มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) - ตอนที่ 16 : ชีวิตที่ทรมาน ความแค้นเคือง และคำที่เธออยากได้ยิน
- Home
- มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
- ตอนที่ 16 : ชีวิตที่ทรมาน ความแค้นเคือง และคำที่เธออยากได้ยิน
ตอนที่ 16 : ชีวิตที่ทรมาน ความแค้นเคือง และคำที่เธออยากได้ยิน
ท่ามกลางคลื่นเหล่าผู้คนที่กำลังตื่นตระหนก เธอเห็นว่า “เพื่อน” ของเธอ ก็กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่เช่นกัน น้ำตาเริ่มเอ่อนองอยู่บนใบหน้าของเธอ
แม้ว่ามิตรภาพนี้มันจะไม่ได้บริสุทธิ์นัก แต่พวกเขาก็เคยร่วมใช้เวลาสนุกๆด้วยกัน ในขณะที่เธอกำลังถูกดึงออกไป “เพื่อน” คนนั้นของเธอก็ไม่สามารถวิ่งได้ ทำได้แต่นอนลงบนทางเท้า เพื่อนสาวคนนั้นพยายามที่จะพูดบางสิ่งออกมา แต่ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของเธอได้ ยกเว้นเลือดที่กระอักออกมา และเธอทำได้แค่ยื่นมือขวาไปหาเหมย แต่มือที่ยื่นออกไปนั้นก็ยิ่งทำให้เธอทรมานมากกว่าเดิมเมื่อผู้คนที่วิ่งหนีอยู่วิ่งเหยียบย่ำไปที่แขนของเธอ
เหมยต้องการที่จะช่วยเพื่อนของเธอและพยายามที่จะต่อต้านการจับกุมของคู่หมั้นของเธอ แต่ผู้หญิงที่เปราะบางแบบเธอก็คงไม่มีแรงพอที่จะต่อต้านได้ และเธอก็ยังโดนดึงออกไปด้วยกำลังแรงที่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เธอได้ยินคู่หมั้นของเธอตะโกนใส่เธอ แต่คำพูดของเขาไม่ได้เข้าทะลุหูเธอเลยด้วยซ้ำเพราะเมื่อเธอได้มอง “เพื่อน” ของเธอที่มีสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดจากทุกๆการถูกย่ำเหยียบที่ได้รับมาจากฝูงชนที่กำลังวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตให้รอด ภาพฉากนั้นก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งการมองเห็นของเหมยนั้นถูกกลืนกินไปด้วยผู้คนที่ชุลมุน
เธอได้ถูกดึงตัวไป ทั้งสองคนนั้นได้หนีเข้าไปในห้างสรรพสินค้าและวิ่งเข้าไปข้างในกับคนอื่นๆ เธอเห็นการ์ดเมินเฉยกับฝูงชนที่วิ่งหนีอยู่ข้างใน และจดจ่ออยู่กับการสื่อสารทางวิทยุด้วยท่าทางที่เข้มงวด
ใช้เวลาไม่นานนักหลังจากที่เข้าไปในห้างสรรพสินค้า พวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงลั่นของลูกกระสุนปืน
เหมยมองไปที่ข้างหลังและเห็น “คน” วิ่งไล่ตามจับคนอื่นๆ อย่างกระหายเลือด จากนั้นเธอก็เห็นการ์ดสองคนในขณะที่เธอถูกดึงเข้าไปข้างในห้างสรรพสินค้า
หนึ่งในการ์ดคนนั้นถูกจับได้และล้มลงและโดนกัดเข้าไปที่คอ ในขณะที่การ์ดอีกคนจัดการยิงใส่คนที่โจมตี แต่เขาก็ถูกอีกคนกระโดดใส่หลังของเขา
จากนั้นเธอก็เห็นว่าการ์ดแรกที่โดนกัดนั้นอยู่ๆก็ยืนขึ้นมาอย่างงุ่มง่าม เธอรู้สึกประหลาดใจ เธอได้จ้องมองไปที่การ์ดพร้อมกับวิ่งหนีไปด้วย การ์ดคนนั้นก็ได้หมุนศรีษะของตัวเองเหมือนในหนังสยองขวัญ และจ้องมองกลับไปที่ใบหน้าเธอ
เหมยไม่มีทางที่จะคิดลืมภาพฉากเมื่อสักครู่นี้ได้เลย สายตาและใบหน้าที่โชกไปด้วยเลือด เธอเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในฝันร้าย จากนั้นการ์ดคนนั้นก็เริ่มพุ่งถลาโจมตีใส่คนอื่นๆอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เหมือนสัตว์ร้ายที่อยากจะกลืนกินเหยื่อให้ได้ทั้งหมด และกำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ
เธอรู้สึกกลัวและสั่นไหวอยู่ข้างใน
“ชิ*หาย!”
