มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 37 : หลังการต่อสู้
ตอนที่ 37 : หลังการต่อสู้
เวลา 15.30 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์ ฝั่งตะวันตก, โซขายสินค้าไอที
ภายในร้านสินค้า มาร์คได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้วีลแชร์สีดํา ตรงหน้าของเขามีโต๊ะเคาเตอร์ขนาดยาวซึ่งมันควรมีไว้เพื่อให้พนักงาน ต้อนรับและดูแลลูกค้าภายในร้าน มีแล็ปท็อปหกเครื่องวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะ มีการเชื่อมต่อสายเคเบิลที่อยู่กับพื้น และมีการต่อสายเคเบิลบางตัวเข้ากับปลัก ในขณะที่สายเคเบิลอื่นๆได้เชื่อมต่ออยู่กับแลปท็อปอีกห้าตัวซึ่งเป็นหนึ่งในแล็ปท็อปที่มาร์คกําลังใช้งานกับเราเตอร์
แล็ปท็อปที่มาร์คกําลังใช้งานอยู่นั้นหน้าจอของมันก็ได้สลับไปสลับมาอย่างไม่หยุดและทุกๆครั้งที่มาร์คทําะไรบางอย่างกับหน้าจอ หน้าจอแล็ปท็อปเครื่องอื่นๆก็จะเปลี่ยนเช่นกัน มาร์คกําลังใช้แล็ปท็อปที่อยู่ตรงหน้าเขาเพื่อควบคุมแล็ปท็อปตัวอื่นๆโดยใช้วิธีการ Remote Access (ความสามารถในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายจากระยะทางไกล)
มาร์คกําลังทําอะไรอยู่งั้นเหรอ? เขากําลังดาวโหลดอะนิเมะ เกมส์ออฟไลน์ นิยาย หนังและอื่นๆ การที่ใช้แล็ปท็อปถึงห้าเครื่อง คนอื่นๆอาจจะมองว่าสิ่งที่เขาทํานั้นมันงี่เง่าและไม่จําเป็น แต่สําหรับเขาสิ่งนี้เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เขาจะไม่ทํามันไม่ได้
มาร์ครู้ว่าสิ่งที่เขาทําอยู่นั้นมันอาจจะหายไปตลอดกาล ใครจะไปรู้ว่านานแค่ไหนเหตุการณ์หายนะครั้งนี้ถึงจะจบลง หรือมันอาจจะไม่จบลงและไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกตลอดไปก็ได้ และเพราะว่ามาร์คนั้นเป็นโอตาคุไงล่ะ เขาถึงขาดสิ่งพวกนี้ไม่ได้
มาร์คได้ยึดแขนและเหยียดหลังเมื่อเขาพอใจกับสิ่งที่เขาทํา แล้วเขานั่งอยู่ตรงนี้มาประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วร่างกายของเขาจึงปวดเมื่อยพอสมควร
มาร์คมองไปที่ข้างนอกร้านสินค้า คนอื่นๆที่ได้มีชีวิตรอดมาจากการสังหารของหมู่ซอมบี้ภายในโซนขายสินค้าไอทีก็กําลังทําความสะอาดพื้นที่กันอย่างขมักเขม้น
