มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2898 ความสูญเสียของการรบครั้งแรก
มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2898
ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือร่างยุทธ์ร่างเนื้อ ระหว่างหลัวซิวกับแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดต่างก็มีช่องว่างขนาดใหญ่มาตลอด
ทว่าเขากลับยังคงอาศัยผลการฝึกตนในปัจจุบันของเขาต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้ นั่นก็เพราะอาศัยความร้ายกาจของพลังแห่งวิถีเซียน
หากเขามิได้บุกเบิกวิถีเซียนผนึกรวมพลังแห่งวิถีเซียน เช่นนั้นแม้ว่าเขาจะมีการตระหนักรู้ธรรมดั้งเดิมที่ค่อนข้างสูง แรงเต๋าของเขาก็ยากที่จะทัดเทียมกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
แต่พลังแห่งวิถีเซียนนั้นไม่เหมือนกัน อาศัยพลังอมตะที่ถูกแสดงออกมาด้วยพลังแห่งวิถีเซียน ทำให้ด้านการโจมตีของเขา ทำให้เขาตามทันหรือเหนือกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดธรรมดาทั่วไป!
มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ถูกหลัวซิวจู่โจมจนลอยปลิวออกไปคนนั้นได้กลับเข้าสู่วงล้อมโจมตีอีกครั้ง ร่างของหลัวซิวปกคลุมไปด้วยแสงอันเจิดจรัส ภายใต้อิทธิพลสรรพวิถีล้วนว้าง ทำให้การโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์ยากที่จะทำอันตรายเขาได้
ดั่งคำพูดที่ว่าทหารสู้กับทหาร แม่ทัพสู้กับแม่ทัพ หลังจากการหยั่งเชิงขั้นต้นเสร็จสิ้นลง สถานการณ์ในสนามรบก็ค่อย ๆ คงที่
ถูกมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดสามคนพัวพัน มังกรอสูรดำสองตัวร้องคำรามพลางพุ่งเข้าหาหลัวซิว กระแสพลังที่กระจายออกมาของแต่ละตัวล้วนเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายขึ้นไป
“ขวางพวกมันเอาไว้!”
ในสนามรบ หลัวซิวมิได้ต่อสู้เพียงลำพัง เมื่อเห็นว่าเขาตกอยู่ในอันตราย ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายเมืองต้าฮวงโบราณก็ได้ขับเคลื่อนเรือรบอสูรร้าง เข้าขัดขวางหุ่นเชิดมังกรอสูรดำทั้งสองตัวเอาไว้
ความแข็งแกร่งของเรือรบอสูรร้าง ด้อยกว่าหุ่นเชิดมังกรอสูรอยู่เล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นฝีมือในการโจมตีหรือความคล่องตัวในการโจมตี ต่างก็ด้อยกว่าเล็กน้อย
เรือรบอสูรร้างทั้งสี่ลำที่ยื่นมือเข้าช่วย สองลำรวมเป็นหนึ่งกลุ่ม แยกกันขัดขวางหุ่นเชิดมังกรอสูร
สาเหตุที่ความแตกต่างระหว่างเรือรบอสูรร้างกับหุ่นเชิดมังกรอสูรไม่ทำให้สถานการณ์ของสนามรบเอียงไปฝ่ายเดียว นั่นเป็นเพราะในด้านจำนวนของเรือรบอสูรร้าง เหนือกว่าหุ่นเชิดมังกรอสูร
เมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดมังกรอสูรสองตัวที่บุกสังหารเข้ามาถูกขวางเอาไว้ หลัวซิวก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลอีก พลังอมตะวิถีเซียนอันล้ำเลิศแขนงต่าง ๆ ได้เบ่งบานออกมาจากฝ่ามือของเขา อาศัยพลังของตนเองเพียงคนเดียว สยบมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสามคนเอาไว้ได้!
จักต้องรู้ว่า ในสามคนนี้ มีคนหนึ่งที่อยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงกลาง!