เธอได้ยินคู่หมั้นของเธอสบถขึ้นมา เธอมองไปที่คู่หมั้นของเธอและมองกลับไปที่การ์ดที่กำลังวิ่งไล่ตามอยู่ข้างหลังเธอ ความรู้สึกเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
การ์ดคนนั้นก็เริ่มเข้าใกล้และกำลังจะพุ่งมาหาเธอเต็มที่
จากนั้น ขบวนรถไฟ ไม่สิ ขบวนตระกร้ารถเข็นสินค้าก็พุ่งเข้ามาใส่การ์ดคนนั้นที่กำลังกระโจนเข้ามาพอดี การ์ดกระโจนเข้าใส่ตระกร้ารถเข็นสินค้าแทน เขาล้มลงไปอยู่กับตระกร้ารถเข็นสินค้าที่ล้มกองกระจัดกระจาย และนั่นทำให้เกิดเสียงดังอย่างมาก
“เฮ้! ทางนี้!”
ทั้งสองคนนั้นกำลังช็อคอยู่กับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ก่อนที่จะได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาใส่พวกเขา เมื่อพวกเขามองหาต้นเสียง พวกเขาก็เจอกลุ่มวัยรุ่นซึ่งก็ดูเด็กกว่าพวกเขายืนถืออาวุธและกำลังเรียกพวกเขาอยู่
เมื่อชายคู่หมั้นเริ่มเห็นแสงสว่างภายในความมืดมิด เขาก็ได้ดึงเธอเข้าไปหากลุ่มนั้นและตามพวกเขาไปด้วยความเร่งรีบ เมื่อเหตุการณ์รถเข็นเมื่อสักครู่นั้นทำให้พวกเขานั้นได้รอดมาได้
เธอไม่ต้องการที่จะไปแต่เธอก็ไม่สามารถต่อต้านชายคนที่ดึงเธอไว้ได้ เธอได้รู้สึกกลัวจากสิ่งที่ได้เผชิญหน้ามาเมื่อกี้ แต่มันก็ยังไม่จบลงอยู่ดี
เสียงกระทบฟันดังก้องอยู่ข้างหลังเธอ เมื่อการ์ดนั้นได้พยายามที่จะพังทลายพวกรถเข็นที่กั้นทางเขาเอาไว้ เขากำลังที่จะเริ่มไล่ล่าเธออีกครั้ง
ด้วยความกลัว เหมยก็หยุดต่อต้านคู่หมั้นของเธอ และวิ่งไปกับกลุ่มนั้นด้วย กลุ่มวัยรุ่นนั้นได้หยุดรอที่บันได้เลื่อน เมื่อเหมยและคู่หมั้นของเธอมาถึง พวกเขาก็เริ่มนำทางไป
ด้วยการที่มีการ์ดนั้นวิ่งไล่ตามหางอยู่ พวกเขาก็วิ่งหนีไปจนกระทั่งพวกเขาเจอโรงหนังที่อยู่ที่ชั้นสาม พวกเขาก็ไม่เห็นการ์ดนั้นอยู่ข้างหลังแล้ว เหมือนกับว่าพวกเขาพลัดหลงกับเขาไปแล้ว
กลุ่มวัยรุ่นนั้นปล่อยให้พวกเขาเข้ามาข้างในโรงหนังที่ไร้ซึ่งพนักงานแม้แต่คนเดียว
เหมยเริ่มมีลางสังหรณ์ใจที่ไม่ดีเท่าไหร่
จริงๆแล้วนั้นเธอเริ่มรู้สึกได้เมื่อกลุ่มวัยรุ่นนี้เรียกแค่เธอแต่ไม่ได้ต้องการคู่หมั้นของเธอไปด้วย เมื่อพวกเขาตามกลุ่มวัยรุ่นนี้มา พวกเขาก็ไม่ได้เรียกใครมาด้วยเลยเมื่อตอนที่พวกเขากำลังวิ่งหนี ด้วยความกลัวของเธอ เธอก็ช่วยไม่ได้ที่จะตามเข้ามา แต่เธอสังเกตุได้ว่ากลุ่มนี้ชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยครั้งมาก
ในสายตาของพวกเขาที่ชำเลืองมองมาที่เธอ… เธอรู้จักสายตาพวกนั้นดี มันเป็นสายตาที่คู่หมั้นของเธอมองมาที่เธอแบบนั้นเช่นกัน ผู้ชายหลายๆคนที่เธอเคยเผชิญหน้ามาก่อนก็มีสายตาในลักษณะนี้
จากนั้น คนหนึ่งในกลุ่มนี้ก็ล็อคประตูโรงหรัง และเธอก็เริ่มรู้สึกเหมือนตกนรก
คู่หมั้นที่เธอแสนเกลียดนั้นโดยบิง ไม่ใช่เพราะว่าเขาพยายมที่จะปกป้องเธอ แต่เป็นเพราะว่าท่าทางที่หยิงยโสของเขา ในขณะเดียวกันคู่หมั้นของเธอก็พยายามที่จะขายเธอให้กับคนพวกนี้ตอนที่เขาโดนข่มขู่
จากนั้นหนึ่งในคนที่ถือปืนซึ่งเป็นคนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าโดยมีคนสามคนซึ่งคือลูกน้อง มันพยายามจะเข้ามาลวนลามร่างกายของเธอ เธอพยายามขัดขืนแต่แรงของเธอก็แพ้พวกมัน เมื่อเธอโดนชกเข้าไปที่ท้องอย่างเต็มแรง แม้ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงที่จะพยายามขัดขืนด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่ดี แต่เธอก็โดนตบเข้ามาที่ใบหน้าอย่างเต็มแรงของพวกมัน
