มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 937
และชายคนนี้ได้ฆ่าเจ้ายุทธจักรอสูรมารช่วงปลายด้วยนิ้วมือเดียว หรือว่าเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์งั้นหรือ?
หลัวซิวไม่ได้สนใจสิ่งใด สีหน้านิ่งเรียบ ก่อนหน้านี้เขาฆ่าผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารคนหนึ่งดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ความจริงเขาได้ใช้วิชาสยบมารที่เจ้ามรณะได้ทิ้งเอาไว้ให้
สมัยที่ไกลกว่าสมัยก่อนโบราณ เผ่าพันธุ์มนุษย์มีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งนามว่าเจ้ามรณะ สร้างสามเคล็ดวิชาลับเพื่อจัดการกับเผ่าพันธุ์มารโดยเฉพาะ นั่นคือวิชาสยบมาร วิชาคุมมาร และวิชากลั่นมาร
ในนั้นวิชาสยบมารมีไว้เพื่อควบคุมเผ่าพันธุ์มารโดยเฉพาะ เคล็ดวิชาคุมมารจะประทับเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ของเผ่าพันธุ์มาร กลายเปลี่ยนเป็นการควบคุมทาส แต่เคล็ดวิชากลั่นมารจะสามารถทำให้เผ่าพันธุ์มารถูกกลั่นเป็นยาโลหิต ใช้เพื่อยกระดับผลการฝึกตนและร่างเนื้อ
หลัวซิวปะมือกับผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มารน้อยมาก ดังนั้นเคล็ดวิชาทั้งสามนี้จึงไม่ค่อยได้ใช้
เมื่อเข่นฆ่ายอดฝีมือเผ่าพันธุ์มารไปหนึ่งคน หลัวซิวก็ราวเหมือนกับเป็นทำเรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร สายตากวาดมองไปทางหลงหมิง พร้อมเอ่ย “ม้วนหยกข้าจะไม่มอบให้เจ้า และเจ้าก็หยุดข้าไม่ได้”
หลงหมิงขมวดคิ้ว “เจ้ากล้าฆ่าลูกน้องของข้าต่อหน้าข้า ไม่ให้ไว้หน้าข้าเลยงั้นหรือ”
“ลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังเช่นนี้จะเก็บไว้ทำไมกัน? ข้าช่วยเจ้ากำจัดทิ้ง เจ้าควรจะขอบใจข้าด้วยซ้ำ” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้าหนูนี่ช่างหน้าด้านหน้าทนดีจริง ๆ” หลงหมิงมุ่ยปาก ในเวลาเดียวกันก็ใช้ตัวสำนึกส่งเสียง “ไอ้หนุ่มหลัวรีบออกไปเถอะ ข่าวว่าเจ้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่กระจายออกไป ไม่นานก็จะดึงดูดผู้แข็งแกร่งของพวกเราเผ่าพันธุ์มารมาที่นี่ได้”
ได้ยินเสียงของหลงหมิงที่ส่งมา หลัวซิวก็ได้ว่าเขาไม่ได้อยากจะฟาดหั่นกับเขา อีกทั้งยังไม่ได้ทิ้งสายใยในวันก่อนระหว่างพวกเขาไปด้วย
“หยุดอยู่ที่นี่เสียเถอะ!”
หลงหมิงแผ่ขยายออร่าอันทรงพลังของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ปริภูมิที่อยู่รอบข้างก็ถูกตรึงขึ้นมา มีแนวโน้มอย่างมากที่จะออกโรงต่อสู้
“รีบไปเถิด ข้าเพียงแค่เสแสร้งไปอย่างนั้น ไม่รั้งเจ้าไว้” ตัวสำนึกของเขาส่งเสียงออกมา
หลัวซิวมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็กลายร่างเป็นลำแสงบินออกไปทันที
“จะไปไหน!” หลงหมิงตะโกนเสียงดัง และกลายร่างเป็นลำแสงเหาะตามไปทันที
ลำแสงที่ทั้งสองคนกลายร่างนั้นได้พุ่งทะลุอนัตตาออกไปทันที แดนกฎปริภูมิดั้งเดิมของหลงหมิงนั้นสูงกว่าหลัวซิว แต่กลับไม่ได้ไล่ตามเขาไปจริง ๆ
“ไปเถอะ วันนี้เจ้าถูกกองกำลังต่าง ๆ ไล่ฆ่า ข้าท่านชายหลงก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้มาก เจ้าเพิ่งพาตนเองจะดีกว่า”
เมื่อเหาะมาได้หลายหมื่นลี้ หลงหมิงก็หยุดลง ตัวสำนึกส่งเสียงเอ่ยพูด
หวังหว่าจะเจอกันอีก!”
หลัวซิวก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเขารับรู้ได้ถึงออร่าความแข็งแกร่งจากส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลบูรพากำลังพุ่งตรงเข้ามาทางนี้
เขาพลิกมือขึ้นนำหอกยุทธ์มังกรดำออกมา จากนั้นก็ยิงออกไปปังหนึ่งทำให้อนัตตาเกิดรอยแยก วินาทีต่อมาก็หายวับไปในพื้นฟ้าเหนือทะเลบูรพา
……
ที่บริเวณใกล้เคียงเทือกเขาเหิงตวนของอาณาจักรใต้มีเมืองอยู่เมืองหนึ่ง ชื่อว่าเมืองหยุนไห่
เหตุที่เรียกว่าเมืองหยุนไห่นั้นก็เพราะว่าเมืองแห่งนี้อยู่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่มาก
หลัวซิวออกจากทะเลบูรพาก็ตรงมาถึงที่แห่งนี้ สืบข่าวเรื่องการล้มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่
ภัตตาคารนั้นต่างเป็นสถานที่ชุมนุมพูดคุยกันของจอมยุทธ์ นำเอาบางเรื่องที่เกิดขึ้นและผู้คนให้ความสนใจในโลกยุทธ์ พูดคุยกันอย่างไม่มีการจำกัดความเห็น
“ได้ยินมาว่าการล้มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ นั่นเป็นเพราะคนคนเดียว”
“ใช่แล้ว ในปัจจุบันนี้ต่างก็รู้กันว่าธิดาเทพหยุนไห่ครอบครองพลังอมตะวิชาแห่งชะตาตรวจดวงชะตา ได้ยินมาว่าแม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ใหญ่ทั้งสี่ต่างก็ออกหน้าเอง แต่ธิดาเทพหยุนไห่กลับพูดว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมช่วยพวกเขาตรวจดูที่เบาะแสของคนผู้นั้น”
“แดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจโจมตี แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เผ่าพันธุ์มนุษย์กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่มีใครสักคนที่จะเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ช่างโหดร้ายเหลือเกิน!”
หลัวซิวได้ยินคำพูดประมาณนี้มามากมาย เขาได้รู้แล้วว่าธิดาเทพหยุนไห่ก็คือเหยียนซีโรว่ นางรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ต้องการให้นางทำนายเบาะแสของเขา แต่แน่นอนว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอม แต่ด้วยเพราะเหตุนี้จึงได้นำให้แดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ไปสู่หายนะ