มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 764
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 764
หลัวซิวรู้ดีว่า ในเมื่อเหล่าอัจฉริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เช่นนั้นผู้แข็งแกร่งอาวุโสจำนวนไม่น้อยก็ต้องมาด้วยเช่นกัน เพียงแต่เหล่าเฒ่าประหลาดพวกนี้จะหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด ไม่ได้เผยตัวตนจริง ๆ ออกมา
จิตฟ้าดิน สามารถดึงดูดใจผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ และการปรากฏตัวของภูตทอง ไม่เพียงแค่เป็นฉนวนชิ้นหนึ่ง ในความเป็นจริงแล้วยังเป็นการแข่งขันครั้งหนึ่งของเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ ด้วย
“ผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มารก็มาด้วย!”
ขอบฟ้าอันไกลโพ้น เสียงของอสูรกายดังขึ้นต่อเนื่อง อสูรกายดุร้ายนับร้อยบินตามกันมา ด้านบนต่างก็มีผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มารที่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นมนุษย์แล้วนั่งอยู่
ในบรรดาเผ่าพันธุ์มาร คนที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้นั้นต่างมีพลังที่น่าอัศจรรย์ ถึงแม้เผ่าพันธุ์มารจะมีจำนวนไม่มาก แต่กลับสามารถขับขี่อสูรกาย ทำสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่โลกแสงดาวได้เป็นเวลายาวนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เผ่าพันธุ์มารนับร้อยไม่ได้เข้ามาในเมือง แต่ร่อนลงที่นนอกเมืองราว ๆ สิบสามลี้ รวมตัวอยู่ด้วยกัน รังสีอันทรงพลังที่รวมตัวกัน ทำให้ผู้คนในเมืองรู้สึกกดดันอย่างมาก
ทันใดนั้น ที่เส้นขอบฟ้าก็มีออร่ามารม้วนขึ้นมา ราชรถบดขยี้โซน เสียงคำรามดังขึ้น ทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“แม่งเอ้ย เผ่าพันธุ์ปีศาจก็มาเข้าร่วมด้วย?” หลัวซิวมองด้วยแววตาตกตะลึง พูดไปแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ในประวัติศาสตร์ของโลกแสงดาว เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มารสู้รบกันมาอย่างยาวนาน แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจกลับลงมาที่นี่เมื่อราว ๆ หมื่นปีก่อนอย่างกะทันหัน นำหายนะขนาดมหึมามายังโลกแสงดาวด้วย
และหายนะครั้งนี้ ถูกเรียกว่าอุบัติภัยโบราณ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์มาร ต่างก็ต้องสูญเสียผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก จนถึงปัจจุบัน การฝึกตนของโลกยุทธ์ก็ไม่อาจหวนคืนความรุ่งเรืองอย่างในอดีตได้อีก
พลังปีศาจที่เข้มข้นบดบังทัศนวิสัย ทำให้หลัวซิวไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจนถึงรูปร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่บนราชรถ
ห่างจากเมืองเทียนหัวราวสามสิบหกลี้คือผืนป่ากว้างไร้ที่สิ้นสุด ผืนป่านี้ทอดยาวไปจนถึงจุดแบ่งอาณาเขตระหว่างอาณาจักรตะวันออกและอาณาจักรเหนือ ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยหลายพันลี้
ค้นหาภูตทองในผืนป่าเช่นนี้ เป็นการงอมเข็มในมหาสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ยังคงมีจอมยุทธ์จำนวนมากมาที่แห่งนี้ ด้วยหวังว่าอาจจะเจอโชคดี
ถ้าหากมีโชคสามารถได้ภูตทองมาครอบครอง แม้ว่าตนจะไม่สามารถกลั่นแปรได้ นำออกไปขายก็ยังสามารถแลกเปลี่ยนเป็นราคาสูงเสียดฟ้าได้
ถึงแม้ว่าจะมีคนจำนวนมากมาที่นี่ โดยเฉพาะการมาของแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ เผ่าพันธุ์มนุษย์อีกทั้งเผ่าพันธุ์มารและเผ่าพันธุ์ปีศาจ ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกถึงแสงแห่งความหวังที่จะสามารถค้นพบภูตทองได้
แต่อาณาเขตของป่านี้กว้างเกินไป โอกาสที่จะได้เจอกันมีน้อยมาก
“ผืนป่าที่กว้างขวางเช่นนี้ จะไปหาภูตทองได้จากที่ใด?” เมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ตามรายงานขององค์กรนักล่ายุทธ์ จวบจนบัดนี้มีเพียงแค่คำบอกเล่าว่ามีคนเห็นภูตทองอยู่ในป่านี้ แต่รายละเอียดที่บ่งบอกว่าภูตทองอยู่ที่ใดกันแน่นั้น กลับไม่มีใครรู้
และคนที่บอกว่าเห็นภูตทองนั้น กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ก็ไม่รู้ว่าถูกฆ่าปิดปาก หรือบางทีอาจจะถูกขังเอาไว้ก็เป็นได้
“โฮก!”
หลัวซิวเพิ่งเดินเข้ามาในผืนป่าแห่งนี้ได้ไม่นาน เสียงคำรามที่น่าเกรงขามดังขึ้นมา อสูรเสือสีดำพุ่งตรงเข้ามา ความเร็วนั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้าสีดำ
อสูรเสือตัวนี้ร่างสูงราวห้าเมตร กรงเล็บแหลมคมดำขลับยาวประมาณหนึ่งฟุตกว่า มีเกล็ดกลมทั่วทั้งร่างกาย เขี้ยวคมราวกับคมดาบ สะท้อนประกายแสงเย็นยะเยือก
“อสูรกายระดับเจ็ด?”
หลัวซิวขมวดคิ้ว ถึงแม้อสูรกายระดับเจ็ดสำหรับเขาแล้วจะไม่ได้ทำให้เขามีความกดดันแต่อย่างใด แต่บริเวณโดยรอบของผืนป่าแห่งนี้ ว่ากันตามเหตุผลแล้วไม่ควรจะมีอสูรกายระดับสูงปรากฏตัวขึ้นถึงจะถูก
อสูรเสือสีดำได้พุ่งตรงเข้ามาด้านหน้า เผยความดุร้ายออกมาเต็มที่ หลัวซิวยกมือขึ้นปล่อยหมัดกระบี่ออกไป วินาทีนั้นเองเจ้าอสูรเสือตัวใหญ่มหึมาก็กระเด็นออกไป ร่างกายแตกละเอียดกลายเป็นละอองเลือด