มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 553
แต่เมื่อเขาได้ยินเจ้าตระกูลเหยียนบอกว่าเจ้าสำนักไท่เสวียน หลัวซิว ยังเป็นประธานของแก๊งนักกลั่นยาในประเทศเทียนหวู เขาก็ขมวดคิ้วอย่างอัตโนมัติ
ในฐานะคนสำนักใหญ่ของเผ่าหงส์ เฟิ่งหลิงจะรู้ดีกว่า คนๆหนึ่งในอายุประมาณยี่สิบ สามารถดำรงตำแหน่งประธานของอาณาจักรหนึ่งได้นั้น พรสวรรค์ดังกล่าวนี้ในสี่แก๊งใหญ่ จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับเขาแน่นอน และอำนาจจะไม่ต่ำ
“ผู้ที่ได้ปลุกเลือดหงส์โบราณมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเผ่าหงส์เรา ในเมื่อหลัวซิว เจ้าสำนักไท่เสวียน ได้รับความสำคัญจากพวกผู้ใหญ่ของสี่แก๊งใหญ่ จึงไม่สามารถแตะเขาได้ง่ายๆ” ชายวัยกลางคนชุดแดงที่อยู่ข้างๆ พูดช้าๆ
“พวกข้ามาที่นี่เพียงเพื่อนำพาผู้ที่ได้ปลุกสายเลือดหงส์ ไม่เกิดเรื่องจะเป็นการดีที่สุด” เสียงของหญิงสาวในชุดขาวนั้นเฉยเมย
เฟิ่งหลิงพยักหน้า “อย่างแรกเลยคือติดต่อกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ ซึ่งอยู่ในสำนักไท่เสวียน เพื่อดูว่านางเต็มใจที่จะไปที่สำนักใหญ่กับเราหรือไม่”
ว่าแล้ว พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนทันที นำโดยเจ้าตระกูลเหยียน ไปยังที่ตั้งของสำนักเขาไท่เสวียน
“แม้ว่าประตเขาของสำนักไท่เสวียนจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็สร้างขึ้นมาค่อยข้างดีทีเดียว”
หลังจากมาถึงสำนักเขาไท่เสวียน ชายชราชุดเขียวเงยหน้าขึ้นมอง และแสดงความคิดเห็นด้วยรอยยิ้ม
“มีค่ายคุ้มกันขั้น 8 หนึ่งค่ายกลและค่ายพิทักษ์เขาขั้น 7 หนึ่งค่ายกล” ชายวัยกลางคนในชุดแดงกล่าว
“โอ้? ยังค่ายคุ้มกันขั้น 8 อีกหรือ?”ชายชราชุดเขียวเลิกคิ้วขึ้น ค่อนข้างแปลกใจ
เขารู้ว่าชายวัยกลางคนในชุดแดงนี้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้น 7 ของเผ่าหงส์ และเชื่อว่าสายตาของเขาจะดูไม่ผิด
มีเพียงปรมาจารย์ค่ายกลขั้น 8 เท่านั้นที่สามารถสร้างค่ายกลขั้น 8 ออกมาได้ ในโลกแสงดาวปัจจุบัน ปรมาจารย์ค่ายกลขั้น 8 นั้นหายากมาก สาเหตุหลักมาจากความหายนะของสงครามสมัยโบราณ ทำใหเการสืบทอดจำนวนมากถูกทำลายล้างไปกับฝุ่นละอองประวัติศาสตร์
“สถานที่สำคัญของสำนักเขาไท่เสวียน ผู้ที่มาคือผู้ใด?”
ศิษย์หนุ่มสองคนที่มีหน้าที่เฝ้าดูแลสำนักเขา เห็นมีคนสี่คนบินมาจากอากาศ ก็ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน
“ข้าเจ้าตระกูลเหยียน ทั้งสามท่านนี้เป็นแขกผู้มีเกียรติจากเผ่าหงส์ มาเยี่ยมเจ้าสำนักไท่เสวียน” เจ้าตระกูลเหยียนก้าวไปข้างหน้าแล้วบอกจุดประสงค์ที่มา
เจ้าตระกูลเหยียนก็ถือว่าเป็นกองกำลังแข็งแกร่งในประเทศเทียนหวู ศิษย์ไท่เสวียนสองคนที่เฝ้าสำนักเขาเป็นเพียงศิษย์นอกสำนักธรรมดา เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ พวกเขาก็โค้งคำนับอย่างมีมารยาท
“เจ้าตระกูลเหยียน กรุณารอสักครู่ ทางข้าจะเข้าไปรายงานก่อน” ศิษย์สองคนเฝ้าอยู่คนหนึ่งและอีกคนรีบไปรายงานที่สำนักเขา
“ฮึ่ม เป็นแค่กองกำลังระดับสามเล็กๆเท่านั้น แสร้งตัวหนักมาก” ชายชุดแดงส่งเสียงอย่างเย็นชา สีหน้าไม่พอใจ
ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้น 7 เขาจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจทุกที่ที่เขาไป และเขาได้รับการยกย่องเป็นแขกสำคัญจากตระกูลขุนนางต่างๆ เป็นเพียงกองกำลังระดับสามเล็กๆที่มีมกุฎยุทธ์เฝ้าอยู่ กลับให้พวกเขารออยู่ที่นี่?
“เฟิ่งหงเสว่ หากเจ้ามีความสามารถเจ้าก็ทำลายค่ายคุ้มกันขั้น 8 ซะ” หญิงในชุดขาวเยาะเย้ยและชำเลืองมองเขา
“เฟิ่งเยียนหราน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ชายชุดแดงที่ชื่อเฟิ่งหงเสว่ สีหน้าเย็นชา
“พอได้แล้ว! เจ้าสองคนสงบหน่อย อย่าลืมจุดประสงค์ของการเดินทางของเราในครั้งนี้ด้วย” เฟิ่งหลิงขมวดคิ้วและตำหนิทั้งสองคน
เฟิ่งหงเสว่และเฟิ่งเยียนหราน เป็นผู้เยาว์ของเฟิ่งหลิง ครั้งนี้ที่มาประเทศเทียนหวู อาณาจักรใต้ ก็เพื่อพาพวกเขามาหาความรู้ที่นี่
สำหรับผู้เยาว์สองคนนี้ เฟิ่งหลิงนับว่าให้ความสำคัญกับพวกเขา ความสามารถสูง แต่ค่อนข้างจะหยิ่งสะโย จองหอง
ในเวลานี้ ศิษย์ไท่เสวียนที่ไปรายงานเรื่องได้กลับมา ป้องหมัด “เจ้าสำนักไม่อยู่ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน โปรดกลับไปเถอะ”
“ไม่อยู่?” เจ้าตระกูลเหยียนขมวดคิ้ว เขาสังเกตเห็นคนสามคนที่มาจากสำนักใหญ่เผ่าหงส์จากหางตา สีหน้าของพวกเขาไม่พอใจขึ้นมา