มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 747
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 747
หลัวซิวส่ายหัวบอกว่าตนเองไม่ได้ใส่ใจ เขาก็เข้าใจความหมายของต้าวหวูซิน คนของโลกมารที่ว่า ก็คือพวกที่ชั่วช้าอำมหิต โดยเฉพาะพื้นที่แถบเหวปีศาจมรณานี้ ถ้าเจอคนจำพวกนี้ เกรงว่าคงจะต้องได้ประมือกันบ้าง
“ทั้งโชคและอันตรายมีหมด” หลัวซิวยิ้มพูด
ต้าวหวูซินเห็นด้วยอย่างมาก มีทั้งโชคและอันตรายเป็นความเข้าใจร่วมกันของทั้งในโลกฝึกยุทธ์ และเป็นหลักการที่จอมยุทธ์มากมายรู้ดี
สถานที่ที่ยิ่งมีโชคเยอะๆ ปกติจะมีอันตรายตามมาด้วย และที่ที่ยิ่งอันตราย ก็จะยิ่งมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่มากมาย
การได้โอกาสอะไรดีๆ โชคชะตานั้นเป็นปัจจัยเล็กๆ เท่านั้น ยังจะต้องมีความกล้าและไม่กลัวอันตรายให้เพียงพอด้วย
ขณะที่พูด ทั้งสามคนก็ได้ค่อยๆ เข้าสู่ส่วนลึกของเหวปีศาจมรณาแล้ว สถานที่ที่จอมยุทธ์ทั่วไปอยากจะหนีออกไปให้ไกล แต่สามคนนี้กลับเดินเข้ามาเล่นอย่างมั่นใจ ด้วยความมั่นใจในพลังของตนเอง
พลังของหลัวซิวนั้นไม่ต้องพูดถึง ต้าวหวูซินก็จะต้องมีไม้ตายที่สู้กับยอดฝีมือเจ้ายุทธจักรได้อยู่แล้ว เหลียนเอ๋อร์คนนั้นก็คงไม่ได้แย่
เหวปีศาจมรณาเต็มไปด้วยพลังอันแปลกประหลาด เหมือนมีเสียงร้องของภูตผีปีศาจดังเข้ามาโดยรอบ แต่ไม่ว่าจะใช้สายตาหรือตัวสำนึก ก็ไม่อาจพบสิ่งผิดปกติได้เลย
อีกอย่างหมอกควันพวกนี้ยังแทรกซึมตัวสำนึกได้อีก ดังนั้นก็เลยจะใช้ออกไปไกลมากไม่ได้
“ตัวสำนึกของข้ายื่นออกไปได้แค่15เมตรเท่านั้น” ต้าวหวูซินขมวดคิ้วขึ้นมา
ตอนนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ นางบุกหอคอยมหาภพชั้นที่สาม ตัวสำนึกสามารถเทียบได้กับระดับมหายุทธ์ช่วงท้ายได้เลย
แม้แต่ตัวสำนึกของนางก็ใช้ที่นี่ได้แค่15เมตร เหลียนเอ๋อร์ก็บืนปากพูดว่า “ของข้ายื่นออกไปได้แค่10เท่านั้นเอง”
ต้าวหวูซินก็มองไปยังหลัวซิว อยากรู้มากเลยว่าตัวสำนึกของหลัวซิวจะแข็งแกร่งกว่าตนเองหรือไม่
“ของข้าเองก็ได้แค่ประมาณ10กว่าเมตร ไม่ต่างกับน้องเหลียนเอ๋อร์” หลัวซิวผายมือพูด
“เหอะ” เหลียนเอ๋อร์ส่งเสียงไม่พอใจ ดูเหมือนว่าถ้าเด็กคนนี้ยังไม่เอาชนะหลัวซิวได้สักครั้งล่ะก็ ก็คงจะไม่ยอมหายโกรธ
ต้าวหวูซินก็ไม่ได้พูดอะไรกับคำตอบของหลัวซิว ในใจกลับไม่ค่อยเชื่อ เพราะตอนที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น หลัวซิวก็บุกขึ้นหอคอยมหาภพชั้นสามเหมือนกัน แสดงว่าความสามารถด้านตัวสำนึกวิญญาณ ไม่ได้ด้อยกว่าตนเองเลย
ต้าวหวูซินรู้สึกว่าหลัวซิวไม่ได้พูดความจริง แต่หลัวซิวก็รู้สึกว่าต้าวหวูซินไม่ได้พูดความจริงเหมือนกัน การประลองครั้งก่อนเขาก็ได้พบแล้วว่า อัจฉริยะที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ล้วนคิดอะไรล้ำลึกกันหมด
คนที่ไม่ได้มีแผนอะไรในใจ ก็คงจะมีเพียงเหลียนเอ๋อร์คนเดียว
หลัวซิวไม่ได้สนใจอะไรมาก ขอเพียงอย่ามาวางแผนกับตนเองก็พอ พวกนางจะคิดอะไรจะทำอะไรก็ตามใจ แต่ถ้ามาวางแผนกับตัวเขาล่ะก็ เขาไม่สนใจแน่ว่าจะมีฐานะอะไร
ตอนนี้หลัวซิวคิดเพียงว่าจะเพิ่มพลังของตนเอง เพราะว่าครั้งก่อนที่เจอกับเทพบุตรเผ่าหงส์ เขารู้สึกว่าเยว่เอ๋อร์ปลอดภัยอยู่ในเผ่าหงส์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยแน่นอน
ทันใดนั้นเอง เงาดำเงาหนึ่งก็ลอยออกมาจากหมอกควัน พุ่งมาใส่เหลียนเอ๋อร์
เงาดำนั้นมีความเร็วมาก พริบตาก็มาตรงหน้าของเหลียนเอ๋อร์เลย แต่เนื่องจากตัวสำนึกของนางถูกจำกัดพื้นที่ใช้งาน ดังนั้นก็เลยไม่ได้รู้ว่ามีเงาดำนี้เข้ามาโจมตี
“เหลียนเอ๋อร์ระวัง คือภูตมาร!” ต้าวหวูซินเอ่ยปากเตือน แต่ไม่ได้ลงมือ
หลัวซิวเห็นว่านางไม่ได้ลงมือ ก็เลยอดกลั้นไว้ คาดว่าเหลียนเอ๋อร์คนนี้น่าจะมีวิธีที่รับมือได้