้น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาพร้อมทั้งเธอก็รู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกอัปยศอดสูมาก
เสื้อผ้าของเธอถูกถอดออกหมด และเธอก็กลายเป็นของเล่นให้กับพวกมันได้พึงพอใจ ในขณะที่เธอนอนล้มเปลื้องผ้าอยู่บนพื้นที่หนาวเหน็บของโรงหนัง เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทุกๆส่วนของร่างกาย การมองเห็นของเธอก็เริ่มริบหรี่ขึ้นเรื่อยๆ
เธอรู้สึกหมดหนทางและรู้สึกหมดกำลัง และเธอก็ภาวนาให้เธอนั้นได้ตายไปให้ไวที่สุดเท่าที่ไวได้
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องรอบๆตัวเธอ…
สำหรับเธอ…
มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว…
ทุกสิ่งทุกอย่างได้กลายเป็นสีดำไปหมดในสายตาเธอ
ปัง!
เธอได้ยินเสียงปืนดัง แต่เธอไม่สามารถมีปฏิกิรยาใดๆได้ แต่เธอยังรู้สึกได้ถึงความอุ่นของสารเหลวที่กระเด็นเปื้อนอยู่บนตัวเธอหลังจากได้มีเสียงปืนนั้นดังขึ้น เธอรู้สึกถึงน้ำหนักตัวของคนที่ได้ค่อมเธออยู่ก็เบาลงไป
เธอได้ยินเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่ได้มีปฎิกิริยาใดๆ
ในไม่ช้าเธอก็ได้พยายามตั้งสติ เธอเห็นข้างหลังของผู้ชายที่ได้ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ เธอจ้องมองแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เธอเห็นว่าชายที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวและความเจ็บปวด เธอไม่มีการตอบโต้ใดๆได้ แต่เธอก็รู้สึกว่ามันสมควรได้รับแล้ว
เธอเห็นเลือดเปื้อนกระเด็นไปทั่วพื้นแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
เหมยมองไปที่ชายคนนั้น และชายคนนั้นก็จ้องมองเธอ เธอรู้สึกว่าชายคนนี้กำลังสำรวจร่างกายของเธออยู่ แม้อย่างนั้น เธอก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ
เธอคิดว่าเขาก็คงอาจจะเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ
เธอรู้สึกว่าการมองเห็นของเธอเริ่มสลัวมืดลงเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นโชคชะตาของเธอจริงๆเลยก็ได้ เธอคิด
จากนั้นเธอเห็นว่าชายคนนั้นถอดแจ็คเกตออกมา
อารมณ์ต่างๆของเธอก็หายวับไปเมื่อการมองเห็นของเธอหายไป…
และจากนั้น…
เธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่น…
อยู่ๆการมองเห็นของเธอก็เริ่มที่จะสว่างไสวมากขึ้น และเห็นว่าเสื้อแจ็คเก็ตนั้นปกคลุมร่างของเธออยู่ มันมีกลิ่นเหงื่ออยู่แต่ก็ยังรู้สึกถึงความอบุ่น
หลังจากนั้นก็มีบางสิ่งที่นุ่มมาสัมผัสใบหน้าของเธอ เธอมองขึ้นและเห็นว่าชายคนนั้นได้คุกเข่าลงอยู่ตรงหน้าเธอ และใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดไปที่ใบหน้าของเธอ
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอเอามือทั้งสองมือออกไปจับมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าอยู่อย่างช้าๆ ชายคนนั้นมองด้วยความประหลาดใจ เขาถอนหายใจออกมาและยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ เขาใช้มืออีกข้างของเขา ลูบไปที่ศรีษะของเธอโดยไม่ได้คำนึงว่ามันสกปรกแค่ไหน
จากนั้นเขาก็เริ่มพูดมาอย่างอ่อนโยนเท่าที่ทำได้
“ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดีขึ้นแล้ว”
สำหรับชายคนนั้น มันดูเหมือนคำพูดปกติธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับเธอนั้นมันช่างอบอุ่น…
น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมา และความคร่ำครวญถึงความแค้นใจของเธอก็หายไปหมด
คำพูดทั้งหมดนั้นเป็นคำที่เธออยากได้ยินมากที่สุดในชีวิตของเธอเลย