***
มากกว่าหนึ่งชั่วโมงที่แล้วตอนที่กลุ่มของมาร์คได้จัดการฆ่าฟันซอมบี้ในนี้ทั้งหมดจนสําเร็จ รวมถึงเหล่าซอมบี้ที่ติดอยู่ภายในร้านสินค้าบางร้านด้วย ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆที่อยู่ภายในร้านขายสินค้าที่ปิดตัวลงก็ได้ออกมาจากที่ซ่อนตัว พวกเขามีกันอยู่จํานวนยี่สิบสามชีวิต พวกเขานั้นได้มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโซนสินค้าไอทีทั้งหมดผ่านช่องว่างหรือรูชองประตูเหล็กที่ช่วยซ่อนตัวพวกเขาไว้
เมื่อผู้รอดชีวิตเดินออกมาจากร้านสินค้าที่พวกเขาซ่อนตัวไว้ หลายๆคนนั้นเมื่อเห็นถึงภาพฉากที่เกิดขึ้นก็ได้อาเจียนออกมา ในขณะที่บางคนนั้นก็มีสีหน้าซีดจางลงไป ตอนที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่นั้นสิ่งที่พวกเขาสามารถเห็นได้มันก็ถูกจํากัด นั่นเป็นเหตุผลที่ทําไมพวกเขาถึงมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดในตอนนี้ นั่นมันเพียงแค่ควันหลงอันน่าสะอิดสะเอียนของหายนะทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในโซนขายสินค้าไอทีนี้
ในตอนนั้นเองประตูเหล็กที่อยู่ตรงหน้าคนอื่นๆที่ได้ปิดอยู่ก็ ถูกดึงขึ้นเปิดออกมาและผู้รอดชีวิตจํานวนสิบห้าคนก็ได้เดินออกมา น่าประหลาดใจอยางมาก หนึ่งในผู้รอดชีวิตที่เดินออกมานั้นผู้รอดชีวิตที่มาจากชั้นข้างล่าง
มาร์คคาดหวังไว้ว่าจะมีผู้รอดชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ในร้านสินค้า ร้านนั้นแต่สิ่งที่ทําให้มาร์คสะดุ้งอยู่ข้างในก็คือคนสองคนท่ามกลางกลุ่มผู้รอดชีวิต หนึ่งในนั้นมีชายที่สวมสูทและใส่แว่นตาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้แว่นของเขาก็หายไปแล้ว อีกคนหนึ่งคือชายอายุราวๆยี่สิบซึ่งมีผมสั้นกระเซอกระเซิง จมูกโด่งและตาที่คม เขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบสีเหลืองที่สกปรกและกางเกงสแลคสีดํา มาร์คจําได้ว่าชายคนนี้อยู่กลุ่มเดียวกับนักเรียนวิทยาลัยที่เขาเห็นมาก่อนหน้านี้กับแองเจและพอลลา
เมื่อนักเรียนนั้นเห็นพอลลา เขาวิ่งเข้ามาหาเธอและกอดเธออย่างแนบแน่น พอลลาก็ได้ตกใจและผลักเด็กหนุ่มคนนั้นออกไป สีหน้าของพอลลาดูขมขึ้นและเศร้า แต่อย่างไรเด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่หยุดพยายามที่จะคุยกับเธอแม้ว่าเขาจะไม่ได้ คําตอบอะไรกลับมาเลยก็ตาม
การที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ตั้งแต่ซอมบี้ในโซนขายสินค้าไอทีนั้นถูกฆ่ากําจัดไปหมดสิ้น มาร์คจึงตัดสินใจที่จะพาพวกผู้หญิงที่อยู่ที่ดาดฟ้าทั้งหมดมา