……
ในหุบเขาอสูรฟ้า ผู้ที่รับผิดชอบควบคุมกองทัพนั้นมิใช่จ้าวปีศาจเทียนหยาง และก็ไม่ใช่บรรพอาจารย์เฉว่ซ่า ในฐานะผู้กุมอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจกับชนเผ่าเฉว่าซ่า ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอย่างเคารพนอบน้อมอยู่ด้านหลังบุรุษหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่ง
“คนผู้นี้เป็นใครกัน?”
ด้านหน้าของบุรุษหนุ่มชุดขาวมีกระจกอยู่บานหนึ่ง สถานการร์ทั้งหมดของสนามรบปรากฏอยู่ในกระจกบานนั้น และที่บุรุษหนุ่มชุดขาวกำลังชี้อยู่ในตอนนี้ คือการต่อสู้ระหว่างหลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสาม
เมื่อการต่อสู้เพิ่มระดับขึ้น มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้เข้าสู่สนามรบเป็นที่เรียบร้อย เป็นกำลังรบขั้นสูงของสนามรบในขณะนี้
ตามหลักการโดยทั่วไปแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขั้นปฐมภูมิสองคนกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่างกลางหนึ่งคนร่วมมือกัน มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายขึ้นไป ถึงมีความเป็นไปได้ที่จะสยบพวกเขา
ทว่าภาพที่แสดงขึ้นมาบนกระจกในเวลานี้ คู่ต่อสู้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสามของฝ่ายตน คลื่นพลังผลการฝึกตนที่แผ่ซ่านออกมารอบกายของเขา เหมือนจะไม่ถึงแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดด้วยซ้ำ
“ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบ……” บรรพอาจารย์ชนเผ่าเฉว่ซ่าตอบอย่างรวดเร็ว
“ไม่รู้งั้นหรือ?” บุรุษหนุ่มชุดขาวมีสีหน้าเยือกเย็นลงทันที “แม้แต่ข้อมูลของคู่ต่อสู้ยังรวบรวมไว้ในกำมือไม่ได้ เก็บพวกเจ้าเอาไว้มีประโยชน์อันใด?”
ระหว่างที่กล่าวนั้น ไอสังหารอันดุเดือดได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างของบุรุษหนุ่มชุดขาว ภายใต้การครอบงำของไอสังหารกลุ่มนี้ ร่างของบรรพอาจารย์ชนเผ่าเฉว่ซ่าสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ท่านทูตโปรดอย่าโมโห”
ในตอนนี้เอง จ้าวปีศาจเทียนหยางได้เอ่ยขึ้น เขากล่าวอย่างนอบน้อม “ข้อมูลอัจฉริยะของกองกำลังต่าง ๆ ในโลกร้างที่เป็นอันตราย พวกเราได้พยายามรวบรวมแล้ว แต่คนผู้นี้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลย”
“นั่นเพราะพวกเจ้าไร้ความสามารถ!” บุรุษหนุ่มชุดขาวกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวอันไร้ประโยชน์ของพวกเจ้า”
“ท่านทูตขอรับ ข้าน้อยจะเป็นคนลงมือเอาชีวิตของมันเองตอนนี้เลย”
ในตอนนี้เอง จ้าวปีศาจเสวียนหยินได้ยืนออกมา ออกตัวขอรับคำสั่งเอง
ในฐานะผู้นำสำนักหยินของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจ จ้าวปีศาจเสวียนหยินเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า
“รีบสู้รีบจบ” ทูตชุดขาวพยักหน้า
“ขอรับ!”
