คนแรกที่วิ่งนำหน้ามาถือปืนลูกซองอยู่ที่มือขวา และถือไม้เบสบอลอยู่ที่มือซ้าย ในขณะที่อีกคนที่อยู่ข้างหลังนั้นก็ถือถังดับเพลิง
พวกเขารู้สึกอิ่มใจมาก เมื่อความคิดที่ว่าจะได้รับความช่วยเหลือโผล่เข้ามาในจิตใจ
“อ่าาาาาาาาห์!!”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะได้มีความหวังขึ้นมา เสียงแห่งความทุกข์ทรมานเจ็บปวดก็ดังสะท้อนขึ้นมาใส่หูพวกเขา ซอมบี้ที่วิ่งเร็วที่สุดตัวหนึ่งจัดการจับและพุ่งกระโจนเข้าใส่หลังของชายที่วิ่งอยู่ท้ายกลุ่ม
คนที่เหลือก็ไม่ได้พยายามเข้าไปช่วยอย่างแน่นอน แต่เด็กผู้หญิงสองคนนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่พวกเธอต้องหยุดวิ่งเมื่อได้ยินเสียงสองเสียงแห่งความตื่นตกใจ
“อ่าาาห์! คุณกำลังจะทำอะไร! ปล่อย!”
“โอ๊ย! แม่คะ! ”
เด็กหญิงสองคนนั้นมองไปทางข้างหลังของพวกเธอ และเห็นว่าชายคนหนึ่งเพิ่งตะโกนร้องออกมาด้วยกลัวในขณะที่เขาถูกโดนรุมทึ้ง เขาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ซอมบี้ที่อยู่ข้างหลังเขากัดไปที่ไหล่ของเขา ด้วยสีหน้าอันบ้าคลั่งและนัยต์ตาที่แดงก่ำของเขา แขนขวาของเขาจับไปที่เท้าซ้ายของผู้หญิงที่อยู่หน้าเขาอย่างแนบแน่น
“ช่วยผม ไม่งั้นผมจะไม่ปล่อยคุณไป!”
น้ำเสียงของเขาพูดออกมาด้วยความแหบห้าว สติและความนึกคิดของเขาไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว เขาจะต้องตายแน่ๆหากไม่มีใครช่วยเขา และถ้าเป็นเช่นนั้นเขาขอไม่ตายคนเดียว!
หญิงคนนั้นพยายามดึงขาของเธอออก แต่ก็เหมือนขาของเธอถูกจับแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ข้างหญิงคนนั้นมีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราวๆสามสี่ปีนั่งอยู่ข้างเธอและร้องห่มร้องไห้ออกมาด้วยทั้งความเจ็บปวดและกลัว
หญิงที่อุ้มลูกของเธอในขณะที่หนีไปด้วย เธอล้มลงไปเพราะชายที่กำลังจับขาของเธอเอาไว้ไม่ไปไหน ทำให้เธอจับอุ้มลูกของเธอไม่ได้ และเด็กหญิงตัวเล็กๆนั้นถูกผลักออกไปอยู่ที่พื้นข้างตรงหน้าเธอ