เมื่อมาร์คเดินกลับไปยังโซนขายสินค้าไอทีกับพวกผู้หญิง เขาเห็นว่าผู้รอดชีวิตยาวคนก็ได้ร้องไห้คร่ําครวญอยู่ข้างร่างศพบางตัว ในขณะที่บางคนก็ได้เดินดูรอบๆเพื่อตรวจสอบร่างศพไปทีละตัว
เมื่อเรห์ยาตามมาร์คไปและเข้าไปโดยที่ได้อุ้มลูกสาวของเธอไปด้วย สีหน้าของเธอก็ซีดลงไปในทันทีและเธอก็ได้ปิดตาลูกสาวของเธอ เธอก็ได้กอดลูกสาวของเธอแนบแน่นกว่าเดิมโดยอัตโนมัติเมื่อความคิดแย่ๆเข้ามาอยู่ในใจเธอ เมื่อมาร์คเห็นปฏิกิริยาของเธอ มาร์คจึงพาเธอไปร้านขายสินค้าร้านหนึ่งที่ดูสะอาดและให้เธอได้นั่งพักอีกอย่างก็เพื่อให้ลูกสาวของเธอไม่ต้องเห็นกับภาพอันน่ารังเกียจนี้
สีหน้าของแองเจล่าก็ดูไม่จืดเช่นกัน เมื่อเธอเข้ามาข้างในใบหน้าซีดเซียวนั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเมื่อเธอเห็นพอลลาถูกนักศึกษาชายหนุ่มนั้นรังควาน เธอรีบเข้าไปยืนระหว่างสองคนนั้นเพื่อปกป้องพอลลาไว้ข้างหลังเธอโดยทันที นักศึกษาชายหนุ่มนั้นไม่ทันได้สังเกตุแองเจเพราะเธอสวมใส่ชุดเกราะและหมวกป้องกัน ชายหนุ่มก็ได้แต่สงสัยว่าเธอคนนี้นั้นคือใคร เมื่อแองเจถอดหมวกป้องกันออก ใบหน้าของชายคนนี้ก็เปลี่ยนเป็นซีดลงแต่เขาก็ยังพยายามที่จะโต้กลับไป
ชายคนนี้โดยแองเจผลักหน้าของเขาออกไปด้วยแขนขวาเพียงแขนเดียว ถ้าพอลลาไม่หยุดเธอไว้ เธออาจจะทําร้ายร่างกายเขามากกว่านี้ก็ได้
ในขณะที่เหมยนั้นไม่มีปฏิกิริยาใดๆเมื่อเห็นภาพฉากข้างใน แถมเธอยังเอาแต่มองไปที่ซากศพที่มีเนื้อหนังที่เน่าเปื่อยไปหลายครั้ง ในขณะนั้นเธอก็ได้เดินตามหลังมาร์คไป
ในเวลานี้ มาร์คก็ได้ถอดหมวกของเขาออก เขารู้สึกไม่สบายตัวเมื่อได้ใส่มันเป็นเวลานานๆ ด้วยเหตุผลนี้พวกเขาจึงสามารถเห็นใบหน้าของมาร์คที่ไม่ได้โชว์อารมณ์หรือปฏิกิริยาใดๆออกมาในตอนที่เขาได้ชําเลืองมองไปที่ซากศพที่เสียชีวิต
แองเจล่าเห็นว่ามาร์คและเหมยซึ่งกําลังเดินไปรอบๆโดยไม่ได้ มีการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าออกมาทั้งๆที่ภาพอันน่าสะอิดสะเอียนก็อยู่รอบๆตัวพวกเขา จากนั้นแองเจเลยพูดบางอย่างเบาๆออกมา แต่มาร์คก็ยังคงได้ยินอยู่ดี มาร์คได้ชําเลืองมองไปที่แองเจอย่างเย็นชา แองเจล่าจึงเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังพอลลา
แองเจล่าตั้งฉายาให้เหมยและมาร์คว่า “คู่รักไร้ความรู้สึก”
ก็แหม ใครจะไม่คิดแบบนั้นล่ะเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกใดๆกับภาพอันน่าอาเจียนแบบนี้?