จ้าวปีศาจเสวียนหยินกลายร่างเป็นแสงกลบินเหาะออกไปด้านนอกหุบเขาอสูรฟ้า สังหารศัตรูที่อยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดโดยอาศัยผลการฝึกตนในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้ามันไม่มีอันตรายใด ๆ อยู่เลย
ข้างกายของท่านทูตชุดชาว ฮวงจวินจ้องเงาร่างที่อยู่ในกระจกอย่างไม่ละสายตา แฝงไปด้วยความสงสัย
ขณะที่สถานการณ์ในสนามรบแบ่งแยกแพ้ชนะไม่ได้ ทั้งต่างฝ่ายต่างพิจารณาว่าจะให้มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าลงสู่สนามรบหรือไม่
ทางฝ่ายเมืองตน้าฮวงโบราณไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังรบขั้นสูงอยู่มากน้อยเพียงใดกันแน่ แค่ดูจากจำนวนของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด ทั้งสองฝ่ายห่างกันไม่มากนัก
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวก่อนก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันควัน เพราะทันทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าลงสู่สนามรบ การสิ้นชีพของคนใดคนหนึ่งล้วนเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ดังนั้นเจ้าเมืองต้าฮวงจึงไม่ได้ทำอะไรโดยพลการ หากต้องลงมือจริง ๆ ย่อมจักต้องเลือกโจมตีคู่ต่อสู้อย่างรุนแรงในเวลาสำคัญ!
บนเงาสะท้อนค่ายกลแต่ละสาย ได้ปรากฏให้เห็นสถานการณ์ของสนามรบในทุกจุด สายตาของเจ้าเมืองต้าฮวงย่อมต้องสังเกตเห็นหลัวซิวอยู่แล้ว แม้ว่าหลัวซิวจะใช้วิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาและกลิ่นอาย แถมยังบดบังพลังอมตะของตน แต่เขาก็ยังรู้ว่าคนผู้นี้ก็คือหลัวซิว
นับตั้งแต่เกิดเรื่องในครั้งก่อนขึ้น บรรดาบรรพอาจารย์ในสถานบรรพบุรุษได้แจ้งมายังเขาแล้ว หลัวซิวผู้นี้เป็นตัวแปรที่สำคัญมาก ให้เขาปกป้องคนผู้นี้เอาไว้ให้ดี
เจ้าเมืองต้าฮวงไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดบรรดาบรรพอาจารย์ถึงได้ทำเช่นนี้ แต่ภารกิจของเขาคือการปฏิบัติตามคำสั่งของบรรดาบรรพอาจารย์ จะให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย
“ตายซะ!”
ทันใดนั้นเอง สถานการณ์ในสนามรบพลันเปลี่ยนไป พลังกดดันอันแรงกล้าน่าเกรงขามแพร่กระจาย เงาร่างที่แผ่ซ่านปราณปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวได้ลอยออกมาจากหุบเขาอสูรฟ้า พุ่งสังหารเขาไปหาหลัวซิว
คนที่ลงมือนั้นก็คือจ้าวปีศาจเสวียนหยินนั่นเอง เห็นเพียงนิ้วทั้งห้าของเขากางออก ฝ่ามือเหมือนดั่งได้กลายเป็นกรงเล็บของมังกรอสูร แฝงไปด้วยพลังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ครอบคลุมเข้าหาร่างของหลัวซิว
การโจมตีครั้งนี้ มีอานุภาพแข็งแกร่ง แทบจะเป็นการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของจ้าวปีศาจเสวียนหยินอยู้แล้ว
“จ้าวปีศาจเสวียนหยิน!”
“ไอสังหารอันแรงกล้าพุ่งออกมาจากดวงตาของหลัวซิว ตอนที่ตู๋กูเจี้ยนเฉินกำลังจะข้ามผ่านทัณฑ์ ก็คือจ้าวปีศาจเสวียนหยินนี่เองที่พาคนเข้าโจมตี
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า หลัวซิวก็ยังคงไม่มีความหวาดเกรงปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเลยสักนิด
หอคอยฮวงที่ซ่อนอยู่ในตัวหยั่งรู้ส่งเสียงดังกระหึ่ม ส่งแสงสีทองอันเจิดจ้า พลังแห่งธรรมเวชกาลร้างสายแล้วสายเล่าไหลออกมาจากหอคอยฮวง ผนึกรวมอยู่กลางฝ่ามือของหลัวซิว
“ตึงงงง!”
หลัวซิวพลิกมือซัดออกไป อาศัยพลังของหอคอยฮวง ตอบโต้การจู่โจมของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าจ้าวปีศาจเสวียนหยิน!
