มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 767
ด้วยการโจมตีของหลงเย๋เทียน ทันใดนั้นภายในตำหนักก็กลายเป็นความโกลาหล ความสมดุจที่กองกำลังใหญ่ต่าง ๆ คอยรักษาเอาไว้อย่างต่อเนื่องนั้นได้ถูกทำลายลง จิตสังหารที่ไม่มีที่สิ้นสุดแทรกซึมอยู่ทุกหนทุกแห่ง
มุมปากของหลงเย๋เทียนเผยความเย้ยหยันออกมา แน่นอนว่าเขาไม่ได้ประมาท ไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีตนเองจนคิดว่าอาศัยเพียงแค่พลังของตัวเขาเองแล้วจะสามารถต้านทานทุกคนได้ เป้าหมายของเขาก็คือการทำให้สถานการณ์ตรงหน้าวุ่นวายขึ้นมา ทำให้การต่อสู้แย่งชิงขุมทรัพย์นี้เริ่มต้นขึ้นมาก่อน
ป้าบ!
สายฟ้าสีทองที่ส่องประกายบนร่างของหลงเย๋เทียน เขาเป็นถึงราชามังกรเหลืองทองที่ฝึกตนกฎอัสนี ความเร็วของกฎอัสนีนั้นเร็วมาก ในการต่อสู้ที่โกลาหลนี้ ทำให้เขาเป็นเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ไม่นานก็สามารถพ้นการปิดล้อม และพุ่งเข้าไปในกลุ่มคนได้
สงครามเริ่มขึ้นแล้ว ย่อมไม่สามารถหยุดได้ ทุกคนก็ไม่ได้อยากหยุดมือ ค่อย ๆ พุ่งเข้าไปที่เกราะนักยุทธ์เหลืองทองและม้วนหยกกลางโถงใหญ่
กุ่ยโยวพลิกมือแล้วหยิบธงดำออกมา ภายใต้การปะทุของกฎความตาย ธงดำปลิวไสวตามสายลม มังกรอสูรสีดำที่น่าสะพรึงกลัวแต่ละตัว ๆ คำรามออกมา ม้วนไปทางเกราะนักยุทธ์เหลืองทองและม้วนหยก
อัจฉริยะมารม่วงเผ่าพันธุ์ปีศาจอ้าปากและคายเตาออกมา ลำแสงสีม่วงดำทับซ้อนกันอยู่รอบเตา เต็มไปด้วยความลึกลับของร่องรอยกฎ แต่กลับทำให้ผู้คนมองแล้วรู้สึกไม่สมจริง
พลังดูดกลืนวิญญาณลอยออกมาจากเตา หมายจะเก็บเอาเกราะนักยุทธ์เหลืองทองและม้วนหยกเข้าไปด้านใน
ทั้งสองตนต่างลงมือแล้ว คนอื่น ๆ ย่อมไม่อยากล้าหลัง ค่อย ๆ สำแดงวิธีการของพวกเขา เพื่อคว้าสมบัติทั้งสองชิ้นนี้มาครอบครอง
คนเหล่านี้ในสถานที่แห่งนี้ พลังที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นระดับมหายุทธ์ เช่นอัจฉริยะแถวหน้าจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์มาร แต่ละคนต่างมีพลังการต่อสู้ในระดับพรีเมี่ยมยุทธ์
ในสงครามที่น่ากลัวเช่นนี้ ตำหนักแห่งนี้กลับยังมั่นคงดั่งหินผา ไม่มีร่องรอยร้าวหรือแตกแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันไม่ธรรมดาเพียงใด
อีกทั้งเกราะนักยุทธ์เหลืองทองนั้นยังปล่อยออร่ากฎดั้งเดิมออกมาด้วย แม้เหล่าคนพวกนี้จะใช้วิธีการต่าง ๆ แต่เกราะนักยุทธ์เหลืองทองนั้นก็ยังคงลอยอยู่อย่างนั้น ไม่มีการเขยื้อนแม้แต่น้อย
“เก็บมันมา!”
อัจฉริยะมารม่วงเผ่าพันธุ์ปีศาจตระโกนเสียงดัง เตาสีม่วงขยายใหญ่ขึ้น หันไปครอบเกราะนักยุทธ์เหลืองทองนั้นไว้ เพื่อบังคับผนึกไว้ในเตา
จากนั้นในขณะที่เตาม่วงเพิ่งจะลอยเข้าไปใกล้ ๆ เกราะนักยุทธ์เหลืองทอง ออร่าที่น่าเกรงขามก็แผ่กระจายออกมาจากเกราะนักยุทธ์เหลืองทอง เสียงคล้ายเหล็กกระทบกันดังขึ้น เตาม่วงถูกโจมตีกระเด็นออกไป แตกออกเป็นรูโหว่
อัจฉริยะหนุ่มมารม่วงคนนั้นหน้าถอดสี เตาม่วงนี้เป็นของที่เขาใช้จิตวิญญาณกลั่นแปรออกมา หากเตาม่วงได้รับบาดเจ็บ ตัวเขาเองก็ย่อมต้องถูกผลกระทบไปด้วย มุมปากมีรอยเลือดปรากฏให้เห็น
“เก็บ!”
กุ่ยโยวใช้ธงดำแปรเป็นมังกรอสูรหลายตัวบินเจ้าไป พันรอบเกราะนักยุทธ์เหลืองทองนั้นไว้
แต่เกราะนักยุทธ์เหลืองทองนั้นกลับเหมือนว่าได้ผนึกตัวเองเข้ากับปริภูมิอย่างไม่มีวันสั่นคลอน ไม่ว่า มังกรอสูรหลายตัวนั้นจะลากดึงอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้มันขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
ปัง! ปัง! ปัง!……
ในชั่วพริบตา มังกรอสูรที่พันรอบเกราะนักยุทธ์เหลืองทองก็แตกละเอียด กลายเป็นหมอกสีดำและหายไป กุ่ยโยวคร่ำครวญเล็กน้อย ร่างกายโอนเอนถอยหลังไปสองก้าว ประกายแสงธงดำในมือพลันมืดลงทันใด
หลัวซิวยืนชมอย่างเงียบสงบ ไม่ได้เสี่ยงเข้าไปร่วมแย่งชิงแต่อย่างใด เพราะเขารู้ดีว่าคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ รวมตัวกันในที่แห่งนี้ ถึงแม้จะได้สมบัติของขลังมาครอง ก็ไม่มีวันเอามันออกไปจากที่นี่ได้โดยง่าย
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกห้องโถง แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจากอาณาจักรใต้ อาณาจักรตะวันตก และอาณาจักรเหนือ ต่างก็ส่งคนเข้ามากลุ่มหนึ่ง
“ฆ่า!”
คนเหล่านี้เข้าร่วมการต่อสู้ระยะประชิดทันทีที่เข้ามา เป้าหมายถูกกำหนดไว้ที่เกราะนักยุทธ์เหลืองทองและม้วนหยก
“เวรเอ้ย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เกราะนักยุทธ์ชุดนี้ไม่สามารถเก็บไปได้”
มีบางคนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา เพราะว่าทุกคนต่างก็ลองใช้กลยุทธ์มากมาย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเก็บเกราะนักยุทธ์เหลืองทองและม้วนหยกออกไป แม้แต่จะเข้าใกล้สมบัติทั้งสองชิ้นนี้ในระยะร้อยเมตรยังทำไม่ได้