มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 779
เหวินเซวียนหง เสิ่นหยวนหนาน และเย่เจียเอ๋อร์ถูกจับตัวไป หลัวซิวปิดบังตัวตน ติดตามร่องรอยอันแสนน้อยนิดไปจนพบว่าเป็นเผ่าหงส์
ที่กลางเขตการปกครองโตว้ไห่ประเทศเทียนหวู ผู้แข็งแกร่งของเผ่าหงส์หลายคนรวมตัวกันอยู่ด้านในตำหนักหนึ่ง
“จับพวกมดราชายุทธ์สองสามคนมาจะมีประโยชน์อะไร?”
“คนพวกนี้เคยเกี่ยวข้องกับหลัวซิว หลัวซิวหากได้ยินข่าว บางทีอาจจะหวนนึกถึงอดีตแล้วออกมาถึงที่นี่ด้วยตนเองก็เป็นได้”
“พวกเราจงใจทิ้งร่องรอยเล็กน้อยเอาไว้ อีกทั้งยังสร้างค่ายกลเอาไว้ใกล้ ๆ กับตำหนักแห่งนี้ด้วย หากเขากล้ามา จะไม่ได้กลับออกไปอีกแน่นอน”
ที่กลางตำหนักแห่งนี้ มีผู้แข็งแกร่งของเผ่าหงส์ทั้งหมด 6 คน ทุกคนต่างมีผลการฝึกตนระดับ เจ้ายุทธจักร ในนั้นคนที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุด ก็คือระดับ เจ้ายุทธจักรช่วงกลาง
หลัวซิวแปลงร่างเปลี่ยนรูปลักษณ์ สำรวจไปทั่วทั้งบริเวณใกล้เคียงของตำหนักแห่งนี้
“ค่ายขังมังกรระดับแปด”
แค่เพียงแวบเดียวเขาก็สามารถมองที่มาของการสร้างค่ายยากเย็นออกได้ เมื่อมีคนข้ามเข้าไปภายในค่ายยากเย็นแห่งนี้ จะมีแสงค่ายเก้าลำแสงแปรเปลี่ยนเป็นโซ่รูปมังกรขังเอาไว้ด้านใน
ปรมาจารย์ค่ายกลที่มีระดับต่างกันนั้น อำนาจของค่ายกลก็ต่างกันไปด้วย ค่ายขังมังกรระดับแปดที่อยู่ตรงหน้านี้ สามารถกักขัง เจ้ายุทธจักรช่วงต้นได้อย่างสบาย ๆ ส่วนผู้แข็งแกร่งระดับ เจ้ายุทธจักรช่วงกลางก็สามารถขังได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม
“เผ่าหงส์ พวกเจ้าแส่หาเรื่องเอง”
หลัวซิวเตรียมพร้อมที่จะเข่นฆ่าแล้ว อีกทั้งเขายังมีแผนว่าจะเบนสายตาไปยังกองกำลังต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อน ๆ ของตนต้องถูกร่างแหละบาดเจ็บไปด้วย
ค่ายขังมังกรระดับแปด หลัวซิวคิดจะทำลายก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าอยากทำลายอย่างเงียบ ๆ ไม่ให้คนในค่ายรับรู้ นั่นก็ยากขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ในใจของหลัวซิวก็ได้มีแผนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ผู้คนบนเส้นทางใกล้ตำหนักนั้นผ่านไปมามากมาย หลัวซิวเนียนเข้าไปอยู่ในกลุ่มคน เพราะออร่าเปลี่ยนรูปลักษณ์ จึงไม่มีใครสงสัยว่าเขามีเป้าหมายอะไร
เขาเดินไปรอบ ๆ ทางเดินในตำหนักหลายรอบ สองมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ ก็จีบกันสร้างพลังตราประทับค่ายกล จากนั้นก็เอาวัสดุที่จำเป็นสำหรับการสร้างค่ายกลทั้งหมดวางเอาไว้ตามจุดที่ต้องการ
“สำเร็จ!”
ครึ่งชั่วยามต่อมา มุมปากของหลัวซิวก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา
เขาไม่เคยลองแก้ค่ายขังมังกร เพราะเมื่อถูกยอดฝีมือเผ่าหงส์ที่อยู่ในค่ายพบเข้า เช่นนั้นทั้งสามคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันก็จะกลายเป็นเครื่องมือที่อีกฝ่ายเอาไว้ใช้ควบคุมตน
ครั้งนี้หลัวซิวไม่ได้เพียงแค่จะทำสงครามเท่านั้น ยังต้องช่วยคนด้วย จึงจำเป็นต้องแน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คลายค่ายขังมังกร แต่กลับสร้างค่ายกลขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งที่บริเวณด้านนอกของค่ายขังมังกร ซึ่งเป็นค่ายกลระดับแปดเช่นกัน ต่างมีความสามารถเป็นได้ทั้งค่ายยากเย็นและค่ายซ่อนงำทั้งสองชนิด
นอกจากนี้ยังหมายถึง มีค่ายกลที่เขาสร้างเอาไว้อยู่ ถึงแม้เขากับยอดฝีมือเผ่าหงส์ปะทะกันดุเดือดเพียงใด หากมองจากภายนอกก็จะไม่พบความผิดปกติใด ๆ ออร่าของคลื่นพลังจิตแท้ก็จะไม่ไหลออกไปด้านนอกด้วย
เมื่อเตรียมทุกอย่างครบแล้ว หลัวซิวก็สาวเท้าก้าวเข้าไปที่กลางตำหนัก
กลางโถงรับแขกของตำหนัก ยอดฝีมือของเผ่าหงส์ทั้งหกคนนั่งคุกเข่าอยู่ต่างก็พากันเบิกตาโพล่ง
“ฮ่าฮ่า ปลาติดเบ็ดแล้ว วัยรุ่นนี่ประสบการณ์น้อยจริงด้วย เดินเข้ามาติดกับดักเองง่าย ๆ เช่นนี้”
ผู้อาวุโส เจ้ายุทธจักรช่วงต้นของเผ่าหงส์คนหนึ่งหัวเราเสียงดัง เขาก็คือคนที่สร้างค่ายขังมังกร มีระดับเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับแปด ทั่วทั้งโลกแสงดาว ก็นับว่ามีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดา
เขาจีบมือวิชาค่ายกล ค่ายขังมังกรก็ทำงานในทันที เพลิงอัคคีเส้นแล้วเส้นเล่าหลอมรวมขึ้นเป็นโซ่ ออกมาจากรอบตำหนักทั้งแปดทิศ พุ่งตรงเข้าไปทางหลัวซิว
“เพียงแค่ค่ายขังมังกรระดับแปด ไม่มีประโยชน์ต่อข้า”
หลัวซิวเดินเข้าไปในตำหนักอย่างสบาย ๆ เหมือนเดินเล่น ด้วยพลังของตัวสำนึกและพลังแห่งกฎความตาย ตัวสำนึกแปรเปลี่ยนออกไป ทำลายโซ่ทั้งแปดเส้นนั้นจนแตกกระจาย