คลื่นพลังงานอันกลัวได้ระเบิดขึ้นมา ระลอกคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวได้ทำให้อนัตตาในระยะหมื่นลี้แหลกเป็นผุยผง กลายเป็นพื้นที่โกลาหลอลหม่าน
ระลอกคลื่นของควันหลงพลังงานยังคงกระเพื่อมออกไปไกลไม่ขาดสาย ทำให้ผู้คนที่กำลังต่อสู้กันในละแวกใกล้เคียงต่างหน้าถอดสี แล้วหลบหนีออกห่างด้วยความหวาดผวา
หลัวซิวสัมผัสได้ว่าพลังอันร้ายกาจนี้ได้โจมตีไปทั่วร่างของเขาในทันที แม้ว่าเขาจะมีร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เทียบเท่ากับสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพชั้นยอด ตอนนี้ถึงกับต้องถอยหลังติดต่อกันอย่างห้ามไม่ได้ เพื่อบั่นทอนพลังอันร้ายกาจที่โจมตีเข้ามา
“กร๊อบ!”
เสียงกระดูกหักดังออกมาจากร่างของเขา หลัวซิวรู้โดยไม่ต้องไปสัมผัสว่า กระดูกแขนขวาของตนเองได้หักทั้งหมดแล้ว
“หือ? ต้านรับเอาไว้ได้อย่างนั้นหรือ?”
เสียงประหลาดใจเล็กน้อยของจ้าวปีศาจเสวียนหยินดังขึ้น เขาเคยได้เห็นการต่อสู้ของคนผู้นี้กับตาตัวเอง จึงรู้ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอยู่ประมาณระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลาย แต่ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขั้นสูง ตามหลักแล้วคงไม่อาจต้านรับพลังอมตะที่ใช้พลังทั้งหมดของเขาได้หรอกกระมัง?”
แต่จ้าวปีศาจเสวียนหยินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาซัดฝ่ามือที่สองออกไปอย่างไม่ลังเล ภาพในนรกอเวจีปรากฏขึ้นมาตรงกลางฝ่ามือ เฉกเช่นโลกหนึ่งใบได้เกิดขึ้นบนฝ่ามือ สยบทุกสรรพสิ่ง
“ตราสรรพสิทธิ์!”
หลัวซิวก้าวถอยหลังอย่างสงบ วาดตราประทับด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว วิชาตราประทับได้สร้างพลังอมตะกระจายไปทั่วนภา นับพันนับหมื่น มืดฟ้ามัวดิน
พลังอมตะมากมายหลายแขนงเป็นเหมือนดั่งลมพายุฝนโจมตีฝ่ามือของจ้าวปีศาจเสวียนหยินอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าจะไม่สามารถทำลายพลังอมตะนี้ของจ้าวปีศาจเสวียนหยินได้ แต่ก็ทำให้ความเร็วที่กดทับลงมาของฝ่ามือลดลงไปไม่น้อย
และในตอนนี้เอง หลัวซิวได้ใช้ปริภูมิกับความเร็วกฎทั้งสองชั้นปลุกเสกเบิกเนตร ถอยตัวออกมาทันที ทำให้ฝ่ามือที่สองของจ้าวปีศาจเสวียนหยินร่วงลงสู่ความว่างเปล่า
“ช่างเป็นเจ้าหนุ่มที่จัดการได้ยากนัก!”
สีหน้าของจ้าวปีศาจเสวียนหยินบึ้งตึงถึงขีดสุด ลงมือติดต่อกันสองครั้งก็ยังไม่สามารถเอาชีวิตของอีกฝ่ายได้ มันทำให้เขารู้สึกถึงความอัปยศ
ตอนที่จ้าวปีศาจเสวียนหยินคิดจะลงมืออีกครั้งนั่นเอง กลับพบว่าหลังจากหลัวซิวหลบถอยออกไป ก็ได้มุ่งหน้าไปทางเมืองต้าฮวงโบราณ เร็วดั่งเทเลพอร์ต เพียงแว็บเดียวก็ห่างออกไปหมื่นลี้
จ้าวปีศาจเสวียนหยินมิได้บุกเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม เพราะเขาทราบดีว่าในเมืองต้าฮวงโบราณจักต้องมีมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้ากับผู้สูงส่งประจำการอยู่อย่างแน่นอน หากเขาตามไป ไม่เพียงฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็อาจต้องสูญเสียไปด้วย
คิดมาถึงตรงนี้ ต่อให้จ้าวปีศาจเสวียนหยินไม่เต็มใจเพียงใดก็ทำได้แค่ปล่อยมือ
“เป็นถึงจ้าวปีศาจเสวียนหยินกลับลอบลงมือกับคนรุ่นหลัง ข้าจะรับมือกับเจ้าเอง!”