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายหลายๆคนข้างในนี้ช่วยไม่ได้ที่จะไม่มองไปที่เหมย พวกเขาต่างก็ชําเลืองมองไปที่เธอ เธอทําได้แค่เข้าไปอยู่ใกล้ๆมาร์คมากขึ้นกว่าเดิมและเกาะแขนซ้ายของเขาไว้ เพื่อให้เธอพยายามไม่สนใจกับสายตาพวกนั้น
มาร์ครู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยภายในใจของเธอ มาร์คจึงพาเหมยออกมาและไปอยู่กับเรห์ยาและลูกสาวของเธอภายในร้านสินค้าแทน เขายังได้เรียกพอลลาและแองเจให้ตามไป พวกเธอทั้งสองคนพยายามหาเหตุผลที่จะไล่ชายที่น่ารําคาญคนนี้ออกไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังพยายามที่จะตามแองเจกับพอลลาไป
ในตอนนั้นเองกลายเป็นมาร์คที่ได้กีดกั้นเขาเองมาร์ค ไม่ได้เรียกเขาดังนั้นคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้เขาตามไปด้วย นักเรียนชายคนนี้พยายามเถียงมาร์คและอธิบายความสัมพันธ์กับแองเจและพอลลาให้มาร์คเข้าใจ เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้คือแฟนหนุ่มของพอลลานั่นเอง
ในขณะที่มาร์คนั้นได้เจรจาโต้เถียงกับชายคนนี้อยู่ ชายคนนี้ก็ได้ชําเลืองมองไปที่เหมยด้วย และการชําเลืองมองของเขาก็เป็นท่าทางที่ดูน่ารังเกียจ ดังนั้นมาร์คเลยจัดการด้วยวิธีที่รุนแรงขึ้นมาอีก
เขาถึงปืนสั้นออกมาจากข้างลําตัวของเขาและเล็งปืนไปที่ หน้าผากของชายหนุ่มคนนี้และพูดออกไปด้วยน้ําเสียงอันเย็นชา
“ฉันเรียกแค่เธอสองคนนั้นและไม่ได้ขานชื่อนาย เพราะอย่างงั้นรีบออกไปไกลๆจากฉันซะ”
ชายหนุ่มนักศึกษานั้นหน้าซีดเลยทันทีและเหงื่อก็ได้ออกเต็มหลังของเขา เขากลืนน้ําลายก่อนที่จะพยักหน้าและถอยออกไปอย่างช้าๆ
เมื่อชายตัวถ่วงนั้นจากไป มาร์คก็ได้พาพวกเธอไปที่ห้องเก็บของของร้านค้าบางแห่ง ข้างในมีตู้คอนเทนเนอร์เอาไว้เก็บน้ํา เครื่องสําอางค์อย่างเช่นสบู่และน้ําหอม ในนั้นมีทั้งพลาสเตอร์แบบเจล เมื่อมองไปรอบๆห้องเก็บของขนาดใหญ่นี้ ก็ยังมีเสื้อผ้าของผู้หญิงเต็มไปหมด
แองเจและพอลลาเข้าใจในทันทีว่ามาร์คต้องการให้พวกเธอมอะไร เธอทั้งสองคนมองไปที่เหมยและหันมองไป ที่มาร์คและได้พยักหน้า มาร์คไม่จําเป็นจะต้องพูดอะไรมาก มาร์คบอกพวกเธอถึงเสื้อผ้าที่จําเป็นต้องเลือกใช้ในสถานการณ์หายนะซอมบี้แบบนี้ก่อนที่เขาจะถอยกลับออกไปจากห้อง เขายืนพิงกําแพงอยู่ด้านนอกซึ่งอยู่ข้างประตูและยืนเพื่อเฝ้าห้องเอาไว้
ในขณะที่รอมาร์คก็ได้ไถหน้าจอโทรศัพท์ของเขาไปเรื่อยๆ และเช็คตรวจสอบดดูว่าในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อินเตอร์เน็ต ไวไฟยังคงทํางานได้อยู่ไหม มันยังทํางานได้อย่างเชื่องช้าเหมือนความเร็วของหอยทาก เขายังคงเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้อยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นมาร์ครู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง มาร์คสามารถที่จะดําเนินการตามแผนและรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ในเวลาเดียวกัน
จากนั้นเขาก็ได้เปิดสื่อโซเชียลมีเดียที่เขาแทบไม่ได้เปิดและเข้าไปเลย ในขณะที่กําลังอ่านโพสต์ของเพื่อนออนไลน์ของเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาส่วนใหญ่นั้นติดอยู่ในสถานที่ทํางาน หรือที่บ้าน บางคนก็ได้โพสต์ขอความช่วยเหลือ ความสิ้นคิดก็ได้แสดงออกมาเช่นกันเมื่อมีคนอยู่ไม่กี่คนโพสต์ที่ อยู่ของพวกเขาลงบนโลกออนไลน์ทั้งๆที่มันอาจจะนําอันตรายมายังพวกเขาได้
ในเวลานั้นเองมาร์คก็รู้เลยว่าเขาจําเป็นต้องเปลี่ยนแผนการบางอย่างของเขา