ทันใดนั้น เสียงตวาดได้ดังลอยออกมาจากทางเมืองต้าฮวงโบราณ เพราะจ้าวปีศาจเสวียนหยินได้ลงสู่สนามรบ ทางฝ่ายเมืองต้าฮวงโบราณจึงได้มีมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าผู้หนึ่งลงมือในทันใด
“วืออออ……”
ในตอนนี้เอง เสียงเป่าแตรสัญญาณดังออกมาจากหุบเขาอสูรฟ้า แม้ว่าแม้ในสนามรบจะโกลาหล แต่เสียงแตรสัญญาณก็ยังคงดังเข้าหูของทุกคนอย่างชัดเจน
ตีกลองบุก เป่าแตรถอย!
เสียงเป่าแตรสัญญาณดังขึ้นในเวลานี้ จ้าวปีศาจเสวียนหยินไม่ลังเลเลยสักนิด หันหลังแล้วกลายร่างเป็นแสงกลเหาะถอยกลับหุบเขาอสูรฟ้าทันที
ในขณะเดียวกัน นักยุทธ์ฝ่ายหุบเขาอสูรฟ้าที่อยู่ในสนามรบ ต่างพอกันถอยกรูไปเหมือนดั่งน้ำขึ้นน้ำลง แยกย้ายเข้าสู่หมอกดำที่ปกคลุมอยู่ทั่วหุบเขาอสูรฟ้า หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หุบเขาอสูรฟ้าสั่งถอยทัพ ทางฝ่ายเมืองต้าฮวงโบราณก็มิได้ไล่ตามไป กองทัพใหญ่ทั้งสามเส้นทางต่างถอยเข้าสู่เมืองต้าฮวงโบราณ
“ศึกครั้งแรกเป็นเพียงการหยั่งเชิง”
ในตำหนักหลักของตำหนักหลักเมือง เจ้าเมืองต้าฮวงกล่าวขึ้นมาอย่างช้า ๆ ส่วนคนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่นี่ในเวลานี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขึ้นไป มีแค่หลัวซิว ที่ไม่เหมือนคนอื่น
“ศึกครั้งนี้มีนักยุทธ์ขั้นต่ำบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ราชาเทพวัฏจักรห้าบาดเจ็บล้มตายสองหมื่นกว่า มกุฎเทพวัฏจักรหกก็เสียหายไปนับหมื่น จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสูญเสียไปสามร้อยสี่สิบเจ็ด คน มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดดับสิ้นไปสองคน!”
หลังจากเจ้าเมืองต้าฮวงได้รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างอดไม่ได้ที่จะเงียบไป
หลัวซิวเองก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ นี่ก็คือสงคราม โหดร้ายทำให้คนผมชี้ชัน ทุกครั้งที่สงครามปะทุขึ้นมา ล้วนทำให้สิ่งมีชีวิตต้องตายไปจำนวนมาก
ราชาเทพวัฏจักรห้าสำหรับหลายตระกูลสำนัก นับว่าเป็นบุคคลระดับบรรพอาจารย์แล้ว ส่วนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดนั้นถึงขั้นสามารถบุกเบิกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่ มีตำแหน่งเป็นที่เคารพบูชาอย่างยิ่ง
ทว่าเพียงแค่การต่อสู้หยั่งเชิง จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย ก็เทียบเท่ากับการทำลายกองกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์นับสิบแห่งเสียแล้ว